การออมเงินโดยไม่ต้องเสี่ยงกับการลงทุนที่มีความผันผวนสูง เป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนา ตั้งแต่เด็กนักเรียนยันผู้ใหญ่ที่ทำงานประจำ หากเรารู้จักเลือกเครื่องมือออมเงินที่มีความปลอดภัยสูง แต่ยังให้ผลตอบแทนที่ดี พอร์ตการเงินของเราก็จะเติบโตขึ้นโดยไม่ต้องเครียดกับความผันผวนของตลาดหุ้นหรือคริปโต ในบทความนี้จะเสนอ 3 วิธีการออมเงินแบบไม่เสี่ยง แต่ให้ “ผลกำไร” ในระยะกลางถึงยาวได้จริง พร้อมแชร์มุมมองและประสบการณ์จากผู้ใช้งาน วิธีการและหลักการ เปิดบัญชีฝากประจำ ระยะเวลา 3–12 เดือน (บางธนาคารมีให้เลือกถึง 36 เดือน) ดอกเบี้ยจะสูงกว่าการฝากออมทรัพย์ปกติ (ปัจจุบันอยู่ในช่วง 1.5–3% ต่อปี ขึ้นกับเงื่อนไขและระยะเวลาฝาก) เมื่อต้นและดอกครบกำหนดสัญญา รับดอกเบี้ยไปทันที โดยไม่ต้องดูแลหรือบริหารใด ๆ เพิ่มเติม ข้อดี ความปลอดภัยสูง – เงินจะถูกเก็บเข้าบัญชีธนาคารที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของแบงก์ชาติ (ฝากไม่เกิน 1 ล้านต่อคนต่อธนาคารจะได้รับเงินประกันในกรณีธนาคารล้มละลาย) คำนวณดอกเบี้ยได้ชัดเจน – ไม่ต้องกังวลเรื่องตลาดผันผวน เพียงเทียบอัตราดอกว่าเท่าไรต่อปี ก็รู้ผลกำไรแน่นอน ไม่ต้องบริหารจัดการบ่อย – ฝากครั้งเดียว จบสัญญา ได้ดอกครบตามกำหนด ข้อสังเกต หากถอนก่อนครบกำหนดสัญญา จะไม่ได้รับอัตราดอกเบี้ยตามฝากประจำ แต่ถูกปรับลดเป็นดอกออมทรัพย์ปกติ อัตราดอกเบี้ยอาจปรับลดลงได้หากสภาวะตลาดการเงินเปลี่ยนแปลง ธนาคารบางแห่งเสนอโปรโมชั่นพิเศษช่วงสั้น ๆ ควรตรวจสอบอัปเดตก่อนตัดสินใจฝาก ประสบการณ์ส่วนตัว ผมเคยทดลองฝากประจำกับธนาคารหนึ่งเป็นระยะเวลา 12 เดือน ด้วยเงินก้อนเล็ก ๆ เท่ากับค่าซื้อคอมพ์ใหม่ราว 20,000 บาท ตอนนั้นอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.5% ต่อปี พอครบกำหนดผมรับดอกไปประมาณ 500 บาท เห็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจริง ทำให้ผมมั่นใจและทยอยนำเงินสำรองบางส่วนไปฝากประจำทุกปี รู้สึกว่าง่ายและสบายใจ ไม่ต้องลุ้นเหมือนเล่นหุ้น กองทุนตลาดเงิน (Money Market Fund) วิธีการและหลักการ กองทุนตลาดเงินคือกองทุนรวมที่รวบรวมเงินจากผู้ถือหน่วย ไปลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น ตั๋วเงินคลัง ตั๋วสัญญาใช้เงิน พันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น ๆ ผลตอบแทนส่วนใหญ่จะใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยธนาคาร แต่เสี่ยงน้อยกว่าเพราะตราสารระยะสั้นมีความมั่นคงสูง ข้อดี สภาพคล่องสูง – สามารถขายคืน (redeem) เพื่อรับเงินสดได้ในวันทำการถัดไป (บางกองสามารถถอนได้ภายใน 1 วัน) ผลตอบแทนดีกว่าบัญชีออมทรัพย์ – ปัจจุบันกองทุนตลาดเงินให้ผลตอบแทนราว 1–1.5% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าดอกออมทรัพย์ปกติ (0.5–0.75%) บริหารจัดการสะดวก – สมัครได้ผ่านแอปธนาคารหรือโบรกเกอร์ กองทุนดูแลโดยบริษัทจัดการที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ข้อสังเกต อัตราผลตอบแทนไม่ได้สูงมาก หากต้องการนำเงินไปลงระยะยาวกว่า 3–6 เดือน ควรเช็กค่าธรรมเนียมซื้อ-ขาย (ขายคืนแล้วได้เงินเข้าบัญชี) บางกองอาจมีเงินลงทุนขั้นต่ำเริ่มต้น 1,000–10,000 บาท ตามแต่ละบลจ. กองทุนตลาดเงินจึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินสำรองไว้ “เผื่อฉุกเฉิน” และต้องการผลตอบแทนเหนือกว่าดอกออมทรัพย์ ประสบการณ์ส่วนตัว ผมเปิดบัญชีกองทุนตลาดเงินไว้กับโบรกเกอร์ออนไลน์ เพื่อไว้สำรองกรณีฉุกเฉิน (เช่น เงินไม่พอใช้ระหว่างเดือนหรือค่ารักษาพยาบาลกะทันหัน) โดยเริ่มจากเงินเดือนละ 5,000 บาท พอครบสิ้นปีก็เห็นยอดเติบโตราว 1.2% ซึ่งเป็นเงินเพิ่มเกือบ 600 บาทจากเงินรวม 50,000 บาท สำหรับผมถือว่าคุ้มค่ากว่าทิ้งไว้ในบัญชีออมทรัพย์แน่นอน วิธีการและหลักการ ประกันแบบออมทรัพย์ (Endowment) คือแบบประกันชีวิตที่ผสมผสานระหว่างการ “ออมทรัพย์” กับ “คุ้มครองชีวิต” ภายในกรมธรรม์เดียว ลูกค้าจะจ่ายเบี้ยประกัน (รายปีหรือรายเดือน) ไว้ตามสัญญาระยะ 5, 10 หรือ 15 ปี เมื่อครบกำหนดสัญญา จะได้รับเงินคืน (เงินออมรวมดอกเบี้ย) พร้อมเงินโบนัสหรือเงินปันผล (ถ้ามีกำไรจากบริษัทประกัน) หากผู้เอาประกันเสียชีวิตระหว่างสัญญา ทายาทได้รับเงินจำนวนหนึ่งตามที่ตกลงในกรมธรรม์ ข้อดี วินัยออมเงินในระยะยาว – เพราะต้องผูกมัดจ่ายเบี้ยประกันสม่ำเสมอ ทำให้ไม่เผลอไปใช้จ่ายอย่างอื่น ความคุ้มครองชีวิต – แม้เป้าหมายหลักคือออม แต่ในระหว่างสัญญาก็มีทุนประกันปลอดภัยให้ครอบครัวหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ผลตอบแทนแน่นอนในสัญญา – รู้ได้ล่วงหน้าว่าจะได้รับเงินคืนตามสัดส่วนที่บริษัทกำหนด (เช่น 110–120% ของเบี้ยรวมในระยะ 10 ปี) ข้อสังเกต เบี้ยประกันออมทรัพย์มักสูงกว่าการจ่ายกองทุนรวมเพื่อลงทุน เหมาะกับคนที่มีระเบียบวินัยทางการเงินและต้องการความมั่นคง หากถอนก่อนครบกำหนดกระแสเงินสด (cash value) จะไม่คุ้มค่า ควรวางแผนจ่ายเบี้ยให้ครบตามสัญญา ผลตอบแทนอาจไม่สูงเท่าการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวหรือกองทุนรวมหุ้น แต่ความเสี่ยงต่ำกว่าและมีประกันชีวิตแฝงอยู่ ประสบการณ์ส่วนตัว ผมทำประกันออมทรัพย์ระยะเวลา 10 ปี กับบริษัทประกันชั้นนำ โดยเริ่มจ่ายเบี้ยปีละ 20,000 บาท ช่วงปีแรกรู้สึกเบี้ยค่อนข้างสูง แต่พอผ่านไป 5 ปี ผมมองว่าเป็นการฝึกวินัยออมเงินชั้นดี ทำให้ไม่เผลอใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ประกอบกับช่วงปีที่ 7 ผมได้รับเงินปันผลพิเศษจากบริษัทเพิ่มอีก 3% ทำให้รู้สึกว่าการวางแผนและอดทนจ่ายเบี้ยมานั้นคุ้มค่า เพราะหลังครบ 10 ปี ผมจะได้รับเงินคืนรวมดอกและโบนัสที่น่าพอใจ สรุปข้อดีและข้อควรพิจารณา คำแนะนำเพิ่มเติม กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน ก่อนเลือกวิธีออม ควรถามตัวเองว่า “เป้าหมาย” ของการออมคืออะไร เช่น เก็บสำรองฉุกเฉิน, เก็บทุนเพื่อซื้อบ้าน, วางเงินไว้ใช้ยามเกษียณ หรือเก็บทุนให้ลูกไปเรียนต่อ จะได้เลือกเครื่องมือออมให้เหมาะสม สำรองฉุกเฉินก่อนเป็นอันดับแรก พยายามเก็บเงินสำรองฉุกเฉินให้ได้อย่างน้อย 3–6 เดือนของค่าใช้จ่าย หากยังไม่มี ให้เริ่มจากกองทุนตลาดเงินหรือฝากประจำระยะสั้นก่อน แล้วจึงค่อยขยับไปลงทุนระยะยาวหรือทำประกันออมทรัพย์ ทยอยกระจายความเสี่ยง หากมีเงินออมมากพอ อย่าใส่ไปในที่เดียว แนะนำให้แบ่งเก็บทั้งฝากประจำก้อนหนึ่ง กองทุนตลาดเงินก้อนหนึ่ง และวางแผนประกันออมทรัพย์ก้อนหนึ่ง เพื่อให้เงินทำงานหลากหลาย และลดความเสี่ยงหากสภาพตลาดเปลี่ยน หมั่นตรวจสอบและปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ ติดตามอัตราดอกเบี้ยฝากประจำ ปรับลงทุนกองทุนตลาดเงินตามความเหมาะสม หรือตรวจสอบประกันออมทรัพย์ในช่วงปีที่ 5–7 ว่าควรเพิ่มทุนหรือเปลี่ยนเงื่อนไขใหม่ได้หรือไม่ การออมเงินแบบไม่เสี่ยงไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีผลตอบแทนเลย ตราบใดที่เราเลือกรูปแบบการออมให้เหมาะสมกับเป้าหมาย จัดสรรเงินอย่างเป็นระบบ และมีวินัยในการออม ผลกำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ จากดอกเบี้ยดอกเล็กดอกน้อยเหล่านั้นจะค่อย ๆ ส่งผลให้เงินของเราเติบโตอย่างมั่นคง ดีกว่าปล่อยให้เงินนั่งนิ่งในบัญชีออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยน้อยจนแทบไม่เติบโตเลย รูปหน้าปก : จากเจ้าของบทความ รูปภาพที่1 : จากเจ้าของบทความ รูปภาพที่2 : จากเจ้าของบทความ รูปภาพที่3 : จากเจ้าของบทความ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !