"ไลท์อัพ โทเทิล โซลูชั่น" จะนำหุ้นเข้า mai ขาย IPO 65 ล้านหุ้น
บริษัท ไลท์อัพ โทเทิล โซลูชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ LST จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 65 ล้านหุ้น คิดเป็น 30% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยมีบริษัท ออกพท์เอเซีย แคปิตอล จำกัด(มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
บริษัท ไลท์อัพ โทเทิล โซลูชั่น ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายและติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าส่องสว่าง ได้ยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้น IPO ดังกล่าว โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนบริษัทมีแผนจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน, ขยายธุรกิจเกี่ยวเนื่อง และลงทุนในตึกออฟฟิศและโกดังสินค้า
บริษัทยังมีแผนขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเพื่อเพิ่มรายได้และผลกำไรของบริษัท โดยบริษัทอยู่ในระหว่างการพัฒนาแผนธุรกิจเกี่ยวเนื่องคือบริการทางด้าน IT Solution ที่จะมุ่งเน้นไปที่การนำความสามารถของบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ความสามารถและประสบการณ์ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า กล่าวโดยเฉพาะคือการพัฒนาอุปกรณ์และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีการบูรณาการเพื่อใช้เก็บข้อมูลและตอบสนองความต้องการของลูกค้าโดยเฉพาะ อาทิเช่น การพัฒนาอุปกรณ์ RFID Tag เพื่อลูกค้าที่ประกอบธุรกิจรับซักผ้าอุตสาหกรรมในการช่วย ควบคุมคุณภาพ จำนวนครั้ง และผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในแต่ละจุดผ่าน
ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)
ทั้งนี้ข้อดีของประเภทธุรกิจดังกล่าวคือการที่ไม่มีเงินลงทุนในทรัพย์สินถาวรที่มีมูลค่าที่มีนัยสำคัญ เน้นความสามารถของบุคลากรเป็นหลักซึ่งบริษัทมีความพร้อมดังกล่าวสำหรับการริเริ่มธุรกิจนี้อยู่แล้ว อีกเรื่องหนึ่งคือการที่โครงสร้างรายได้ของธุรกิจดังกล่าวมีลักษณะที่มีความต่อเนื่อง (recurring income) ซึ่งหากธุรกิจดังกล่าวสามารถขยายตัวได้ในอนาคตจะช่วยเพิ่มช่องทางรายได้ของบริษัท และช่วยเพิ่มเสถียรภาพของโครงสร้างรายได้และการเติบโตของบริษัทอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ธุรกิจดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มมีรายได้อย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2566
โครงสร้างผู้ถือหุ้น จะมีนาย ภัฎ ตรัสโฆษิต ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 52.50% ภายหลัง IPO สัดส่วนจะลดลงมาที่ 36.7% รองลงมาได้แก่นายกิตติพงษ์ วิมลโนช ถือหุ้น 30.50% หลัง IPO สัดส่วนจะลดลงมาที่ 21.3%, นางสาวสุวิมล เชาวนโยธิน ถือหุ้น 9% ภายหลัง IPO สัดส่วนจะลดลงมาที่ 6.3%