เกาหลีเหนือโผล่ “ยูทูบ” โพสต์คลิป “เลขปริศนา” คาดส่งสารถึงสายลับต่างแดน (คลิป)
เกาหลีเหนือโผล่ “ยูทูบ” โพสต์คลิป “เลขปริศนา” คาดส่งสารถึงสายลับต่างแดน
เกาหลีเหนือโผล่ “ยูทูบ” - วันที่ 29 ส.ค. สำนักข่าวยอนฮัป ของเกาหลีใต้รายงานกระแสตั้งข้อสงสัยถึงคลิปเสียงตัวเลขปริศนาบนเว็บไซต์ยูทูบ โพสต์เมื่อช่วงสายตามเวลาท้องถิ่นโดยบัญชีชื่อ Pyongyang Broadcast Service หรือบริการกระจายเสียงแห่งเปียงยาง ของ สถานีวิทยุเรดิโอเปียงยาง ของทางการ เกาหลีเหนือ ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าเกาหลีเหนือกำลังส่งข้อความรหัสถึงบรรดาเจ้าหน้าที่สายลับเกาหลีเหนือที่แฝงตัวอยู่ในเกาหลีใต้
คลิปดังกล่าวในชื่อ 0100011001-001 มีเสียงผู้ประกาศหญิงอ่านข้อความระบุว่า “นี่เป็นการมอบหมายการตรวจสอบเทคโนโลยีสารสนเทศของมหาวิทยาลัยการศึกษาทางไกลสำหรับคณะผู้เดินทางหมายเลข 719”
จากนั้นพูดข้อความซ้ำๆ หลายช่วง อาทิ “หมายเลข 23 บนหน้า 564, หมายเลข -19 บนหน้า 479” ซึ่งหลังจากคลิปโพสต์ราวๆ 1 นาที มีจำนวนการเข้าชมกว่า 2,500 ครั้ง
ทั้งนี้ เกาหลีเหนือเคยส่งข้อความตัวเลขผ่านทางวิทยุในช่วงสงครามเย็น แต่เริ่มเป็นที่จับตาหลังมีรายงานส่งข้อความตัวเลขในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 7 มี.ค. และอีกครั้งในวันที่ 13 มี.ค. อย่างไรก็ตาม คลิปเสียงตัวเลขบนช่องยูทูบถือเป็นครั้งแรกของทางการเกาหลีเหนือที่ใช้โซเชี่ยลมีเดียระดับโลกในการส่งสาร
North Korea on Saturday broadcast a series of mysterious numbers, presumed to be an encrypted message to its spies in the South, for the first time on YouTube. Photo: Youtube
File Photo: The clip repeated phrases such as "No. 23 on Page 564, No. -19 on Page 479" for about one minute in the posting, which had been viewed 2,500 times as of 11 a.m. KCNA via REUTERS
File Photo: North Korea has broadcast such seemingly random numbers via radio since the Cold War era, as recently as March 7 and 13. KCNA via REUTERS
File Photo: But this is the first time that Pyongyang has used the global video-sharing platform to send the apparently coded messages. KCNA via REUTERS
North Korean leader Kim Jong Un inspects the typhoon-damaged area in South Hwanghae Province, North Korea, in this image released by North Korea's Korean Central News Agency (KCNA) on August 27, 2020. KCNA via REUTERS