แง่คิดของ น.ศ ต่างแดนในการทำ "Thesis" หรือ วิจัย. คุณครูท่านหนึ่งเคยสอนมาว่า "หากอยากเรียนรู้สิ่งใด ก็จงไขว่คว้าและเรียนรู้ให้ถึงที่สุดของความพยายาม ไม่ใช่แค่เพียงทำมันเพราะหน้าที่การงานหรือความรับผิดชอบ, แต่เป็นเพราะเรารักและตั้งใจที่จะทำมันให้ออกมาดีที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วคนที่ย่อมได้เปรียบก็คือตัวเราเอง.ณ มหาลัยวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในอินโดนีเซีย ขอ งน.ศ ชั้นปีที่ 4 ได้มีการมอบหมายจากอาจารย์ให้ทำวิจัยหนึ่งเล่มก่อนจบปีการศึกษา ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ความรู้สึกตื่นเต้นเเละดีใจก็เกิดขึ้นเพราะเราคิดว่าใกล้จะจบการศึกษาเเล้ว แต่ที่ไหนได้ ทุกอย่าง มันเริ่มยากขึ้นและยากขึ้น เพราะสิ่งที่เราคิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นมันช่างต่างกันเหลือเกิน จนบางครั้ง ทำให้เรารู้สึกท้อ อยากหยุดแค่ตรงนั้น ทั้งๆที่ยังไปได้ ไม่กี่ก้าวเอง. สุดท้ายแล้วความคิดนั้นก็เป็นเพียงความคิดเท่านั้น เพราะในใจเราคิดอยู่เสมอว่า หากเรากลับบ้านโดยที่ไม่มีรับปริญญาหรือใบจบ นั้นก็หมายความว่าเรากำลังทำลายความฝันของเราเองและความฝันของพ่อกับแม่, สิ่งนี้แหละที่ทำให้เราอยากลุกขึ้นสู้ต่อไปเพื่อความสำเร็จการศึกษาในครั้งนี้.ประสบการณ์ในการทำวิจัยเล่มนี้ ทำตัวคนเดียว เพราะวิจัยต่างประเทศ เขาไม่ทำแบบกลุ่มแต่จะทำเป็นรายบุคคล สำหรับคนใหนที่ไม่จบวิจัยก็ถือว่าจบช้ากว่ารุ่น นั้นก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เด็กเรียนต่างแดนรู้สึกท้อเมื่อขึ้นชั้นปีที่ไกล้จะจบ. คงเป็นเพราะความต่อสู้ ความไม่ย่อท้อ และความตั้งใจของเรา จึงทำให้เราได้มีวันนี้ วันที่เราได้กลับไปหาพ่อแม่พร้อมกับใบรับปริญญาหรือใบจบ.ทำไมบางคนจะเรียกคำแทนของวิจัยว่า "วิจัยตัวร้าย" ทำไมหรา? คงเป็นเพราะวิจัยตัวร้ายมันจะทำลายความฝันของใครอีกหลายคนจึงทำให้ความฝันสิ้นสุดลง เพียงเพราะความขี้เกียจของเรา, อยางนั้นหรือ. อย่าคิดว่า วิจัยตัวร้ายสิ! แต่จงคิดว่า "วิจัยตัวโปรด" ทำไมล่ะ? ก็เพราะว่า หากเราคิดอยู่ในหัวสมองตลอดเวลาว่าวิจัยตัวนี้คือวิจัยตัวโปรดเรา มันจะเกิดผลดีอยางมากเชียวแหละ เพราะการที่เราลองทำอะไรอย่างตั้งใจและจริงจังกับมันมากๆ มันก็จะทำให้เราหลงรักและกล้าที่จะเผชิญกับทุกปัญหาที่เกิดขึ้น อย่าลืมสิว่าความพยายามไม่เคยทำร้ายเราขอบคุณเวลาและเหตุการณ์ที่ได้สอนอะไรหลายๆอย่าง ทั้งแง่คิดและมุมมองของโลกใบนี้ว่า ความจริงแล้วโลกเรายังมีอะไรอีกหลายอย่างที่เราไม่ควรมองข้ามและต้องเรียนรู้อีกต่อไป. จากวันนั้น ถึงวันนี้ ทำให้ได้รู้จักตัวเองมากขึ้นก็เพราะ วิจัยเล่มนั้น. ขอบคุณคุณครูและขอบคุณเพื่อนร่วมทุกข์และร่วมสุขมาตลอด 4 ปี.....ที่ลืมไม่ได้ก็คือต้องขอบคุณตัวเองที่พยายามมาถึงจุดๆนี้ได้ แม้ยังไม่ไช่จุดที่เราต้องหยุดก็ตาม.ขอบคุณภาพจาก pexels ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3