ช่วงที่โรคโควิด -19 กำลังระบาดในประเทศไทย กิจกรรมที่ต้องมีการรวมตัวกันในที่สาธารณะต้องถูกห้ามไปก่อน เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัส รวมทั้งสวนสาธารณะที่ถูกสั่งปิด บรรดาผู้รักการออกกำลังกายด้วยการวิ่งในสวนสาธารณะจึงต้องงดการฝึกซ้อมกันไป ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับการป้องกันตัวเอง และรับผิดชอบต่อสังคมด้วย จนกระทั่งเมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น จำนวนคนติดเชื้อรายใหม่ในไทยเริ่มลดลงเหลือวันละไม่เกินสิบ รัฐบาลจึงอนุญาตให้เปิดสวนสาธารณะตั้งแต่ 3 พฤษภาคมเป็นต้นมา ด้วยข้อแม้ว่าต้องมีมาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มงวด แม้สวนจะเปิดแล้ว และสถานการณ์การระบาดจะดีขึ้น แต่เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเราเองที่นอกจากจะแข็งแรงจากการวิ่งแล้วยังต้องป้องกันตัวเองจากไวรัส และรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการไม่ทำตัวให้เสี่ยง จึงขอรีวิวประสบการณ์การวิ่งในสวนสาธารณะใต้สะพานพระรามแปด พร้อมคำแนะนำสำหรับการวิ่งที่ปลอดภัย ดังนี้ครับ 1. ใส่หน้ากาก วัดอุณหภูมิ รักษาระยะห่าง ปกติแล้วสวนพระรามแปดจะมีทางเข้าสองทาง แต่ในช่วงนี้เจ้าหน้าที่จะเปิดให้เข้าเพียงทางเดียว คือด้านสำนักงานประสานงานโครงการในพระราชดำริ เพื่อความสะดวกในการควบคุมโรค เพราะเจ้าหน้าที่จะต้องตรวจวัดอุณหภูมิของทุกคนก่อนอนุญาตให้เข้าใช้งาน บริเวณทางเข้ามีป้ายเขียนด้วยลายมือของเจ้าหน้าที่เอง เน้นย้ำให้เราต้องใส่หน้ากากตลอดเวลาที่อยู่ในสวน ห้ามนั่งรวมกลุ่มเกินสองคน และรักษาระยะห่างสองเมตร อันนี้ขอแนะนำให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดนะครับ ซึ่งก็น่าชื่นใจที่ผู้มาใช้บริการส่วนใหญ่ร่วมมือเป็นอย่างดี 2. วิ่งได้ เดินได้ แต่งดใช้เครื่องออกกำลังกายและกิจกรรมที่รวมกลุ่ม ภาพที่คุ้นตาของสวนพระรามแปด คือกลุ่มคนเล่นโยคะริมแม่น้ำเจ้าพระยา กลุ่มแอโรบิคยามเย็นหน้าสวน และบรรดาประชาชนจับจองเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้งเพื่อบริหารกล้ามเนื้อ แต่ในเวลานี้ภาพดังกล่าวหายไปชั่วคราว เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ จึงอนุญาตให้วิ่งและเดินได้อย่างเดียว 3. ปิดเร็วขึ้นเพื่อเลี่ยงเวลาเคอร์ฟิว สวนพระรามแปดยังเปิดเวลาเดิม คือ 05.20. น. แต่เวลาปิดขยับขึ้นหนึ่งชั่วโมง จากเดิม 21.00 น. มาเป็น 20.00 น. เพื่อให้เจ้าหน้าที่กับผู้ใช้บริการกลับบ้านทันเวลาเคอร์ฟิวตอนสี่ทุ่ม ดังนั้น นักวิ่งที่เคยชินหรือชอบการวิ่งกลางคืน ต้องปรับตัวกันหน่อยนะครับ 4. วิ่งช้าลง เพื่อให้หายใจทัน สวนสาธารณะกำหนดให้ทุกคนใส่หน้ากากขณะใช้บริการ ซึ่งมีคุณหมอเตือนกันว่าไม่เหมาะสำหรับผู้มีโรคประจำตัว จากการทดลองวิ่งของผมพบว่าการวิ่งภายใต้หน้ากากจะทำให้เหนื่อยเร็วขึ้น หายใจลำบากขึ้น ให้ความรู้สึกว่ามีอากาศเข้าไปในปอดน้อยลง ผมจึงไปค้นคว้ามา พบคำแนะนำของนาย Timothy Lyman ผู้อำนวยการศูนย์ฝึก Fleet feet เมืองพิทท์เบิร์ก ของสหรัฐฯ บอกว่า ให้พยายามวิ่งให้ช้าลงกว่าปกติ เพื่อจะได้หายใจให้ทัน ผลพลอยได้คือจะช่วยให้ปอดแข็งแรงขึ้น ส่วนคุณหมอนิษฐา เอื้ออารีมิต ของโรงพยาบาลเอกชัย แนะนำให้เปิดหน้ากากเป็นระยะ แวะจิบน้ำทุกสองกิโลเมตร เพื่อระบายคาร์บอนไดออกไซด์ที่ค้างอยู่ออกจากหน้ากาก อีกปัญหาคือหน้ากากจะเลื่อนหลุดได้ง่ายเพราะเปียก ผมมีคำแนะนำคือ ให้หายใจด้วยจมูกเป็นหลัก พยายามปิดปากให้สนิท จะทำให้ความชื้นน้อยลง หน้ากากจะหลุดยากขึ้นครับ กล่าวโดยสรุป การใช้สวนสาธารณะในห้วงการระบาดของไวรัส ต้องคำนึงถึงการเว้นระยะห่างเป็นสำคัญ โดยควรห่างประมาณ 10 เมตร และถ้าอยากวิ่งจริง ๆ ขอให้เดินหรือวิ่งเบา ๆ ช้า ๆ เพื่อจะได้หายใจได้ทัน จะได้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายครับ รูปภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน