รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
30 พฤษภาคม 2565 ( 09:21 )
187

#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index มีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,650+- จุดจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกหลังตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐาน PCE ของสหรัฐฯออกมาตามคาด +0.3% M-M, +4.9% Y-Y โดยเริ่มการปรับขึ้น Y-Y ในอัตราที่ชะลอ ทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ กำลังผ่านจุดสูงสุดในรอบ 40 ปี หนุนเม็ดเงินไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับน้ำมันดิบที่ไต่ระดับขึ้นคาดหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน 

 

ส่วนปัจจัยในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่ชัดเจน โฟกัสยังคงอยู่ที่การ Reopening และเปิดประเทศเต็มรูปแบบในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้กระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลเข้าในระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์เรายังเน้นลงทุนในหุ้น Reopening และ Value Play ที่มี PER/PBV ไม่สูงเที่ยบกับช่วงปี 2019 ที่ยังไม่มี COVID-19 และมีแนวโน้มกำไร 2Q22 แข็งแกร่งต่อเนื่อง คาดว่าจะสามารถปรับตัวได้แข็งแกร่งกว่าตลาดโดยรวมท่ามกลางนโยบายการเงินที่ตึงตัว

 

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Value Play ที่แนวโน้มกำไร 2Q22-2H22 แข็งแกร่ง 

หุ้นเด่นเดือนพ.ค. : GFPT, ILINK, SAPPE, SMT, TH

 

หุ้นเด่นวันนี้:MAJOR

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 24 บาท

• คาดกำไรกลับมาฟื้นตัวอย่างโดดเด่นใน 2Q22-3Q22 จาก Lineup หนังทำเงินดังหลายเรื่อง ได้แก่ Doctor Strange, Top Gun, Jurassic World, Thor เป็นต้น

• เราคาดผลการดำเนินงานปี 2022 พลิกกลับมามีกำไร 729 ลบ.จากขาดทุน 528 ลบ.ปีก่อน ราคาหุ้นมีโอกาส Outperform จากกำไรที่ผ่านจุดต่ำสุดใน 1Q22 และเร่งตัวขึ้นใน 2Q22 เป็นต้นไป

• แนวรับ 20.50//20.20 บาท แนวต้าน 21.50//22 บาท       

 

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด วาง Filter แนวรับดัชนี SET ที่ 1,625 – 1,630 หากยืนได้แนวโน้ม Sideway Up โดยมีแนวต้าน 1,645 – 1,655 ได้ปัจจัยหนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว แนะนำซื้อ KBANK,BBL,KTB,BFIT (+สินเชื้อฟื้นตัว/หนี้เสียลดลง)/ค้าปลีก CPALL,MBK/ PTT,TOP,ESSO / KCE,SVI,HANA

 

 BRI* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 14.20 บาท) บริษัทรายงานผลประกอบการ 1Q65 เป็นสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาส โดยมีรายได้รวม 1.48 พันล้านบาท +77%YoY, +47%QoQ และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 353 ล้านบาท +170%YoY +135%QoQ หลักๆ มาจากมาจากการบันทึกกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนและบริหารโครงการร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์รวม 3 โครงการ สำหรับแนวโน้มช่วงที่เหลือของปีคาดว่ายอดโอนจากโครงการเดิมจะเติบโตต่อเนื่อง ตามแผนการเปิดโครงการใหม่ในปี 65 ที่วางไว้ 12 โครงการ ใน 7 จังหวัด มูลค่าโครงการรวม 1.34 หมื่นล้านบาท โดยใน 1H65 เปิดแล้ว 2 โครงการ และช่วงครึ่งปีหลังจะเปิดตัวอีก 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจากแผนธุรกิจที่วางไว้ผู้บริหารมั่นใจจะสามารถทำยอด Presale ในปีนี้ 1.1 หมื่นล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ 7.25 พันล้านบาทตามเป้า นอกจากนี้ยังมี Upside จากการทำ JV กับพันธมิตรอีก 1-2 โครงการ หนุนให้กำไรปกติในปีนี้เติบโตโดดเด่นสุดในกลุ่ม

 

MINT* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 41.00 บาท) น้ำหนักการฟื้นตัวที่มีโอกาสเป็นไปอย่างต่อเนื่อง YoY โดย Core Revenue ช่วง 1Q65 ปรับตัวสูงขึ้น +66%YoY ขณะที่ทิศทางในช่วงถัดไปยังคาดว่าธุรกิจโรงแรมโดยรวมจะมี RevPar ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสัญญาณในเดือน เม.ย. ซึ่งถ้าหากเทียบกับปีปกติใน 2562 แล้ว RevPar เม.ย.65 จะอยู่ที่ -5% (ปรับตัวดีขึ้นจาก เม.ย.64 ที่ -83%)  ได้ประโยชน์โดยตรงจากภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับเข้าสู่ปกติโดยเฉพาะโซนยุโรป(ที่มีสัดส่วนห้องอยู่ราว 60% ) ขณะที่ธุรกิจ Food มีแรงหนุนจากร้านอาหารในไทยช่วง 1Q65 แต่ได้รับผลกระทบลบจากการล็อกดาวน์ในจีนและออสเตรเลีย อย่างไรก็ตามคาดว่าประเด็น Covid-19 จะมีน้ำหนักน้อยลงในช่วง 2H65 ทั้งนี้ตลาดคาดว่าปี65 MINT* มีโอกาสที่จะพลิกกลับมีกำไรได้ที่ 0.24 บ./หุ้น หลังจากขาดทุนต่อเนื่องในปี64 และ 63 ที่ -2.83 บ./หุ้น และ -4.71 บ./หุ้น ตามลำดับ

 

**บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) คาดกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ 1620-1650จุด (สัปดาห์ที่ผ่านมา 1,638.75 จุด /+0.97%) ดัชนีฯ ยังอยู่ในโทนที่เป็นบวก ตลาดหุ้นไทย แข็งแรงจากปัจจัยภายใน ทั้งค่าเงิน ราคาน้ำมัน และ กำไรตลาดที่ออกมาดี การ Rotate กลุ่มเล่นในแต่ละวันยังค่อนข้างจะสูงมาก ทำให้ดัชนีฯ เมื่อสิ้น สัปดาห์อาจบวกไม่ได้มาก

 

ปัจจัยที่เคยถ่วงตลาด คือ covid จีน สะท้อนไปมากแล้ว ขณะที่สถานการณ์ยูเครนทรง ๆตัว ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มมีแรงซื้อกลับ ดีต่อตลาดหุ้นไทยด้วย

 

ติดตามการแสดงความเห็นของกรรมการ Fed โดยส่วนมากยืนยันการขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.50%

 

ทั้งนี้ ดัชนีฯ คงรูปทรงในขาขึ้น ไว้ได้ค่อนข้างดี (จะดีมาก ถ้าขึ้นไปปิด gap ที่ 1643 จุดได้) เรายังคง ทยอยปรับพอร์ตเพื่อหมุนหุ้นที่ล้อกับการสูงขึ้นของตลาด และมีข่าวบวกเข้ามาในตลาดมากขึ้น วันนี้ เราสนใจหุ้นบริหารหนี้ และโรงพยาบาลที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ

 

เนื่องจาก เราประเมินว่า ยิ่งใกล้วันประชุม FOMC (14-15 มิ.ย.) ตลาด(โลก)จะชะลอตัวเพื่อรอผล ประชุมหรือแนวโน้มการประชุม การลงทุนในช่วงนี้ จึงควรปรับเป็นเล่นสั้น เน้นข่าวรายวันไปก่อน

 

หุ้นไทยส่วนใหญ่จะได้ประโยชน์จาก Food Crisisมากกว่าแต่เน้นไปที่ผู้ปลูก(UPOIC,TWPC)

 

Copy trade หุ้นฝรั่งซื้อมากBH, PTTEP

 

หุ้นในพอร์ตวันนี้ เรานำ GULF ออก และเพิ่ม AAV เข้ามาแทน หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย AAV(10%) JMT*(10%), SAWAD(10%), BH*(10%), THG*(10%), FORTH(10%), BE8*(10%)

 

Strategy Stock Pick

AAV*: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 3.10 บาท) “ผู้โดยสารเร่งตัวขึ้นใน 2Q22, 1 มิ.ย. คนไทยเลิก Thailand Pass”

• ผู้โดยสารฟื้นตัวต่อเนื่องนับจาก 2Q22 ล่าสุดในเดือน เม.ย. สถิติการขาส่งทางอากาศชี้ ผู้โดยสาร เม.ย. International ฟื้น 1068%YoY, ในประเทศฟื้น 56%YoY ตามลำดับ 

• ศบค. ประกาศปรับเกณฑ์มาตรการโควิด คนไทยไม่ต้องลงทะเบียน Thailand Pass หนุนการเดินทางระหว่างประเทศ, ญี่ปุ่นเตรียมรับนักท่องเที่ยวไทย

• Bloomberg Consensus ประเมินผลประกอบการปี 2022 เฉลี่ยขาดทุนที่ 3.89 พัน ลบ. ส่วนปี 2023 พลิกเป็นกำไรที่ 84 ลบ. ตามลำดับ

 

Technical: KCE, BCH

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง