ขบวนช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมถึงกาซา หลังข้อตกลงหยุดยิงอิสราเอล-ปาเลสไตน์มีผล
สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ขบวนรถบรรทุกนำความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากหลายองค์กรบรรเทาทุกข์ เดินทางเข้าไปถึงเมืองกาซา ส่วนหนึ่งของเขตปกครองตนเองของชาวปาเลสไตน์แล้วในวันเสาร์(22 พ.ค.) ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ คู่ขัดแย้งที่ได้บรรลุเห็นพ้องร่วมกันภายใต้การไกล่เกลี่ยที่นำโดยอียิปต์ มีผลบังคับใช้
หลังการสู้รบระหว่างคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่ายรอบล่าสุดที่ดำเนินมาต่อเนื่อง 11 วัน ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันมากกว่า 250 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเมืองปาเลสไตน์ในเมืองกาซา โดยอิสราเอลและปาเลสไตน์ต่างประกาศอ้างชัยชนะหลังจากบรรลุข้อตกลงหยุดยิงร่วมกัน
ขบวนรถบรรทุกความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งรวมถึงจากหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้นำยารักษาโรค อาหาร และเชื้อเพลิง เข้าไปช่วยเหลือประชาชนในเมืองกาซา หลังจากอิสราเอลกลับมาเปิดจุดข้ามแดน เคเรม ชาลอม ที่ติดกับกาซาอีกครั้ง
กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ระบุว่า มีพลเรือนมากกว่า 100,000 คน ในเมืองกาซา พื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของฮามาส กลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ ที่ต้องอพยพหนีภัยสู้รบออกจากบ้านเรือนของตนเองซึ่งถูกโจมตีอย่างหนักจากฝ่ายอิสราเอล และมีประชาชนอีกเกือบ 800,000 คน ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงน้ำประปา
ขณะที่เจ้าหน้าที่ทางการปาเลสไตน์ชี้ว่า จำเป็นต้องใช้เงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในการฟื้นฟูพื้นที่ หลังจากบ้านเรือนของชาวปาเลสไตน์จำนวนมากได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการถูกโจมตี ท่ามกลางภาวะที่ชาวปาเลสไตน์ยังต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย
นางมาร์กาเร็ต แฮร์ริส โฆษกขององค์การอนามัยโลก กล่าวเรียกร้องให้ปาเลสไตน์เข้าถึงเวชภัณฑ์และบุคลากรด้านสาธารณสุข เนื่องจากระบบสาธารณสุขในปาเลสไตน์เสี่ยงรับมืออย่างท่วมท้นต่อผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
ด้านสำนักงานเพื่อผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์แห่งสหประชาชาติ ระบุว่า ภารกิจสำคัญคือการให้ความช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นหลายพันคนในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งจำเป็นต้องการเงินช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนราว 38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ