เชื่อว่าหลายคนมีปัญหากับการแปลความภาษาอังกฤษ ทั้งจากการเรียนบ้าง และการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ถึงแม้ว่าภาษาอังกฤษจะเป็นภาษาสากล แต่ก็ไม่ใช่ภาษาที่เราคุ้นเคยกันสักเท่าไหร่ ตั้งแต่เรียนจบมาบางคนอาจจะไม่เคยได้ใช้ภาษาอังกฤษเลย หรือบางคนอาจจะเคยผ่านหูผ่านตาเท่านั้น แต่ถ้าวันหนึ่งเรามีความจำเป็น ที่จะต้องแปลความภาษาอังกฤษ อยากให้คิดว่าจริง ๆ แล้วมันไม่ได้ยากขนาดนั้น คนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้เหมือนกัน! ต้องขออนุญาตออกตัวก่อนว่า ผู้เขียนเคยเรียนสาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ หรือที่รู้จักกันดีก็คือ "มนุษย์อิ้ง" นั่นเอง ซึ่งคนที่เรียนสาขานี้ ส่วนมากจะได้เรียนเกี่ยวกับภาษาอังกฤษทั้งหมด แต่ไม่ใช่การเรียนภาษาอังกฤษ แบบสมัยเรียนประถมหรือมัธยมนะค่ะ เราจะไม่มานั่งท่อง A - Z หรือจะไม่มานั่งท่องศัพท์กันแล้ว เพราะเราเรียนลึกลงไปกว่านั้น และได้ปฏิบัติจริง ๆ เช่น เรียนเรื่องการออกเสียงภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง เรียนเรื่องโฟเนติก เรียนเรื่องการเขียนอนุเฉท หรือการเขียนบทความเป็นภาษาอังกฤษ โดยส่วนตัวที่ชอบที่สุด คือ เรื่องการแปลความภาษาอังกฤษ เพราะรู้สึกว่าสนุกและเพลิดเพลิน กับการได้แปลความจากภาษาอังกฤษ ให้เป็นภาษาไทย เพราะหนังสือบางเล่ม หรือบทความดี ๆ หลายบทความก็ไม่ได้แปลเป็นภาษาไทยไว้ ถ้าใครเคยได้ลองแปลบทความแล้ว ก็จะเห็นถึงความสละสลวยของภาษา ยิ่งแปลยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้น ๆ และการที่จะแปลออกมาให้ดีได้นั้น ก็ต้องอาศัยตัวช่วยดี ๆ และเทคนิคกันสักหน่อย เพราะคงไม่มีใคร จะรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษครบทุกคำบนโลกนี้ได้ แม้แต่เจ้าของภาษาเอง เขาก็ยังต้องมีพจนานุกรมไว้เปิดหาศัพท์เหมือนกับเรา ฉะนั้นอย่าไปกลัวค่ะ ภาษาอังกฤษมีไว้พุ่งชน ลุยโลด อย่างแรกเราควรจะเริ่มจากสิ่งที่ง่าย เช่น พวกป้ายโฆษณา ฉลากต่าง ๆ หลังซองหลังขวดก็ว่ากันไป หรือถ้าไปตามห้างเดี๋ยวนี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเยอะเขาก็จะทำป้ายเมนู การแนะนำโปรโมชั่นเป็นภาษาอังกฤษก็ลองแปลดู เป็นคำศัพท์แบบแปลได้ตรงตัว ยังไม่ยากสักเท่าไหร่ จากนั้นก็ลองแปลเนื้อเพลงภาษาอังกฤษง่าย ๆ สามารถเสิร์ชหาเนื้อเพลงจาก Google แล้วนำมาแปล ศัพท์คำไหนที่เราไม่รู้ก็ลองใช้ Dictionary หรือ พจนานุกรมเปิดหาได้ และเขียนกำกับไว้ ถ้าเจอซ้ำจะได้รู้ทันทีว่าคำนี้แปลว่าอะไร แปลทีละท่อนใจเย็น ๆ ไม่ต้องรีบ พอแปลเสร็จแล้วก็เอามาอ่านดู ว่าเราเข้าใจสิ่งที่เราแปลไว้หรือไม่ ถ้ารู้สึกว่ามันยังไม่ค่อยเข้ากัน ก็ต้องปรับคำแปล ให้เข้ากับบริบทของเนื้อเพลงที่เราหามา เพราะศัพท์บางคำมีมากกว่าหนึ่งความหมาย เราจึงจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้คำแปล ที่มันเข้ากับหัวข้อ หรือ ให้มันสอดคล้องกับสิ่งที่เรากำลังแปลอยู่ หลังจากได้ลองอ่าน และแก้ไขคำต่าง ๆ จนรู้สึกว่าเนื้อเพลงของเราดูสละสลวย แสดงว่าคุณเริ่มเข้าใจวิธีการแปลแล้วภาพโดย : ผู้เขียน นอกจากเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ สิ่งที่ต้องนำมาเสริมทัพ ในการแปลภาษาอังกฤษแบบจริงจังนั้นจำเป็นจะต้องมีตัวช่วย เข้ามาช่วยให้การแปลภาษาอังกฤษ เพื่อให้เกิดความง่ายขึ้น ซึ่งเราได้รวบรวมไว้แล้ว จากประสบการณ์จริงที่ใช้เป็นตัวช่วยในการแปลภาษามาโดยตลอด พร้อมแล้วไปดูกันเลยภาพโดย : ผู้เขียน1. Dictionary English to Thai (พจนานุกรมภาษาอังกฤษ - ภาษาไทย) สิ่งแรกที่ทุกต้องมีกันทุกคน อย่างน้อย 1 เล่มก็คือ พจนานุกรมภาษาอังกฤษ แต่บางคนอาจจะมีมากกว่านั้น ทั้งแบบเล่มใหญ่หนา ๆ หรือแบบเล่มเล็กพกพาสะดวก แต่ที่แนะนำให้ใช้ คือ เป็นพจนานุกรมเล่มหนา ๆ เพราะคำศัพท์ และการอธิบายรายเอียดของคำนั้นจะเยอะกว่า ที่จริงใช้ของสำนักพิมพ์ใดก็ได้ ตามที่เราสะดวก แต่ถ้ามีอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นซื้อใหม่นะ ทุกคนก็รู้ดีกันอยู่แล้ว ว่าพจนานุกรมใช้อย่างไร คือ ถ้าเราต้องแปลภาษาอังกฤษ 1 ประโยคสั้น ๆ แต่ดันไปเจอบางคำศัพท์ ที่เราไม่รู้จักก็สามารถเปิดพจนานุกรมหาได้เลย เช่น ประโยค He always get up early everyday. แต่เราไม่รู้ว่า early แปลว่าอะไร เราจึงต้องไปเปิดหาในพจนานุกรม ในหมวดตัว E ค้นหาแล้วจะเจอ"early (เออร์' ลี) adj., adv. -lier, -liest เช้า, แต่เช้า, แต่หัวค่ำ, เร็ว, ก่อน, ยุคแรก, สมัยแรก, แต่กาลก่อน -earliness n. (-S. forward, untimely, advance -A. late) -Ex. early breakfast, early years of one's life, early part of the 19th century"เมื่อรู้ศัพท์แล้ว ก็จะแปลได้ว่า "ในทุกวันเขาจะตื่นนอนแต่เช้าเสมอ ๆ หรือ เขาตื่นนอนแต่เช้าเสมอทุกวัน" จะเห็นตามตัวอย่างคำว่า early ในพจนานุกรมตรงนี้ ให้สังเกตว่าไม่ได้มีเพียงแค่คำแปล แต่ยังบอกว่าสามารถใช้ได้ทั้ง adj. adv. หรือ n. (คำนาม) หรือ -lier, -liest (ขั้นกว่าของ early คือ แต่เช้ากว่า, เช้าที่สุด) หรือ -S. (คำศัพท์ที่มีความหมายใกล้เคียงกัน) -A. (คำศัพท์ที่มีความหมายตรงกันข้าม) ไปจนถึง Ex. (การยกตัวอย่างประโยคที่มีคำศัพท์นั้น)ภาพจาก : Google.com2. Google Translate (Google แปลภาษา) หลังจากใช้พจนานุกรมแล้ว แต่ก็ยังมีคำศัพท์บางคำศัพท์ที่หาไม่เจอ ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก ทำให้ต้องสรรหาวิธี ที่จะมาช่วยและตัวช่วยที่หาง่ายที่สุดก็คือ Google Translate จะโหลดเป็นแอปพลิเคชั่นมาใช้ก็ได้ หรือ จะใช้เสิร์ชใน Google เลย ส่วนตัวจะชอบใช้ในเว็บของ Google มากกว่า หลาย ๆ คนคงจะเคยใช้ หรือเคยได้ยินมาว่าทำไม Google Translate แปลออกมาได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่นั่นเป็นเรื่องเก่าไปแล้วค่ะภาพจาก : Google.comเพราะปัจจุบันได้มีการพัฒนามาเรื่อย ๆ ก็สามารถแปลออกมาได้ดี จะใช้แปลเป็นคำ หรือใช้แปลทั้งประโยคก็ทำได้ นอกจากนี้ยังมีคำศัพท์ใกล้เคียง คำจำกัดความของคำศัพท์ที่เราค้นหา ไปจนถึงตัวอย่างประโยค ที่มีคำศัพท์นั้น ๆ ให้ด้วยอีกด้วย รับรองว่าใช้ Google Translate แล้วจะสะดวกสบายมาก แต่ก็ยังต้องใช้การพิจารณาอีกสักหน่อย ก่อนจะตัดสินใจเขียนคำแปลตาม Google นะค่ะ บางประโยคก็ลองปรับเปลี่ยนคำ ให้มันเข้ากับบริบทนั้นด้วยภาพจาก : Google.com3. แอปพลิเคชั่นพจนุกรมภาษาอังกฤษ มาที่ตัวช่วยที่ 3 ก่อนอื่นต้องขอบคุณเทคโนโลยี ที่ทำให้เราสามารถทำงาน ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และง่ายกว่าเมื่อก่อนเยอะ และเมื่อพูดถึงแอปพลิชั่นพจนานุกรม หรือพวกแอปพลิเคชั่นแปลภาษาต่าง ๆ ก็มีมากมายให้เลือกใช้ แต่ที่ใช้บ่อยและอยากจะแนะนำภาพจาก : แอปพลิเคชั่น Line Dictionary English-Thaiคือ แอปพลิเคชั่น Line Dictionary English-Thai เพราะแค่โหลดมาไว้ในมือถือ ก็รู้อุ่นใจแล้ว นอกจากจะแปลคำศัพท์ที่เราไม่รู้ได้แล้วภาพจาก : แอปพลิเคชั่น Line Dictionary English-Thaiเช่น คำว่า Suggest ยังเปลี่ยนคำศัพท์นั้น ให้เป็นคำศัพท์ในรูปของ past (Suggested รูปในอดีตของคำนั้น) เปลี่ยนเป็น adj. adv. หรือ n. (คำนาม) อีกด้วย และนอกจากนี้ ยังสามารถแปลเป็นประโยคได้ แนะว่าถ้าเป็นประโยคยาว ๆ มีหลายย่อหน้า ให้แปลทีละประโยค (แปลถึงแค่ . จุด full stop) ไล่ไปเรื่อย ๆ จนเสร็จ ตัวของแอปพลิเคชั่นนี้ ต้องยอมรับเลยว่าใช้ได้ในเกณฑ์ที่ดี แปลความหมายออกมาได้สละสลวยพอสมควร แต่ก็อย่างที่เคยแนะนำ ถึงจะมีตัวช่วยในการแปลแต่เราก็ต้องนำมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อความสมบูรณ์ ถ้าใครกำลังมองหาแอปพลิเคชั่นดี ๆ ใช้ง่ายทำงานได้จริง ก็แนะนำเลยค่ะ ลองไปโหลดมาใช้กันได้ภาพโดย : ผู้เขียน4. Dictionary English to English (พจนานุกรมภาษาอังกฤษ - ภาษาอังกฤษ) หลังจากลองใช้ทั้ง 3 ตัวช่วยไปแล้ว แต่ก็ยังมีคำศัพท์ที่ยาก และไม่เคยรู้จักมาก่อนอีกเพียบ หาในพจนานุกรมก็ไม่เจอ แปลใน Google ก็ยังรู้สึกว่า ไม่ค่อยเข้ากับเนื้อหาที่แปลออกมา จะให้แปลตรงตัวก็คงไม่ได้ หรือจะอ่านก็ไม่รู้ว่าอ่านออกเสียงอย่างไร ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เพราะเรามีไม้ตายขั้นเทพ คือ พจนานุกรมภาษาอังกฤษ - ภาษาอังกฤษ นั่นเอง และเชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่มี เพราะก็ไม่ค่อยจะได้ใช้กันสักเท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่เรียนภาษาอังกฤษ หรือ นักแปลภาษาจำเป็นอย่างมาก ที่จะต้องมีเล่มนี้ จะใช้ของสำนักพิมพ์อะไรก็ได้แต่ให้เลือกเล่มที่มีความหนา มีคำศัพท์เยอะ ๆ หลายคนงงว่าจะเอามาทำไม ภาษาอังกฤษแปลภาษาอังกฤษ ก็เราจะแปลภาษาอังกฤษ เป็นภาษาไทยคงไม่จำเป็นหรอกมั้ง แต่อย่าเพิ่งคิดแบบนั้นเ เพราะมันจำเป็นอย่างมากแน่นอน อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้น ว่าคำศัพท์เฉพาะบางคำค้นหาจากพจนานุกรมทั่วไปไม่เจอ หรือค้นหาใน Google ก็ไม่มีความหมาย ที่ตรงกับสิ่งที่เราต้องการ และนี่คือคำตอบ โดยปัญหาหลัก ๆ ของการแปลภาษา ก็คือเจอคำศัพท์ที่ไม่รู้จัก และเป็นคำศัพท์เฉพาะทางทำให้ต้องใช้ พจนานุกรมภาษาอังกฤษ - ภาษาอังกฤษ เช่น คำว่า qualm เป็นคำที่ไม่เจอในชีวิตประจำวันแน่นอน ในพจนานุกรมได้ให้ความหมายของ "qualm ไว้ว่า a feeling of doubt or worry about whether what you are doing is right." (แปลว่า รู้สึกสงสัย หรือ กังวลว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้น ถูกต้องหรือไม่) จะเห็นว่าคำศัพท์ ที่เราไม่รู้จักพอแปลมาเป็นภาษาอังกฤษ ก็จะทำให้เราเข้าใจง่ายขึ้น นอกจากจะมีคำแปลแล้ว ยังมีวิธีการอ่านออกเสียงให้อีกต่างหาก ใครที่ยังไม่เคยใช้ ก็ลองไปหาซื้อมาใช้ประกอบการแปลภาษาอังกฤษได้ การแบ่งปันตัวช่วย และเทคนิคต่าง ๆ ในการแปลภาษาอังกฤษทั้งหมด ที่กล่าวมานี้ ได้มาจากประสบการณ์ และการได้แปลมาแล้วจริง ๆ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่สนใจ อยากจะเริ่มแปล หรือ คนที่ต้องแปลภาษาจากการเรียนบ้าง ทำงานบ้าง หรืออะไรก็แล้วแต่ สามารถนำกลวิธีต่าง ๆ นี้ไปใช้ได้เลย ถ้าทำได้ครบทุกอย่างแล้ว คุณจะมีความชำนาญ และสามารถแปลภาษาได้ทุกรูปแบบอย่างแน่นอน! นอกจากการแปลภาษาอังกฤษแล้ว ก็สามารถนำเทคนิควิธีการต่าง ๆ ไปปรับใช้กับการแปลภาษาอื่น ๆ ได้ หรือถ้ายังรู้สึกว่าแปลภาษาอังกฤษได้ไม่ดีพอ ก็อย่าเพิ่งท้อใจไปนะค่ะ เพราะทุกคนก็เริ่มจากศูนย์เหมือนกันหมด ขอให้มีความพยายาม และคอยสังเกตสิ่งรอบข้างให้มาก ๆ รับรองว่าวันหนึ่ง คุณจะหลงรักมัน และทำมันได้ออกมาดีมาก ๆ แน่นอน!