10 วิธีส่งเสริมสุขอนามัยดี จากการใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล หลายคนอาจยังมองภาพไม่ออกว่า ทำไมในบางครั้งพอตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่มีสิ่งแวดล้อมที่ดี ถึงได้สุขกายและสบายใจ ความคิดดีๆ ก็เลื่อนไหล หายใจก็โล่งปอด และอะไรดีๆ อีกหลายอย่าง ซึ่งสถานการณ์นั้นเป็นเรื่อปกติค่ะ เพราะสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเราสามารถส่งผลต่อตัวเราได้ โดยถ้าเราไปอยู่ในสถานที่ที่สวยงาม สะอาดสะอ้าน มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ท้องฟ้าสดใส อากาศบริสุทธิ์ น้ำไม่มีกลิ่นเหม็น ต้นไม้ใบหญ้าสีเขียว ฯลฯ แบบนี้เราก็จะได้รับผลในทางดีค่ะ ซึ่งจะว่าไปแล้วสิ่งแวดล้อมที่ดีที่ทุกคนอยากได้ คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า เราทุกคนสร้างทำได้ สร้างสิ่งแวดล้อมให้มีดีและไปส่งเสริมคุณภาพชีวิตของเราได้ โดยในบทความนี้ผู้เขียนจะมาบอกต่อแนวทางที่เป็นไปได้ เพื่อนำไปจัดการสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นค่ะ ส่วนจะมีแนวทางยังไงบ้างนั้น ต้องอ่านต่อให้จบและนำไปปรับใช้กันค่ะ กับข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้ 1. ลดการสร้างขยะและการจัดการขยะอย่างถูกวิธี คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า การลดปริมาณขยะที่ต้นทางและการจัดการขยะอย่างถูกวิธี เป็นรากฐานสำคัญของการส่งเสริมสุขอนามัยที่ดี ควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งการลดการสร้างขยะตั้งแต่การเลือกซื้อสินค้า การนำสิ่งของกลับมาใช้ซ้ำ และการลดการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ไม่จำเป็น ช่วยลดภาระในการกำจัดขยะและลดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของเชื้อโรคและสารพิษในสภาพแวดล้อม การจัดการขยะอย่างถูกสุขลักษณะ ไม่ว่าจะเป็นการคัดแยกขยะ การกำจัดขยะมูลฝอยติดเชื้ออย่างปลอดภัย หรือการนำขยะรีไซเคิลไปใช้ประโยชน์ต่อ ล้วนช่วยลดแหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงและสัตว์พาหะนำโรค ลดปัญหาน้ำเสียและอากาศเสีย ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคน ดังนั้นการใส่ใจในเรื่องเหล่านี้จึงเป็นการลงทุนเพื่อที่ดีในระยะยาว และเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนค่ะ 2. จัดการน้ำเสียในครัวเรือนอย่างเหมาะสม หลายคนยังมองไม่ออกว่า ถ้าเราหันมาจัดการน้ำเสียในครัวเรือนอย่างเหมาะสม จะสามารถส่งเสริมสุขอนามัยที่ดีและรักษาสิ่งแวดล้อมได้ยังไง? ต้องบอกว่าประเด็นสามารถช่วยได้แน่นอนค่ะ เพราะว่าการปล่อยน้ำเสียที่ไม่ผ่านการบำบัดลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะก่อให้เกิดปัญหามลพิษทางน้ำได้ ซึ่งเป็นแหล่งแพร่กระจายของเชื้อโรคและสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการติดตั้งและบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสียขนาดเล็กในครัวเรือน เช่น ถังบำบัดน้ำเสียแบบไร้อากาศ หรือการใช้บ่อกรอง จะช่วยลดปริมาณสารอินทรีย์และเชื้อโรคในน้ำเสียก่อนปล่อยสู่ภายนอก นอกจากนี้การลดการใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีสารเคมีรุนแรง และการแยกทิ้งขยะไขมันอย่างถูกวิธี ก็เป็นส่วนหนึ่งของการจัดการน้ำเสียที่ดีที่ทำได้จากที่บ้านของเรา ซึ่งการใส่ใจในรายละเอียดเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันปัญหาของคนในครัวเรือนและชุมชน แต่ยังเป็นการรักษาสมดุลของระบบนิเวศและสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดและปลอดภัยสำหรับทุกคนค่ะ 3. ประหยัดพลังงานและใช้พลังงานสะอาด การลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น เช่น การปิดไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ใช้งาน การเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดพลังงาน และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหามลพิษทางอากาศและภาวะโลกร้อนค่ะ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อมนุษย์ การเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม หรือพลังงานน้ำ จะช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของสารพิษและอนุภาคขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และถ้าจะพูดว่าการใส่ใจในการเลือกใช้พลังงานอย่างชาญฉลาด จึงเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ก็น่าจะไม่ผิดค่ะ 4. ลดการใช้สารเคมีอันตราย สารเคมีอันตรายหลายชนิดสามารถก่อให้เกิดปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว นอกจากนี้การปนเปื้อนของสารเคมีเหล่านี้ในดิน น้ำ และอากาศ ยังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหาร ซึ่งการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้สารทดแทนจากธรรมชาติ การจัดการและกำจัดสารเคมีอันตรายอย่างถูกวิธี รวมถึงการลดการใช้ยาฆ่าแมลงและปุ๋ยเคมีในการเกษตร จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการสัมผัสสารพิษทั้งโดยตรงและโดยอ้อม และการใส่ใจในการลดการใช้สารเคมีอันตรายจึงเป็นการปกป้องตนเองและผู้อื่น รวมถึงการรักษาสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัยและยั่งยืนสำหรับอนาคตค่ะ 5. สนับสนุนการขนส่งที่ยั่งยืน การลดการพึ่งพายานยนต์ส่วนตัวที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ การเดิน การปั่นจักรยาน หรือการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า จะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคต่างๆ ซึ่งการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่เข้าถึงง่าย สะดวกสบาย และปลอดภัย จะช่วยลดความแออัดบนท้องถนน ลดความเครียด และส่งเสริมให้ผู้คนมีกิจกรรมทางกายมากขึ้น การสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเดินและการปั่นจักรยานที่ปลอดภัยและเอื้อต่อการใช้งาน ยังเป็นการส่งเสริมวิถีชีวิตที่กระฉับกระเฉงและลดความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อ ดังนั้นการลงทุนและการสนับสนุนการขนส่งอย่างยั่งยืน จึงเป็นการสร้างเมืองที่น่าอยู่ มีอากาศบริสุทธิ์ และส่งเสริมสุขภาพที่ดีของประชาชนในระยะยาว 6. เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เวลาเราหันมาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญในการใส่ใจดูแลโลกของเราค่ะ เพราะว่าการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุธรรมชาติ สามารถลดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก หรือผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากรับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม แบบนี้ก็จะช่วยลดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ ลดปริมาณขยะ และลดการปล่อยสารพิษจากการผลิตและการกำจัด รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมักมีส่วนประกอบที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า เช่น ปราศจากสารเคมีรุนแรง สารก่อภูมิแพ้ หรือสารก่อมะเร็ง ดังนั้นการใส่ใจเลือกซื้อสินค้าเหล่านี้จึงไม่เพียงแต่ช่วยลดมลภาวะและรักษาสมดุลของระบบนิเวศเท่านั้น แต่ยังเป็นการปกป้องผู้บริโภคและส่งเสริมให้เกิดการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนค่ะ 7. สร้างพื้นที่สีเขียวและดูแลรักษา พื้นที่สีเขียว เช่น สวนสาธารณะ ต้นไม้ริมทาง หรือพื้นที่เกษตรในเมือง สามารถช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และปล่อยออกซิเจน ทำให้คุณภาพอากาศดีขึ้น ลดมลพิษและฝุ่นละอองที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ นอกจากนี้พื้นที่สีเขียวยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย และทำกิจกรรมกลางแจ้ง ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล การมีพื้นที่สีเขียวที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ยังช่วยส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์และแมลงที่เป็นประโยชน์ และสร้างภูมิทัศน์ที่สวยงามน่าอยู่ 8. ลดมลพิษทางเสียง เสียงดังที่เกินระดับมาตรฐานสามารถส่งผลกระทบต่อทั้งทางร่างกายและจิตใจนะคะ เพราะสามารถก่อให้เกิดความเครียด รบกวนการนอนหลับ จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ตามมา ดังนั้นการควบคุมและลดแหล่งกำเนิดเสียง เช่น การจัดการจราจร การควบคุมเสียงจากสถานประกอบการ การเลือกใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีเสียงดังน้อยลง รวมถึงการออกแบบผังเมืองและการก่อสร้างที่คำนึงถึงการลดผลกระทบจากเสียง จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งการใส่ใจในปัญหามลพิษทางเสียง จึงเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น รวมถึงการสร้างสังคมที่สงบสุขและมีสิ่งแวดล้อมที่ดีค่ะ 9. รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล หลายคนยังมองไม่ออกว่า การรักษาสุขวิทยาส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด เป็นพื้นฐานสำคัญของการมีสุขภาพที่ดี และยังมีความเชื่อมโยงกับการใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมค่ะ เพราะลองนึกภาพตามค่ะว่า การล้างมืออย่างถูกวิธี การดูแลความสะอาดร่างกาย ช่องปากและเสื้อผ้า เป็นการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น นอกจากนี้การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดส่วนบุคคลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารเคมีรุนแรง หรือผลิตภัณฑ์ที่มีบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน ยังเป็นการลดผลกระทบต่อระบบนิเวศ ซึ่งการใส่ใจในสุขอนามัยส่วนบุคคลควบคู่ไปกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงเป็นการดูแลสุขภาพในภาพรวม และแสดงความรับผิดชอบต่อโลกที่เราอาศัยอยู่นะคะ 10. ให้ความรู้และสร้างความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม การที่ประชาชนมีความเข้าใจถึงความเชื่อมโยงระหว่างปัญหาสิ่งแวดล้อมกับตนเองและชุมชน จะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการลดการสร้างขยะ การประหยัดพลังงาน การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า หรือการเลือกซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อผู้คนตระหนักถึงผลกระทบของการกระทำของตนเองต่อสิ่งแวดล้อม ก็จะเกิดความใส่ใจและร่วมมือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างจริงจังค่ะ ดังนั้นการให้ความรู้ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งการศึกษาในระบบ การรณรงค์ และการสื่อสารผ่านสื่อ จะช่วยสร้างสังคมที่มีจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการมีสุขอนามัยที่ดีและสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน และทั้งหมดนั้นคือแนวทางที่เป็นไปได้สำหรับเราทุกคน เพื่อหันมารักษ์โลกมากขึ้นค่ะ สิ่งแวดล้อมดี มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะถ้าสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรามีปัญหา เราก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย แต่วิธีการข้างต้นสามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถต่อยอดจากสิ่งแวดล้อมที่ดีอยู่แล้ว ให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปอีกค่ะ โดยทุกวิธีการในนี้ผู้เขียนนำมาประยุกต์ใช้หมด ที่ในบางวันก็ได้ทำบางอย่างมาก แต่ในบางวันก็ทำบางอย่างน้อย ในเรื่องการจัดการขยะ การดูแลพื้นที่สีเขียว การจัดการน้ำเสียต้นทาง การลดเสียง การดูแลรักษาความสะอาดส่วนตัว การสนับสนุนผลิตภัณฑ?ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เหล่านี้เราสามารถทำได้ตั้งแต่ที่บ้านเลยค่ะ ยังไงนั้นให้เริ่มจากเรื่องใกล้ตัว ให้เริ่มจากจุดเล็กๆ ก่อนก็ได้ และผู้เขียนหวังว่าเนื้อในบทความนี้จะสามารถเป็นแนวทางให้กับคุณผู้อ่านได้บ้าง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปก: ภาพที่ 1, ภาพที่ 2 และภาพที่ 3 จาก Pixabay โดยผู้เขียน ภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1,3-4 ถ่ายภาพโดยผู้เขียน, ภาพที่ 2 โดย Yogi Jap จาก Pexels และภาพที่ 5 โดย Sora Shimazaki จาก Pexels ออกแบบภาพหน้าปกโดยผู้เขียนใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่คล้ายกันโดยผู้เขียน 10 ตัวอย่างขยะอันตรายในบ้าน คุกคามคนได้ และมีมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม 11 วิธีประหยัดน้ำในบ้านง่ายๆ ใช้อย่างรู้คุณค่า ลดการเกิดน้ำเสีย 7 วิธีลดขยะในชุมชน ลดขยะในบ้านแบบง่ายๆ ทุกคนทำได้ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !