ทอง Bottom Out? 'หมอกฤชรัตน์' ชี้ $3150 รับอยู่! สหรัฐฯถูกลดเครดิต แนะทยอยซื้อ

นายแพทย์ กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัดให้สัมภาษณ์ในรายการ WEALTH LIVE (19 พ.ค. 68) ว่า ราคาทองคำแสดงสัญญาณ "Bottom out" หรือผ่านจุดต่ำสุด ในการปรับฐานรอบนี้แล้ว หลังทดสอบแนวรับและดีดตัวกลับได้แข็งแกร่ง โดยมองแนวรับสำคัญที่ไม่น่าหลุดที่ 3,150 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ปัจจัยสำคัญที่หนุนการกลับตัวคือการที่ สหรัฐอเมริกาถูก Moody's ลดอันดับเครดิต ซึ่งจะกดดันค่าเงินดอลลาร์และหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์สำรอง แนะนักลงทุนระยะยาวทยอยซื้อสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว โดยยังคงเป้าหมายปลายปี 2568 ที่ 3,700-4,000 ดอลลาร์ฯ
สัญญาณ Bottom Out หลังทดสอบ $3120-$3170 - สหรัฐฯ ถูกลดเครดิตปัจจัยหนุนใหม่
นพ.กฤชรัตน์ ชี้ว่า การที่ราคาทองคำสัปดาห์ที่แล้วลงไปทำจุดต่ำสุดสองครั้งที่ 3,120 และ 3,170 ดอลลาร์ฯ แต่สามารถดีดตัวกลับขึ้นมาได้ โดยเฉพาะครั้งที่สองที่ไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ เป็นภาพที่บ่งชี้ว่าราคาทองคำน่าจะหยุดตกและเริ่มดีดกลับแล้ว "เราจึงให้จุดต่ำสุดน่าจะไม่หลุดที่ 3,150 ดอลลาร์ฯ หรือเป็นจุดแนวรับที่สำคัญ ณ ขณะนี้"
ปัจจัยหนุนล่าสุดและสำคัญมากคือการที่ Moody's ปรับลดอันดับเครดิตของสหรัฐอเมริกา เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (ตามเวลาไทย) ส่งผลให้ราคาทองคำเมื่อเช้าวันจันทร์ (19 พ.ค.) เปิดตลาดกระโดดขึ้น 15-20 เหรียญ จากระดับปิด 3,205 ดอลลาร์ฯ เป็นประมาณ 3,225 ดอลลาร์ฯ "ประเด็นตรงนี้จะนำมาสู่การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์...และทำให้ทองคำน่าจะเป็นสินทรัพย์ในเชิงของ Reserve มากขึ้นเรื่อยๆ" นพ.กฤชรัตน์กล่าว หากสัปดาห์นี้ราคาทองคำไม่หลุด 3,200 ดอลลาร์ฯ จะเป็นการยืนยันการกลับทิศ
ทองคำฐานะ Reserve Asset แข็งแกร่ง - สหรัฐฯเผชิญปัญหาหนี้
นพ.กฤชรัตน์ย้ำว่า การลดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในรอบ 100 ปี จะยิ่งเสริมบทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์สำรอง (Reserve Asset) ท่ามกลางภาวะที่ดอลลาร์มีแนวโน้มเสื่อมค่า จากปัญหาหนี้สาธารณะที่สูงมากของสหรัฐฯ (กว่า 36 ล้านล้านดอลลาร์) และความจำเป็นในการหาเงินอีก 10 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งอาจต้องทำ QE หากขายพันธบัตรไม่ได้ ซึ่งจะยิ่งทำให้ดอลลาร์อ่อนค่ารุนแรง ธนาคารกลางทั่วโลกมีแนวโน้มลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ และหันมาถือทองคำมากขึ้น รวมถึงกลุ่มประเทศ BRICS ที่ต้องการสินทรัพย์ที่ไม่สามารถพิมพ์เพิ่มได้มาเป็นหลักประกัน
กลยุทธ์ลงทุน: ระยะยาวทยอยซื้อ - เก็งกำไรสั้นบริหารความเสี่ยง
- นักลงทุนระยะยาว (ทองคำแท่ง): "ไม่มีอะไรมากกว่าการถือครองไป แล้วก็ทยอยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว" โดยมองโซน 3,150-3,300 ดอลลาร์ฯ เป็นช่วงสร้างฐานที่น่าสนใจในการทยอยเข้าซื้อ (สำหรับทองไทย แนะทยอยซื้อที่ 52,000 และ 50,000 บาท)
- นักลงทุนระยะสั้น/เก็งกำไรฟิวเจอร์ส: ต้องบริหารความเสี่ยงให้ดี แม้โอกาสที่ราคาจะดีดกลับมีเปอร์เซ็นต์สูงกว่าการลงต่อ (โอกาสลงต่อเหลือ ~20%) แต่หากพอร์ตยังว่าง สามารถเข้าซื้อเมื่อราคาแกว่งตัวอ่อนลงมาบริเวณ 3,200 หรือ 3,180 ดอลลาร์ฯ แต่ถ้าพอร์ตเต็ม ต้องพร้อมลดความเสี่ยงหรือ Stop Loss หากราคาหลุด 3,200 ดอลลาร์ฯ อีกครั้ง
เป้าหมายปีนี้ $3,700-$4,000 - ปีนี้ผลตอบแทนทองคำโดดเด่น
นพ.กฤชรัตน์ยังคงเป้าหมายราคาทองคำในช่วงปลายปี 2568 ไว้ที่ 3,700-4,000 ดอลลาร์ฯ โดยชี้ว่าปีนี้เป็นปีที่ผลตอบแทนทองคำโดดเด่นเป็นพิเศษ (YTD จาก $2,625 ถึง High $3,500 +32% สำหรับทองโลก และทองไทย +26%) จากปัจจัยสงครามการค้า หนี้สาธารณะสหรัฐฯ และภาวะดอกเบี้ยสูงที่สร้างความกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอย
ความผันผวนของราคาทองคำในปัจจุบันสูงกว่าในอดีตมาก การขึ้นลงวันละ 100 เหรียญกลายเป็นเรื่องที่เห็นได้บ่อยครั้ง ซึ่งแตกต่างจากอดีตที่อาจเกิดขึ้นปีละครั้งหรือสิบปีครั้ง เนื่องจากข่าวสารในยุคดิจิทัลส่งผลกระทบต่อตลาดได้รวดเร็วและรุนแรงกว่าเดิม