รีเซต

อียูไฟเขียวนทท.ต่างชาติฉีดวัคซีนโควิดครบโดส เข้าประเทศไม่ต้องกักตัว

อียูไฟเขียวนทท.ต่างชาติฉีดวัคซีนโควิดครบโดส เข้าประเทศไม่ต้องกักตัว
TNN ช่อง16
20 พฤษภาคม 2564 ( 13:54 )
68
อียูไฟเขียวนทท.ต่างชาติฉีดวัคซีนโควิดครบโดส เข้าประเทศไม่ต้องกักตัว

วันนี้ ( 20 .. 64 )เมื่อวานนี้เอกอัครราชทูตจาก 27 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป อนุมัติแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวนอก EU  เข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว เพื่อต้อนรับฤดูร้อน ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวหลักของภูมิภาคนี้ หลังจากปิดพรมแดนไป 1 ปี เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยคณะกรรมาธิการยุโรป หรือ EC เป็นผู้เสนอแผนดังกล่าวดังกล่าวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

แผนดังกล่าวมีเงื่อนไขว่า นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปเยือนสหภาพยุโรป โดยไม่ต้องกักตัว จะต้องเดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ จะฉีดวัคซีนต้านโควิดแล้ว หรือยังไม่ฉีดวัคซีนก็ได้ 

ส่วนนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้มาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ  หากฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครบโดสแล้วอย่างน้อย 14 วัน  ก็สามารถเดินทางเข้า EU ได้โดยไม่ต้องกักตัวเช่นกัน 

ประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือบางสื่อใช้คำว่าประเทศที่ปลอดภัย ก็คือ ประเทศที่ มีอัตราผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 14 วัน น้อยกว่า 75 ราย ต่อประชากร 100,000 คน  

สำหรับรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำ คาดกันว่า EU น่าจะจัดทำภายในสัปดาห์นี้หรือต้นสัปดาห์หน้า   รอยเตอร์สรายงานว่า ถ้าดูจากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหภาพยุโรป หรือ ECDC  และสถานการณ์ปัจจุบัน น่าจะมี สหราชอาณาจักร และอีกหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อิสราเอล และสิงคโปร์ ที่เข้าข่ายดังกล่าว ขณะที่สหรัฐฯน่าจะไม่ถูกรวมอยู่ในประเทศที่ปลอดภัย แต่ชาวอเมริกันที่ได้รับวัคซีนต้านโควิดแล้วก็สามารถเดินทางเข้า EU ได้เช่นกัน  

ขณะที่ Bloomberg รายงานว่า ไม่สำคัญว่าสหรัฐฯ จะอยู่ในรายชื่อประเทศที่ปลอดภัยหรือไม่เพราะชาวอเมริกันฉีดวัคซีนต้านโควิดไปจำนวนมากแล้ว (124 ล้านคนได้รับวัคซีนครบโดส จากประชากรทั้งหมด 332 ล้านคน หรือ 37.9%)

กฎเกณฑ์ปัจจุบัน  EU กำหนดว่าา ประเทศที่ปลอดภัยจะมีอัตราผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่เกิน 25 คน ต่อประชากร  100,000 คนในช่วง 14 วันที่ผ่านมา และต้องมีการตรวจหาเชื้อเพียงพอ สำหรับคำนวณอัตราขั้นต่ำของผู้ที่มีเชื้อโควิดเป็นลบ โดยอาจต้องนำเรื่องไวรัสกลายพันธุ์เข้ามาประเมิณด้วย

ภายใต้ข้อเสนอใหม่ EC ต้องการเพิ่มอัตราผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วง 14 วัน เป็น 100 รายต่อประชากร 100,000 คน แต่บรรดาเอกอัครราชทูตชาติสมาชิก EU แก้ไขเป็น 75 ราย ดังที่บอกไปข้างต้น

สำหรับประเทศที่ไม่ได้อยู่ในลิสต์ความเสี่ยงต่ำ แต่ประชาชนฉีดวัคซีนต้านโควิดแล้ว ก็สามารถเดินทางเข้า EU ได้โดยไม่ต้องกักตัวเช่นกัน แต่มีข้อแม้ว่า วัคซีนที่ฉีดจะต้องได้รับการรับรองโดยองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป หรือ EMA นั่นคือ

-Pfizer-BioNTech

- Moderna

- AztraZeneca

และ Johnson & Johnson’s

โดยจะต้องฉีดครบโดสแล้วอย่างน้อย 14 วัน สำหรับเด็กที่เดินทางกับพ่อแม่ที่ฉีดวัคซีนแล้ว แต่ตัวเด็กเองยังไม่ได้รับวัคซีน สามารถเดินทางได้ แต่ต้องมีใบรับรองการตรวจหาเชื้อโควิดเป็นลบภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง

ส่วนวัคซีนที่ได้รับการรับรองโดยองค์การอนามัยโลก WHO  แต่ไม่ได้รับรองโดย EU ก็จะอาจได้รับการพิจารณาเช่นกัน  วัคซีนที่รับรองโดย WHO มี 4 ตัวข้างต้น และ Sinopharm 

ข้อตกลงต่างๆ จะมีการสรุปภายในสัปดาห์นี้และน่าจะดำเนินการได้หลังจากนั้นไม่นาน

ข้อตกลงดังกล่าวเป็นนโยบายเชิงเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งพาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อย่าง อิตาลี สเปนและกรีซ  โดยกรีซประกาศว่าเตรียมยกเลิกการขอผลตรวจโควิดและมาตรการกักตัวสำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้ว ขณะที่ประเทศอื่นๆ ก็มีเตรียมใช้มาตรการต่างๆเพื่อขานรับนโยบายดังกล่าวเช่นกัน

อย่างไรก็ตามอาจมีการใช้มาตรการเบรคฉุกเฉิน ระงับการเดินทางจากบางประเทศ เพื่อยับยั้งการนำเชื้อโควิดกลายพันธุ์มาแพร่ระบาดในยุโรปด้วย 

และยังให้สิทธิชาติสมาชิก EU ยังใช้พิจารณาใช้มาตรการขอผลตรวจโควิดเป็นลบ และการกักตัวได้ เป็นกรณีๆไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง