สวัสดีครับผู้อ่านที่เคารพทุกๆ คน ไหนใครในที่นี้กำลังประสบกับปัญหา "เบื่องาน" กันบ้างครับ ? คือแบบว่างานที่ทำอยู่ ณ ตอนนี้มันโคตรจะน่าเบื่อ มันหมดไฟ มันไม่มีอารมณ์อยากจะทำงานแล้ว บางคนเบื่องานแบบหนักมากจนคิดอยากจะลาออกจากงานประจำให้พ้นๆ แม้รายได้จะดีก็ตาม โดยที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมาในภายหลัง ยิ่งพอถึงช่วงวันหยุดทีไรก็ร่าเริงสดชื่น และพอถึงช่วงวันทำงานก็ห่อเหี่ยวหมดแรงซะงั้น ซึ่งแน่นอนว่าตัวของผู้เขียนเองก็เป็นในส่วนนี้เหมือนกัน และก็เชื่อว่าคนวัยทำงานอีกหลายต่อหลายคนเองก็เป็น มันเป็นอะไรที่ธรรมดาและปกติของเหล่าคนในวัยทำงานแทบจะทุกคน ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วเราจะมีวิธีแก้ปัญหาใดบ้างที่จะทำให้เราได้หายจากอาการเบื่องาน พร้อมทำงานในแต่ละวัน ปรับเปลี่ยนชีวิตและความคิดเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพและมีความสุขมากขึ้น ในเนื้อหาบทความนี้ผู้เขียนก็ได้รวบรวมมา 7 ข้อจากมุมมองและประสบการณ์ตรงของตัวผู้เขียน จะมีข้อไหนกันบ้างไปอ่านกันครับ หมายเหตุ : เนื้อหาบทความนี้เป็นเพียงการใช้ประสบการณ์และมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น มีจุดมุ่งหมายคือเพื่อให้ความรู้และประสบการณ์แก่เหล่าผู้อ่าน ไม่ได้มีเจตนาเหมารวมแต่อย่างใด หากมีข้อผิดพลาดประการใด ทางผู้เขียนก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ 1. หลีกเลี่ยงเพื่อนร่วมงานที่เป็น Toxic : นี่คืออีก 1 สาเหตุหลักๆ ที่คนวัยทำงานส่วนใหญ่มักจะเบื่องานและหมดไฟกันเยอะ รวมทั้งตัวผู้เขียนเองด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าคนที่เป็นมลพิษทางสังคมหรือว่า Toxic People นั้นมันมีอยู่ทุกที่จริงๆ และมันก็มีอยู่หลากหลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าเราจะไปทำงานที่ไหนก็ตามแต่ต้องได้เจอเป็นเรื่องปกติ ตัวผู้เขียนเองก็เจอในทุกวันนี้ ถ้าเจอคนประเภทนี้ถ้าเลี่ยงได้ควรเลี่ยง ถ้าถอยได้ควรถอยออกมาให้ไว อย่าให้คนแบบนี้มามีผลต่อชีวิตในการทำงานของเรา รวมไปถึงชีวิตประจำวันของเราอีกด้วย ชีวิตเรายังต้องเดินหน้าต่อเพื่อความก้าวหน้าและความมั่นคง อย่าให้งานของเราต้องเสื่อมเสียเพียงเพราะคนประเภทนี้เลย เพราะว่าคนประเภทนี้มีแต่จะคอยปล่อยพลังงานลบๆ ใส่เราอยู่เสมอ ทำให้ชีวิตเราไม่ก้าวไปข้างหน้า มีแต่จะดิ่งลงเหวขึ้นไปทุกที 2. คิดถึงเป้าหมายในอนาคต : ผู้เขียนเคยคิดไว้เสมอว่าถ้าหากวันไหนเราได้ทำงาน สิ่งที่เราอยากได้อยากมีรวมไปถึงเป้าหมายที่อยากจะทำในอนาคตเราจะต้องมีมันหรือต้องทำมันให้จงได้ ซึ่งถ้าหากใครที่ช่วงนี้กำลังเบื่องาน หรือหมดไฟในการทำงาน ผู้เขียนแนะนำว่าให้ทุกคนลองนึกถึงเป้าหมายในชีวีตของแต่ละคนว่าเราอยากจะไปไหนหรือทำอะไรในวันข้างหน้า หรือว่านึกถึงสิ่งที่เราอยากได้เช่นเสื้อผ้า รองเท้า โทรศัพท์มือถือสักเครื่อง ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ และอีกมากมายเป็นต้น ในวันที่ผู้เขียนรู้สึกท้อแท้ เบื่อหน่าย และหมดไฟกับงานที่ทำอยู่ ก็ได้นึกถึงสิ่งที่อยากได้หรืออยากทำในอนาคตอยู่เสมอ เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนต้องใช้เงินทั้งสิ้น ถ้าเราไม่ได้ทำงานเราก็จะไม่มีเงินซื้อสิ่งที่เราอยากได้ แล้วสิ่งที่เราตั้งเป้าเอาไว้มันก็ต้องยุติลงกลางทาง ดังนั้นเป้าหมายจึงเป็นสิ่งที่คอยกระตุ้นให้เรามีไฟในการทำงานอีกครั้งได้เสมอ 3. หน้าที่และเงินสำคัญที่สุด : ในโลกของการทำงาน แน่นอนว่าคงไม่มีอะไรที่สำคัญมากไปกว่าภาระหน้าที่งานที่อยู่ตรงหน้าและเงินเท่านั้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นเสมือนตัวช่วยขับเคลื่อนความเจริญก้าวหน้าเพื่อให้เราได้มีคุณภาพชีวิตที่มั่นคงได้ ซึ่งตัวผู้เขียนก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน คำพูดของคนที่คิดว่ามันไร้สาระ ผู้เขียนจะพยายามไม่ใส่ใจ จะเงียบเฉยให้มากที่สุด ใครจะคิดหรือทำยังไงกับเราก็ปล่อยเขา หันมาโฟกัสกับเรื่องงานตรงหน้า ตัวผู้เขียนจะคิดซะว่าเราทำงานก็เพื่อมาหาเงิน หารายได้ ไม่ได้มาหาสังคม ต่อให้เราจะไม่มีสังคมก็ช่างมัน แค่มีงานทำมีเงินใช้ในชีวิตประจำวันก็พอแล้ว 4. ตั้งสติแล้วมองดูคนรอบตัว : ก็เข้าใจดีว่ากำลังเบื่องาน หมดไฟ แต่ผู้เขียนก็อยากจะให้ตั้งสติให้มากขึ้น แล้วก็ให้เราสังเกตไปที่ผู้คนที่อยู่รอบๆ ตัวเรา อาทิเช่นคนที่ตกงานไม่มีงานทำ คนที่ร่างกายไม่ค่อยจะสมบูรณ์นัก หรือคนอีกตั้งหลายๆ คนที่เขาลำบากกว่าเรา อันนี้ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นหรือเปรียบเทียบอะไรแต่อย่างใดนะ แต่ผู้เขียนอยากจะให้ลองคิดทบทวนว่าเศรษฐกิจแบบนี้ถ้ายังมีงานทำอยู่ถือว่าโชคดีขนาดไหนแล้ว และตราบใดที่ร่างกายเรายังสมบูรณ์แข็งแรงดีอยู่ เราก็ต้องสู้และไม่ย่อท้อกับงานที่ทำ อดทนกับมันต่อไป เพราะถ้าหากว่าเราตกงานหรือสภาพร่างกายไม่พร้อมเมื่อไหร่แล้วล่ะก็ วันนั้นมันจะลำบากหนักยิ่งกว่าเดิม จะเอาเงินที่ไหนใช้สอยในชีวิตประจำวัน 5. นึกถึงคนที่รักและอยู่เคียงข้างเรา : หากวันไหนที่เกิดอาการท้อแท้ เบื่องาน ไม่อยากทำงาน แนะนำว่าให้ลองนึกถึงหน้าคนที่เรารัก คนที่รักเรา คนที่คอยอยู่เคียงข้าง ซัพพอร์ต และให้กำลังใจเรา อาทิเช่นพ่อแม่ คนในครอบครัว คนรัก หรือแม้กระทั้งบุตรหลาน เป็นต้น ลองคิดดูว่าถ้าเราเบื่องานแล้วเราเกิดอยากจะลาออกจากงานขึ้นมาจริงๆ คนที่อยู่ตรงนั้นเขาจะกินอยู่กันยังไง รวมทั้งตัวเราเองจะใช้ชีวิตประจำวันได้ยากลำบากไหมถ้าหากว่าไม่ได้ทำงาน ซึ่งในส่วนนี้ผู้เขียนก็เป็นเช่นกัน เคยลาออกจากงานและว่างงานมา 3 ปีกว่า ยอมรับว่าก็ลำบากอยู่พอสมควร ทั้งตัวเองรวมไปถึงคนในครอบครัวจะใช้ชีวิตอยู่กับยังไง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องขับเคลื่อนด้วยเงิน เราจะไม่รอช้ารับไปหางานทำ จนในที่สุดเราก็ได้งานทำสักที ถึงจะเป็นงานที่ไม่ใช่ตัวเราก็เถอะแต่ก็ได้เงินมาหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ สำหรับเราแล้วครอบครัวและตัวเราเองสำคัญที่สุดเป็นอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ 6. หาเวลาพักผ่อนและทำกิจกรรม : ทำงานทุกวันแน่นอนว่ามันก็ต้องมีอาการเบื่อบ้างเหนื่อยล้าบ้างเป็นเรื่องปกติ ผู้เขียนแนะนำว่าให้ลองหาช่วงเวลาว่างในการที่จะพักผ่อนบ้าง เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัวและไดชาร์จพลังงานให้กับตัวเอง หรือว่าลองหากิจกรรมอะไรก็ได้ที่คิดว่าตัวเองชอบทำมากที่สุด เลยต้องเป็นกิจกรรมที่ให้ประโยชน์กับตัวเองด้วยนะ ผู้เขียนก็ได้ลองใช้เวลาอยู่กับตัวเองเพียงลำพังคนเดียวหลังจากที่ว่างเว้นจากงาน ดู Content หรือว่าเสพสื่อโซเชียลต่างๆ ที่สามารถให้พลังบวกและเป็นประโยชน์ต่อตัวผู้เขียนได้เป็นอย่างดี ฟังเพลงเพราะๆ เพื่อเป็นการผ่อนคลายความน่าเบื่อและความเหนื่อยล้าจากการทำงาน ทำแบบนี้แล้วจะช่วยให้ตัวผู้เขียนได้ผ่อนคลายในระดับหนึ่ง 7. อย่าไปคาดหวังกับคนอื่นให้มาก : ความคาดหวังถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราไม่ควรนำมาใช้ในที่ทำงานเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งถ้าหากเราคาดหวังมากเกินไป ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือความผิดหวัง หรือความเสียใจ ทำให้เรารู้สึกไม่มีความสุขในการทำงาน รู้สึกเบื่องานและหมดไฟในการทำงานง่ายๆ เช่นคาดหวังอยากให้เพื่อนร่วมงานชอบเรา คาดหวังอยากให้เพื่อนร่วมงานเคารพเรา คาดหวังให้คนอื่นมองเห็นค่าในตัวเรา หรือคาดหวังให้คนอื่นต้องคิดเหมือนกันกับเรา แบบนี้ผู้เขียนบอกเลยว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก คนทุกคนล้วนมีหลากหลายมุมมอง หลากหลายความคิดที่แตกต่างกันออกไป มันไม่มีทางที่จะเหมือนกันได้ ตัวผู้เขียนก็เคยเป็นในลักษณะนี้เช่นกัน คาดหวังให้คนอื่นเป็นไปตามที่เราคิดมากจนตัวเองไม่มีความสุขในการทำงาน ทำให้เป็นคนที่เบื่องานง่าย ท้อแท้กับการใช้ชีวิตในที่ทำงาน ดังนั้นทางที่ดีคือควรปล่อยวางและควรเลิกคาดหวังจะดีที่สุด เพื่อที่ใจเราจะได้ไม่เป็นทุกข์ และใช้ชีวิตในที่ทำงานก็ยังมีความสุขขึ้น ก็จบกันไปแล้วนะครับสำหรับเนื้อหาบทความของเราในวันนี้ อย่าลืมเช็คตัวเองกันด้วยนะครับว่าตอนนี้กำลังเบื่องานหรือหมดไฟกับการทำงานกันอยู่หรือเปล่า ถ้าใช่ก็ลองนำทั้ง 7 ข้อที่ผู้เขียนได้กล่าวมาทั้งหมดไปปรับใช้กันดูนะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อย และก็ต้องขอย้ำนะครับว่าเนื้อหาทั้งหมดนี้เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นและการแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น หลายคนอาจมีมุมมองที่แตกต่างกัน ไม่ได้เหมารวมแต่อย่างใด ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตในที่ทำงานกันอย่างมีความสุข เป็นกำลังใจให้นะครับ ขอบคุณทุกๆ คนที่กดเข้ามาอ่านนะครับ เครดิตรูปภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาทั้งหมดออกแบบโดย : AloneLife (ผู้เขียน) เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !