เอาจริง ๆ นั่งฟังคนเครียดเรื่องเงิน ก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่เครียดนะ ถามว่าเครียดอะไร? ... ความรู้สึกคล้ายกับว่า เรื่องราวต่าง ๆ มันซึมเข้าไปในความรู้สึกเราด้วย (ประมาณนั้น) เพราะเรื่องเงิน เป็นเรื่องของชีวิตจริงมาก ๆ และสำคัญกับทุกครอบครัว หลายครั้งนั่งฟังเรื่องราวต่าง ๆ ก็พยายามจับสีหน้าคู่สนทนาไปด้วย เพราะกลัวใจเหลือเกิน ได้ยินมานักต่อนักว่าสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดเรื่องไม่คาดคิดเอาได้เครดิตภาพ : Pexelssก่อนหน้านี้หลายปี รู้จักพี่คนหนึ่งผ่านทางออนไลน์ มาช่วยให้เราโพสโฆษณาในหัวข้อเรื่อง “รับปรึกษาปัญหาชีวิตในราคา 150-300 บาทต่อชั่วโมง” ด้วยความสงสัย เราจึงถามกลับไปว่า รับปรึกษาเรื่องอะไรบ้าง? พี่เค้าบอกว่า “ทุกเรื่อง” และมีคนติดต่อเข้ามาพูดคุยด้วยจริง ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาส่วนตัว ปัญหาครอบครัว ซึ่งมีความเชื่อมโยงจากเรื่องเงินแทบทั้งสิ้น บางครั้งก็ไม่ได้ให้คำปรึกษาอะไรมาก เพียงแค่ทำหน้าที่รับฟังเท่านั้นเพื่อนเราคนหนึ่งหยอกเล่น ๆ ว่า ให้เรารับปรึกษาแบบคิดค่าใช้จ่ายไปเลยสิ เพราะเห็นบางคนมาคุยด้วย ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลย แถมเรายังบอกวิธีปลดหนี้ต่าง ๆ ให้อีก เราเลยตอบไปว่า ถ้าเป็นทนายไม่แน่นะ!! …เครดิตภาพ : Free-Photosจากหัวข้อ “เครียดเรื่องเงิน ห้าม!!คิดลาโลกเด็ดขาด”… ที่มาของหัวข้อก็คือ เพื่อนคนหนึ่งที่แวะเวียนมาคุยกับเราบ่อย ๆ นอกจากเรื่องเงินแล้วก็ยังชอบเปรย ๆ เรื่อง “ฆ่าตัวตาย” อีก แต่ไม่ได้พูดจริงจัง คล้าย ๆ เป็นคำสบถมากกว่า แต่ในฐานะผู้ฟังที่ดี ก็ต้องจับความรู้สึกในคำพูดไปด้วย เพราะเราไม่อยากได้รับข่าวร้ายใด ๆ ทั้งสิ้น จึงให้ความช่วยเหลือทางข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะแบบหมดสมองกันไปเลยเครดิตภาพ : QuinceCreativeใจความที่น่าหนักใจก็คือ เพื่อนของเรากำลังถูกบังคับคดียึดบ้าน แต่เป็นบ้านที่เพื่อนซื้อมาเอง ไม่ใช่บ้านพ่อแม่แต่ดั้งเดิม ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างผ่อนชำระ เราจึงไม่ถามอะไรมากจนเกินควร เพราะหากย้อนความไปมา อาจไปสะกิดต่อมบางอย่างได้... เพื่อนเล่าต่อไปว่า ทำใจไม่ได้ที่จะต้องเสียบ้านหลังนี้ไป เพราะได้มาจากน้ำพักน้ำแรง และไม่อยากทำให้พ่อแม่ต้องเดือดร้อน ตอนเล่าให้ที่บ้านฟังก็พากันร้องไห้ไปหลายรอบแล้วจากข้อมูลที่เพื่อนเล่าให้ฟัง เราหักดิบบอกไปก่อนเลยว่า "ทำใจไม่ได้ก็ต้องได้!!" พร้อมกับบอกเพื่อนไปว่า ตราบใดที่ยังไม่มีคนมาซื้อบ้าน เราก็ยังคงอาศัยในบ้านนี้ได้เหมือนเดิมนะ จนกว่าจะมีเจ้าของใหม่ ซึ่งเค้ามีสิทธิที่จะไล่เราออกบ้านได้ ดังนั้น อยู่ในบ้านหลังนี้ไปก่อนเรื่อย ๆ ได้เลย เพราะการขายทอดตลาด ไม่ได้หาคนซื้อง่ายขนาดนั้นหรอก หมายความว่า ยังมีเวลาในการเตรียมความพร้อมอยู่พอสมควรเครดิตภาพ : Stanly8853ข้อดีต่อมาก็คือ บ้านยังผ่อนอยู่ ช่วงนี้ก็ไม่ต้องไปจ่ายค่าผ่อนบ้านแล้ว อยู่ฟรี ๆ ไปเลยสักระยะ หากโชคดีก็อาจจะนานหลายเดือน สิ่งที่ควรกังวลก็คือทรัพย์สินอื่น ๆ มากกว่า หากไม่มีอะไรให้เจ้าหนี้รายอื่น ๆ มายึดได้ ก็ถือว่าได้เปรียบ และอยู่แบบไม่มีทรัพย์สินในชื่อของตัวเองไปเลย 10 ปี แต่หากยังมีอยู่อีก ก็ต้องไปเริ่มที่การเจรจาต่อรองกันไป ส่วนบ้านหากเก็บเงินได้สักก้อน ก็หาคนในครอบครัวไปซื้อบ้านของเราเองก็ได้ เชื่อว่าราคาจะไม่สูงมากเท่าไร แต่ก็มีขั้นตอนพอสมควร อาจต้องพึงทนายเก่ง ๆ สักคนแล้วล่ะ ยังไงก็เอาไปคิดวางแผนก่อนก็ได้ เครดิตภาพ : Free-Photosly8853“แกยิ้มได้บ้างหรือยัง?” เราถามเพื่อนแบบนี้ และบอกว่าอย่าไปคิดทำอะไรที่ไม่ดีเด็ดขาด พ่อแม่จะเสียใจ บาปต่อตัวเองอีกด้วย อยากให้คิดง่าย ๆ ว่า มันเป็นบทเรียนชีวิตที่เพื่อนต้องผ่านไปให้ได้ เห็นชัดเลยว่า หมดหนี้สินไปโดยปริยาย คือ “แกไม่มีหนี้สินอีกต่อไปแล้ว” ส่วนเราในฐานที่ปรึกษา ยังใช้หนี้งก ๆ อยู่เลย จะหยุดจ่ายก็ไม่ทันซะละ ดันไปมีทรัพย์สมบัติให้เค้าตามยึด (ฮา..)งานนี้บอกเลยว่าเจ้าหนี้ที่มาช้า ไม่ทันแล้วล่ะ ก็บอกไปแล้วนี่นา ว่าเป็นหนี้หลายเจ้า ขอทำ haircut หนี้ ก็ไม่ยอมตั้งแต่แรก สรุป “อด!!” ... ทำให้เราเห็นรอยยิ้มบาง ๆ ของเพื่อนได้บ้าง ...เครดิตภาพปก : Alexas_Fotosบทความที่เกี่ยวข้อง :- ทำความเข้าใจ แบล็กลิสต์ (บัญชีดำ) และเครดิตบูโร ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด- จ่ายหนี้ไม่ไหว ต้องอ่าน 3 ข้อต่อไปนี้ (ห้ามทยอยจ่ายชำระหนี้เด็ดขาด!!)