แอลกอฮอล์พุ่งปรี๊ด! หนุ่มขับแจ๊ส พุ่งชนจยย.จอดติดไฟแดง ดับสลด2ศพ
หนุ่มขับแจ๊ส พุ่งชนจักรยานยนต์ จอดติดไฟแดงคลอง 7 พังยับ เสียชีวิตคาที่ 2 ราย ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ สูงถึง 180 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 3 ส.ค. ร.ต.ท.เกรียงไกร เสวกสมบูรณ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.ธัญบุรี รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์ถูกรถเก๋งชนท้าย บริเวณแยกไฟแดงคลอง 7 ธัญบุรี (มุ่งหน้านครนายก) ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิปอเต็กตึ้ง และแพทย์เวรโรงพยาบาลธัญบุรี
ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายศักดิ์ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี และ นายพงษ์ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นอนเสียชีวิต สภาพแขนขาหักทั้ง 2 ราย อยู่บริเวณช่องทางการจราจรด้านซ้าย ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงินดำ ทะเบียน 1กง-9710 พระนครศรีอยุธยา สภาพถูกชนที่ด้านท้ายพังยับเยิน
ห่างกันประมาณ 100 เมตร พบรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ส สีเทาดำ ทะเบียน กจ-9416 นครปฐม สภาพด้านหน้าหม้อน้ำแตกพังเสียหาย และบริเวณกระจกด้านหน้ามีรอยยุบด้านคนขับ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมคนขับรถเก๋ง ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่โรงพัก ทราบชื่อคือ นายสุพจน์ (ขอสงวนนามสกุล)อายุ 26 ปี พร้อมกับตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ และพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ถึง 180 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
จากการสอบถาม นายกฤตษฎา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนผู้ตาย กล่าวว่า ตนขับรถมาจาก อ.บางไทร และขับรถจักรยานยนต์มาด้วยกัน 2 คัน 3 คน โดยตนขับมาคนเดียว ส่วนผู้เสียชีวิตขับซ้อนมาด้วยกันสองคน
"ขณะที่พวกผมจอดติดไฟแดงอยู่ได้ประมาณ 1 นาทีกว่า ๆ จากนั้นรถเก๋งก็พุ่งมาชนท้ายรถจักรยานยนต์ของเพื่อนผมอย่างจัง จนเป็นเหตุให้เพื่อนเสียชีวิตทั้ง 2 ราย ผมจึงได้โทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและญาติ ๆ ทราบ" นายกฤตฎา กล่าว
ด้าน ร.ต.ท.เกรียงไกร ลงพื้นที่ตรวจสอบในจุดเกิดเหตุ ร่วมชันสูตรพลิกศพ พร้อมกับแพทย์เวร และบันทึกภาพในจุดเกิดเหตุเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นได้เชิญนายสุพจน์ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่โรงพักพร้อมกับตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ และพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ถึง 180 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกินกว่ากฎหมายกำหนดในขณะขับขี่ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต ทางเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวเข้าห้องขังทันที
ส่วนผู้เสียชีวิตเป็นชายทั้ง 2 ราย มอบให้เจ้าหน้าที่นำร่างผู้เสียชีวิตส่งชันสูตร ยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ เพื่อหาสาเหตุการตายอีกครั้ง และจะได้ประสานทางญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลต่อไป