CPAXTไตรมาส4โตต่อ ปีหน้าลุยลงทุน2หมื่นล.

#CPAXT #ทันหุ้น - CPAXTแย้มไตรมาส 4/2566 โตต่อเนื่อง ไฮซีซันของการจับจ่ายใช้สอยหนุนยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) เพิ่มขึ้น พร้อมกางแผนปี 2567 ตั้งเป้ายอดขายเติบโตตัวเลขหลักเดียวระดับสูง มีอีบิทดาที่ ไม่น้อยกว่า 11-13% จัดงบลงทุน 18,000-20,000 ล้านบาท เพื่อการปรับปรุงและขยายสาขาเพิ่มเติม
นางภัทรวัลล์ สุกปลั่ง รองผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมไตรมาส 4/2566 คาดจะเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า ตามการฟื้นตัวของกำลังซื้อและเศรษฐกิจ โดยปกติของทุกปีในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของการจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่างๆ ทำให้คาดว่าจะเข้ามาช่วยสนับสนุนยอดขายทั้งในฝั่งของค้าส่ง (Whalesale) และค้าปลีก (Retail) ให้มีการเติบโตที่อย่างต่อเนื่อง
โดยมองว่ายอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) ในช่วงไตรมาส 4/2566 นี้ จะมีการเติบโตในแบบของตัวเลขหลักเดียวได้ต่อไป จากไตรมาส 3/2566 ที่ในฝั่งของ Wholesale มี SSSG อยู่ที่ระดับ 3.2% (ไม่นับรวมอาหารสด) และ Retail เฉพาะประเทศไทย เติบโตที่ระดับ 2.5% (ไม่นับรวมอาหารสด) ทั้งนี้สัดส่วนการขายของ Wholesale ประกอบด้วย Dry Food 52%, Fresh Food 41% และ Non-Food 7% ขณะที่ Retail สัดส่วนการขายประกอบด้วย Dry Food 54%, Fresh Food 27% และ Non-Food 19% เป็นต้น
ส่วนสินค้าแบรนด์เฉพาะของ CPAXT (กลุ่มสินค้า Private Label) ปัจจุบันมีวางขายสินค้ากลุ่มนี้ในสาขาต่างๆ สัดส่วน 15% ซึ่งบริษัทฯ โดยวางเป้าหมายจะให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่มาจากกลุ่มผู้ประกอบการ โรงแรม ร้านอาหาร (กลุ่ม HoReCa) ซึ่งต้องพัฒนาสินค้ากลุ่มพรีเมียมมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวเป็นสินค้ามีอัตรากำไรสูง
*ทุ่มงบลงทุน 2 หมื่นล.
ส่วนทิศทางการเติบโตในปี 2567 คาดว่ายอดขายเติบโตตัวเลขหลักเดียวระดับสูง (High Single Digit) ด้านกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) คาดว่าเติบโตในระดับที่ไม่น้อยกว่า 11-13% จากยอดขายที่ปัจจุบันบริษัทมีสาขารวมประมาณ 2,700 สาขา ด้านเงินลงทุนในปี 2567 คาดว่าจะใช้มากกว่างบลงทุนปีนี้ที่อยู่ระดับประมาณ 18,000-20,000 ล้านบาท เพื่อการปรับปรุงและขยายสาขาเพิ่มเติม
โดยแผนงานการเติบโตในอนาคต บริษัทมี 4 เสาหลัก ได้แก่ 1.เติบโตจากนอกร้าน (Omni-Channel) ซึ่งในปี 2567 มีเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากช่องทางดังกล่าวเป็น 15% ภายในระยะเวลาอีก 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มสัดส่วนให้เป็นไม่น้อยกว่า 25% มองว่าจากการบริษัทมีสาขาหน้าร้านรวมกว่า 2,700 สาขา จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ
2. ธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีก ทำงานร่วมกัน (Integrate Procurement & Joint Sourcing) เพื่อรวมหาผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ให้ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ทั้งอาหารสด อาหารแห้ง หรือกลุ่มนอกเหนืออาหารเช่น อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น 3. การขยายสาขา (Expansion & Opportunities) ซึ่งนอกเหนือจากการปรับปรุงสาขาเดิมให้มีประสิทธิภาพ การขยายสาขาจะเป็นตัวช่วย ดันการเติบโตอีกทาง ซึ่งแผนงานระยะกลางบริษัทวางเป้าหมายขยายสาขาทั้งค้าส่ง ค้าปลีก ต่างประเทศ รวมปีละ 123-149 สาขา
และ 4.พัฒนารูปแบบใหม่ (Format evolution & Property Network) เช่น รูปแบบOptimize Format, Mall Improvement /Extension และ Fully Utilize Group Asset ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแนวทางการการใช้ ข้อมูลดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนการเติบโต เช่น การดูข้อมูลการใช้จ่ายของลูกค้า เพื่อคาดการณ์ยอดขาย และความต้องการของลูกค้า รวมถึงตรวจสอบปริมาณสินค้าเพื่อวางแผนขายในช่วงไฮซีซัน เป็นต้น
*ไตรมาส 4 พีคทำนิวไฮ
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง CPAXT ว่า บริษัทตั้งเป้าเติบโตปี 2567 โดยยอดขายโต 7-9% และ GPM ธุรกิจค้าส่งตั้งเป้า +20bps. และค้าปลีก +100 bps.จากการร่วมจัดซื้อสินค้าร่วมกันและเพิ่มสัดส่วนสินค้า Private Brand ส่งผลให้ปรับลดกำไรปกติปี 2566 และ 67 ลง -8.0% และ -8.9% เป็น 8.1 พันล้านบาท และ 1.1 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ เพื่อสะท้อนยอดขายที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่ทางฝ่ายคาด และSG&A/Sales ที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจค้าส่ง
ทั้งนี้คาดการณ์ไตรมาส 4/2566 คาดโตทั้ง QoQ และ YoY และทำจุดสูงสุดของปี ได้แรงหนุนจากการเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจ รวมถึงดอกเบี้ยจ่ายลดลงหลังรีไฟแนนซ์เงินกู้เสร็จสิ้นและต้นทุนค่าไฟต่อหน่วยลดลง จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสมใหม่ปี 2567 ที่ 32.50 บาทต่อหุ้น คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุด