หนุ่มน.ร.นอก ป่วยจิต ปาดคอ 'ย่า' ดับ แทงสาวหมอนวด ยิง ผช.พยาบาล
วันที่ 2 ม.ค. ที่อุดรธานี ร.ต.อ.ศักดา บุญก้อน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งออกสอบสวนเหตุคนร้ายทราบชื่อภายหลังว่านายกิตติภัฏ (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี ใช้อาวุธมีดแทง น.ส.อาริยา (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี หมอนวดแผนโบราณ ชาว อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ที่ร้านนวดแผนโบราณในชุมชนโนนพิบูลย์ ทน.อุดรธานี
น.ส.อาริยา ถูกแทงด้วยอาวุธมีดด้านหลัง 4 แห่ง และพยายามปาดคอ จึงวิ่งออกจากร้านนวด ไปขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดี ที่หน้าร้านสะดวกซื้อที่อยู่ห่าง 100 เมตร มูลนิธิส่งเสริมธรรมช่วยเหลือ นำส่งรักษาตัว รพ.ศูนย์อุดรธานี และคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ 2 นัด แล้วใช้รถ จยย.ฮอนด้า สกู๊ปปี้ สีฟ้า ทะเบียน 1กฎ-9152 อุดรธานี หลบหนีไป พบปลอกกระสุนขนาด 11 มม.ตกอยู่ 2 ปลอก
ต่อมารับแจ้งเหตุว่าชายคนเดียวกัน ใช้อาวุธปืนยิงที่บริเวณหน้า รพ.เอกชน แห่งหนึ่งริมหนองประจักษ์ศิลปาคม กระสุนปืนถูก น.ส.ออย (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี ผู้ช่วยพยาบาล ทำหน้าที่ห้องฉุกเฉิน ในโรงพยาบาล ได้รับบาดเจ็บที่แขนขวา 1 ราย
พนักงานรถฉุกเฉินในโรงพยาบาล และเพื่อน ได้เข้ารับงับเหตุแย่งปืนจากคนร้าย จนสามารถควบคุมตัวไว้ได้ เจ้าหน้าที่ตามมาควบคุมตัว พร้อมอาวุธปืนสั้น ขนาด 11 มม. 1 กระบอก ในดวงตาที่เหม่อลอย
เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปตรวจค้นบ้านพัก ที่เปิดเป็น “บ้านฟิตเนส” ในชุมชนโนนวัฒนา ทน.นครอุดรธานี ภายในบ้านพบศพ นางอนงค์ (สงวนนามสกุล) 66 ปี ผู้เป็น “ย่า” ของผู้ต้องหา เสียชีวิตอยู่ภายในห้องนอน ถูกแทงตามลำตัว 10-15 แห่ง และถูกปาดคอหลอดลมขาด ในห้องผู้ต้องหาพบกระสุนปืน 11 มม. 50 นัด และยาชนิดเม็ดหลายรายการ ระบุเป็นยารักษาอาการจิตเวช
นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.อุดรธานี พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.อารี สินธุรา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เดินทางไปสอบสวนผู้ต้องหา และตรวจที่เกิดเหตุทั้ง 3 จุด หลังจากเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้มาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก 7 ธ.ค.63 คนร้ายขี่ จยย.ใช้มีดไล่แทงชาวบ้านเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 6 คน พลเมืองช่วยเบรกคนร้ายก่อนตำรวจเข้าจับกุม ยังหาแรงบันดาลใจไม่ได้ , ครั้งที่สอง 13 ธ.ค.63 คนร้ายขี่ จยย.ไล่แทง และดักเอาท่อนไม้ตี มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย ตามจับกุมคนร้ายได้ขณะเมายาบ้า
นายกิติภัฏ ผู้ต้องหา รับสารภาพด้วยความสับสนว่า เป็นผู้ก่อเหตุฆ่า “ย่า” ของตัวเอง เริ่มจากได้ไปบอกย่าว่า อยากได้ปืนที่ย่าเก็บไว้ในตู้เซฟ เอาออกมาขอถ่ายรูปปืน ซึ่งอยากได้ปืนมายิงหัวตัวเอง เพราะอยากตาย เพราะว่ามีคนมายุ่งเรื่องส่วนตัว มาแฮ็คโทรศัพท์ โดยไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่คนข้างบ้านและทุกคนเขารู้หมด แต่ไม่อยากจะทำกับย่าแบบนี้ ตนฝืนตัวเองเพื่อทำกับย่า และก็อยากได้ปืนแค่นั้น และตนก็ป่วยเป็นโรคจิตเวช และก็เคยถูกรถชน และก็เป็นอีกหลายอย่าง
พนักงานที่ร้านนวดแผนโบราณ เล่าว่า ผู้ต้องหาเป็นลูกค้าประจำ เคยมานวดที่ร้านหลายครั้ง วันนี้ก็ขี่ จยย.มารับบริการอีก แต่เป็นช่วงที่พนักงานกินข้าวกลางวัน จึงแจ้งให้พอก่อนหรือกลับมาใหม่ ผู้ต้องหาบอกจะรอที่ร้าน ขณะกินข้าวอยู่ผู้ต้องหาส่งเสียงโวยวาย โดยไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นก็ตรงเข้ามาใช้มีดแทงพนักงาน เมื่อถูกแทงวิ่งออกจากร้านไปที่ร้านสะดวกซื้อ คนร้ายก็ยิงปืนขึ้นฟ้า 2 นัด แล้วขี่ จยย.หลบหนีไป
นายพรรคพล ทองศรี พนักงานประจำรถกู้ชีพ โรงพยาบาลดังกล่าว เล่าว่า ขณะปฏิบัติหน้าที่ได้มีชาย ขี่รถ จยย.มาจอด ก่อนชักอาวุธปืนออกมายิงผู้ช่วยพยาบาล จำนวน 1 นัด แล้วตนเข้าไปปล้ำสู้กับคนร้าย แล้วพี่อีกคนก็ช่วยเข้าจับคนร้ายเอาไว้ด้วย ในตอนนั้นตนคิดอย่างเดียวว่าไม่ให้คนร้ายยิงใครเพิ่มอีก โชคดีน้องผู้หญิงที่ถูกยิงไม่โดนจุดสำคัญ
นายขจรศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 73 ปี ปู่ผู้ต้องหา ตอบข้อซักถามว่า หลานชายไปอยู่อังกฤษกับพ่อเขา กลับมาเมืองไทยเมื่อ 3-4 เดือนก่อน ได้รับการกักตัวก่อนญาติๆไปรับกลับบ้าน โดยมีอาการทางจิตจึงไปพบแพทย์ สั่งยามาให้รับประทานตามกำหนด ตนไม่ค่อยสนิทกับหลาน เขาสนิทกับย่าเห็นหยอกล้อกันบ่อยๆ ดำเนินชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป สั่งอาหารทางแกร็บมาส่ง ปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นของตน มีทะเบียนซื้อมามากกว่า 40 ปี ให้ย่าเป็นคนเก็บรักษา เมื่อเช้าออกไปตกปลารู้ข่าวรีบกลับมา
พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า ตรวจสอบในบ้านพบยารักษาโรคจิตเวช จากโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2563 ที่เป็นชื่อของ นายกิตติภัฏ 5 รายการ สอบสวนเบื้องต้น นายกิตติภัฏ เองก็บอกว่าไม่ได้กินยา และทางแพทย์เวร ได้ตรวจสอบคิวอาร์โค้ดของยาที่ได้มา ทราบว่าเป็นยารักษาอาการกลุ่มผู้ป่วยจิตเวชจริง แต่ทั้งนี้ทางตำรวจจะควบคุมตัวส่งไปตรวจทางจิตเวชอีกครั้ง ว่าขณะก่อเหตุเขามีความรู้สึกรับผิดชอบชั่วดีแต่ไหน เพราะเหตุที่เกิดเป็นการฆ่าคนตายโดยเจตนา
“ส่วนการควบคุมตัวคงต้องแยกขัง เพราะอาจเกิดอาการคลุ้มคลั่ง และคงต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะตัวเขาเองบอกว่าอยากจะฆ่าตัวตาย ที่เป็นสาเหตุที่อยากได้อาวุธปืนมา และผู้ตายที่เป็นย่ารู้ที่ซ่อนของอาวุธปืน จึงต้องการเอาปืนจากผู้เป็นย่า จนกระทั่งมาเกิดเป็นเหตุสลดในดังกล่าว ซึ่งปืนกระบอกนี้ต้องไปตรวจสอบอีกครั้งว่าเป็นปืนของใคร” พล.ต.ต.พิษณุ กล่าว