ตอนนี้โรงเรียนในไทยกลับมาเปิดเทอมกันแล้ว นอกเหนือจากความกังวลใจว่า ลูกหลานจะปรับตัวรับกับชีวิตวิถีใหม่ New Normal กันได้หรือไม่? และอีกหนึ่งในปัญหาที่อาจต้องเผชิญ ซึ่งน่าหนักใจไม่แพ้กัน ก็คือ การที่เด็ก ๆ ถูกบูลลี่! การถูกบูลลี่มีหลายรูปแบบ และมาได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการพูดจายั่วเย้า ส่อเสียด ล้อเลียนให้ดูเป็นตัวตลก ทั้งต่อหน้าและในโลกออนไลน์ ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมก้าวร้าวที่มีอิทธิพลต่อเด็ก ๆ เป็นอย่างมาก ผู้ใหญ่จึงควรสอดส่องดูแล และสอนให้เด็กเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น รู้จักจัดการกับความโกรธ รวมถึงช่วยไม่ให้เขารู้สึกด้อยค่าจากการถูกล้อเลียนอีกด้วย ถ้าอย่างนั้น มาดูกันว่า...สัญญาณเตือนที่ทำให้รู้ว่าเด็ก ๆ กำลังถูกบูลลี่นั้นมีอะไรบ้าง!? และถ้ามีเด็กบ้านไหนเข้าข่ายดังต่อไปนี้ ผู้ใหญ่ก็อย่าเมินเฉย รีบแก้ไขปัญหาเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ กันนะคะ มีรอยบาดเจ็บที่บอกที่มาไม่ได้ ถ้าเด็กกลับมาบ้านพร้อมรอยถลอก แผลฟกช้ำ หรือร่องรอยบาดเจ็บอื่น ๆ “อย่าบอกให้ต่อสู้กลับ” แต่ให้สอนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นความผิดของเขา และรีบรายงานความผิดปกติกับทางโรงเรียนโดยด่วน ใช้มือถือมากหรือน้อยผิดปกติถ้าปกติเด็กมีนิสัยติดมือถือ แต่อยู่ ๆ กลับมีอาการผิดปกติ เช่น รีบปิดซ่อนหน้าจอ, เช็คโซเชียลมีเดียบ่อยครั้ง ฯลฯ นี่อาจเป็นสัญญาณบอกเหตุว่า เด็กอาจกำลังโดนไซเบอร์บูลลี่ พ่อแม่ควรแนะนำเด็ก ๆ ทำตามกฎ SCBT ซึ่งย่อมาจากS=Stop อย่าตอบโต้C=Copy เก็บข้อความและรูปที่โดนล้อเลียนเอาไว้ทั้งหมดB=Block ปิดกัั้นช่องทางสื่อสารทั้งหมดT=Tell เชื่อและทำตามที่ผู้ใหญ่สอนผลการเรียนตกต่ำผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Journal of Early Adolescence พบว่า การถูกบูลลี่ส่งผลให้เด็กมีผลการเรียนต่ำลงได้ ดังนั้น ถ้าลูกหลานที่เคยเป็นเด็กเรียนเก่งกลายเป็นเด็กสอบตกไปแบบดื้อ ๆ เป็นไปได้ว่า เด็กอาจกำลังถูกบูลลี่จนไม่มีสมาธิกับการเรียนอยู่ก็เป็นได้พฤติกรรมการนอนเปลี่ยนไปเหยื่อของการบูลลี่มักรู้สึกกดดันและกังวลใจ ซึ่งส่งผลร้ายต่อพฤติกรรมการนอนและสุขภาพจิต ถ้าเด็กคนไหนมีอาการนอนไม่หลับ นอนฝันร้าย หรือนอนกระสับกระส่ายบนที่นอนนานผิดปกติ นั่นอาจเป็นธงแดงที่เชื่อได้ว่า กำลังถูกบูลลี่อยู่ นิสัยการกินก็เปลี่ยนเด็กอาจกินน้อยลง หรือกินอะไรก็ไม่อร่อยเหมือนเคย และจะยิ่งอันตรายขึ้นไปอีก ถ้าเด็กคนนั้นมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวอยู่แล้ว เพราะอาจส่งผลให้เด็กมีพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติไปเลยก็ได้ ทำร้ายตัวเองเหยื่อของการบูลลี่มีแนวโน้มที่จะทำร้ายตนเองสูง ถ้าเด็ก ๆ เริ่มพยายามวิ่งหนี หรือฆ่าตัวตาย นั่นอาจเป็นผลจากการถูกบูลลี่ ก่อนจะเกิดเหตุอันตราย ผู้ใหญ่ควรหมั่นสังเกตว่า เด็กได้พูดจาแสดงความกำลังกังวลใจอะไรออกมาบ้างหรือไม่?ขโมยข้าวของถ้าอยู่ ๆ เด็กก็มีพฤติกรรมไม่ดี เริ่มขโมยเงินทอง หรือของมีค่าของคนในบ้าน รวมถึงตัวเขาเองเริ่มของหาย ของพัง หรือโดนฉกข้าวของไปบ่อยขึ้น ทั้งหมดนี้อาจเป็นผลมาจากการถูกบูลลี่ทั้งสิ้น ไม่สุงสิงกับเพื่อนและครอบครัวเด็กที่ถูกบูลลี่มักคิดว่า “ไม่มีใครช่วยเขาได้หรอก” ทำให้เขาไม่อยากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครฟัง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คุณครู หรือแม้แต่พ่อแม่ และชอบใช้เวลาอยู่คนเดียวลำพังเป็นส่วนใหญ่ลาป่วยบ่อย ๆนอกเหนือจากจะแกล้งทำเป็นป่วย เพื่อหาเหตุไม่ต้องไปโรงเรียนแล้ว คนที่เป็นหัวโจกในการบูลลี่ยังอาจหาวิธีทำให้เหยื่อป่วยจริง ๆ อีกด้วย อย่างแกล้งจนทำให้ป่วยเป็นไข้หวัด ปวดท้อง หรือปวดหัว เป็นต้น เป็นอย่างไรกันบ้าง…สำหรับสัญญาณเตือนที่นำมาฝากกัน หากเด็กบ้านไหนเข้าข่ายตามนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาเด็กเข้ารับการรักษากับแพทย์หรือนักบำบัดที่เชี่ยวชาญ เพราะเด็กบางคนจะรู้สึกผ่อนคลาย และสบายใจที่จะพูดคุยกับผู้ใหญ่ที่ไม่ใช่คนในครอบครัวมากกว่านั่นเอง ขอบคุณภาพจาก Pikwizard :: ภาพปก | ภาพที่ 4 // ขอบคุณภาพจาก Pexels :: ภาพที่ 1 | ภาพที่ 2 | ภาพที่ 3