แม่วาฬที่เคยพยุงซากลูก ครึ่งเดือน มีลูกน้อยตัวใหม่ คลายเศร้าแล้ว
แม่วาฬที่เคยพยุงซากลูก - เดอะ การ์เดียน รายงานว่า แม่วาฬเพชฌฆาตที่มีผู้พบเห็นภาพสะเทือนใจเมื่อสองปีก่อน ขณะมันพยายามพยุงซากลูกน้อยไว้ให้ลอยน้ำใกล้ๆ ตัวอยู่นาน 17 วันแสดงถึงอาการโศกเศร้า ล่าสุด ให้กำเนิดลูกน้อยสุขภาพแข็งแรงแล้ว เป็นเรื่องที่ทำให้มนุษย์ดีใจไปด้วย
https://www.youtube.com/watch?v=0gJGQztvIt4
ศูนย์วิจัยวาฬ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร เห็นวาฬน้อย ที่มีรหัสว่า เจ-57 ว่ายน้ำอยู่ใกล้ๆ แม่วาฬชื่อ Tahlequah - ทาห์เลควาห์ เมื่อวันเสาร์ที่ 5 ก.ย. ที่ทะเลชายแดนระหว่างรัฐวอชิงตันของสหรัฐอเมริกา และรัฐบริติชโคลัมเบียของแคนาดา คาดว่าลูกวาฬอาจคลอดเมื่อวันศุกร์ที่ 4 ก.ย.
ศูนย์วิจัยวาฬรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ย. มีนักดูวาฬสังเกตเห็นลูกวาฬตัวเล็กๆ ส่วนทาห์เลควาห์ว่ายน้ำห่างจากวาฬตัวอื่นๆ และว่ายน้ำข้ามฝั่งไปแคนาดา จึงยุติการสังเกตและหวังว่าวาฬแม่ลูกคงจะไปได้ดี
ทาห์เลควาห์ มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกในปี 2561 จากการพาซากลูกที่คลอดออกมาตายพาไปไปมาไหนด้วยกันอยู่ 17 วันในทะเลซาลิช ใกล้ๆ รัฐวอชิงตันและรัฐบริติช โคลัมเบีย ส่วนลูกวาฬอีก 3 ตัวรอดชีวิต เรื่องราวของแม่วาฬตัวนี้ได้รับการถ่ายทอดผ่านสื่อมวลชนและสะเทือนใจผู้คนอย่างยิ่ง
อเลนา อีบีลิง-ชูลด์ ช่างภาพสัตว์ป่าและวาฬ กล่าวว่าเรื่องราวของวาฬทาห์เลควาห์มากกว่าการกระทบใจ แต่บอกเล่าให้คนรู้ถึงชะตากรรมของวาฬเพชฌฆาตและความรู้สึกที่ซับซ้อนของสัตว์ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สนใจนัก
https://www.youtube.com/watch?v=anSQqcXfJSk
วาฬเพชรฆาตแบ่งออกเป็น 3 ฝูงใหญ่ๆ กระจายกันอยู่ในช่องแคบจอร์เจีย ช่องแคบไปแวนคูเวอร์ และน่านน้ำโดยรอบ ซึ่งได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมหรือได้สารอาหารไม่เพียงพอเพราะอาหารหลักของวาฬเพชรฆาต คือ ปลาแซลมอนชินุคที่ใกล้สูญพันธุ์ซึ่งลดจำนวนลงมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้
เมื่ออาหารน้อยลงย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อการตั้งท้องของวาฬ
การวิจัยเมื่อปี 2560 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร PLOS ONE พบว่าระหว่างปี 2551-2557 แม่วาฬเพชรฆาตกว่า 2 ใน 3 ตั้งท้องไม่สำเร็จ เนื่องจากปลาแซลมอนชินุคน้อยลง ซึ่งเป็นอาหารหลักของวาฬกินปลาและเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้การตั้งท้องไม่สำเร็จ ดังนั้น จึงต้องเร่งเพิ่มจำนวนปลาแซลมอน ชินุคเพื่อให้วาฬเพชรฆาตมีประชากรมากขึ้น
https://www.facebook.com/276095682409947/videos/1782926621726838
นักวิจัยพบว่าอัตราการตายของลูกโลมาแรกเกิดสูงขึ้น ปริมาณสารอาหารลดลงในช่วงไม่กี่ปีนี้ ทำให้เปอร์เซ็นต์การให้ตกลูกล้มเหลวมากขึ้นหรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 40
ดร.ฮอลลี เฟิร์นบาค จากองค์กรอนุรักษ์ซีไลฟ์ เรสปอนส์ รีฮาบิเทชัน แอนด์ รีเสิร์จ หรือ เอสอาร์3 สังเกตเห็นว่าทาห์เลควาห์ตั้งท้องเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนจากภาพที่ถ่ายจากกล้องโดรน และจากการเปรียบเทียบภาพถ่ายทางอากาศจากที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่าจำนวนวาฬตั้งท้องลดน้อยลงในฝูงวาฬทั้ง 3 กลุ่ม ดังนั้น การถือกำเนิดลูกวาฬทุกตัวจึงมีความสำคัญต่อการเพิ่มจำนวนวาฬอย่างยิ่ง
ขณะนี้ ยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าทาห์เลควาหจะพาลูกน้อยกลับมาให้เห็นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าหรือไม่เพราะวาฬมักว่ายน้ำไปไกล
อีบีลิง-ชูลด์ ได้แต่หวังว่าทาห์เลควาห์และลูกน้อยจะเป็นความหวังใหม่สำหรับพวกเราทุกคน