รีเซต

ทอง Bottom Out? 'หมอกฤชรัตน์' ชี้ $3150 รับอยู่! สหรัฐฯถูกลดเครดิต แนะทยอยซื้อ

ทอง Bottom Out? 'หมอกฤชรัตน์' ชี้ $3150 รับอยู่! สหรัฐฯถูกลดเครดิต แนะทยอยซื้อ
TNN ช่อง16
19 พฤษภาคม 2568 ( 15:17 )
11

นายแพทย์ กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัดให้สัมภาษณ์ในรายการ WEALTH LIVE (19 พ.ค. 68) ว่า ราคาทองคำแสดงสัญญาณ "Bottom out" หรือผ่านจุดต่ำสุด ในการปรับฐานรอบนี้แล้ว หลังทดสอบแนวรับและดีดตัวกลับได้แข็งแกร่ง โดยมองแนวรับสำคัญที่ไม่น่าหลุดที่ 3,150 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ปัจจัยสำคัญที่หนุนการกลับตัวคือการที่ สหรัฐอเมริกาถูก Moody's ลดอันดับเครดิต ซึ่งจะกดดันค่าเงินดอลลาร์และหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์สำรอง แนะนักลงทุนระยะยาวทยอยซื้อสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว โดยยังคงเป้าหมายปลายปี 2568 ที่ 3,700-4,000 ดอลลาร์ฯ

สัญญาณ Bottom Out หลังทดสอบ $3120-$3170 - สหรัฐฯ ถูกลดเครดิตปัจจัยหนุนใหม่

นพ.กฤชรัตน์ ชี้ว่า การที่ราคาทองคำสัปดาห์ที่แล้วลงไปทำจุดต่ำสุดสองครั้งที่ 3,120 และ 3,170 ดอลลาร์ฯ แต่สามารถดีดตัวกลับขึ้นมาได้ โดยเฉพาะครั้งที่สองที่ไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ เป็นภาพที่บ่งชี้ว่าราคาทองคำน่าจะหยุดตกและเริ่มดีดกลับแล้ว "เราจึงให้จุดต่ำสุดน่าจะไม่หลุดที่ 3,150 ดอลลาร์ฯ หรือเป็นจุดแนวรับที่สำคัญ ณ ขณะนี้"

ปัจจัยหนุนล่าสุดและสำคัญมากคือการที่ Moody's ปรับลดอันดับเครดิตของสหรัฐอเมริกา เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (ตามเวลาไทย) ส่งผลให้ราคาทองคำเมื่อเช้าวันจันทร์ (19 พ.ค.) เปิดตลาดกระโดดขึ้น 15-20 เหรียญ จากระดับปิด 3,205 ดอลลาร์ฯ เป็นประมาณ 3,225 ดอลลาร์ฯ "ประเด็นตรงนี้จะนำมาสู่การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์...และทำให้ทองคำน่าจะเป็นสินทรัพย์ในเชิงของ Reserve มากขึ้นเรื่อยๆ" นพ.กฤชรัตน์กล่าว หากสัปดาห์นี้ราคาทองคำไม่หลุด 3,200 ดอลลาร์ฯ จะเป็นการยืนยันการกลับทิศ

ทองคำฐานะ Reserve Asset แข็งแกร่ง - สหรัฐฯเผชิญปัญหาหนี้

นพ.กฤชรัตน์ย้ำว่า การลดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในรอบ 100 ปี จะยิ่งเสริมบทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์สำรอง (Reserve Asset) ท่ามกลางภาวะที่ดอลลาร์มีแนวโน้มเสื่อมค่า จากปัญหาหนี้สาธารณะที่สูงมากของสหรัฐฯ (กว่า 36 ล้านล้านดอลลาร์) และความจำเป็นในการหาเงินอีก 10 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งอาจต้องทำ QE หากขายพันธบัตรไม่ได้ ซึ่งจะยิ่งทำให้ดอลลาร์อ่อนค่ารุนแรง ธนาคารกลางทั่วโลกมีแนวโน้มลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ และหันมาถือทองคำมากขึ้น รวมถึงกลุ่มประเทศ BRICS ที่ต้องการสินทรัพย์ที่ไม่สามารถพิมพ์เพิ่มได้มาเป็นหลักประกัน

กลยุทธ์ลงทุน: ระยะยาวทยอยซื้อ - เก็งกำไรสั้นบริหารความเสี่ยง

  • นักลงทุนระยะยาว (ทองคำแท่ง): "ไม่มีอะไรมากกว่าการถือครองไป แล้วก็ทยอยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว" โดยมองโซน 3,150-3,300 ดอลลาร์ฯ เป็นช่วงสร้างฐานที่น่าสนใจในการทยอยเข้าซื้อ (สำหรับทองไทย แนะทยอยซื้อที่ 52,000 และ 50,000 บาท)
  • นักลงทุนระยะสั้น/เก็งกำไรฟิวเจอร์ส: ต้องบริหารความเสี่ยงให้ดี แม้โอกาสที่ราคาจะดีดกลับมีเปอร์เซ็นต์สูงกว่าการลงต่อ (โอกาสลงต่อเหลือ ~20%) แต่หากพอร์ตยังว่าง สามารถเข้าซื้อเมื่อราคาแกว่งตัวอ่อนลงมาบริเวณ 3,200 หรือ 3,180 ดอลลาร์ฯ แต่ถ้าพอร์ตเต็ม ต้องพร้อมลดความเสี่ยงหรือ Stop Loss หากราคาหลุด 3,200 ดอลลาร์ฯ อีกครั้ง

เป้าหมายปีนี้ $3,700-$4,000 - ปีนี้ผลตอบแทนทองคำโดดเด่น

นพ.กฤชรัตน์ยังคงเป้าหมายราคาทองคำในช่วงปลายปี 2568 ไว้ที่ 3,700-4,000 ดอลลาร์ฯ โดยชี้ว่าปีนี้เป็นปีที่ผลตอบแทนทองคำโดดเด่นเป็นพิเศษ (YTD จาก $2,625 ถึง High $3,500 +32% สำหรับทองโลก และทองไทย +26%) จากปัจจัยสงครามการค้า หนี้สาธารณะสหรัฐฯ และภาวะดอกเบี้ยสูงที่สร้างความกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอย

ความผันผวนของราคาทองคำในปัจจุบันสูงกว่าในอดีตมาก การขึ้นลงวันละ 100 เหรียญกลายเป็นเรื่องที่เห็นได้บ่อยครั้ง ซึ่งแตกต่างจากอดีตที่อาจเกิดขึ้นปีละครั้งหรือสิบปีครั้ง เนื่องจากข่าวสารในยุคดิจิทัลส่งผลกระทบต่อตลาดได้รวดเร็วและรุนแรงกว่าเดิม

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง