ชาวเมียนมา รวมตัวหน้ายูเอ็น ร้องเพลงชาติ-เผารูปคณะรปห. ห่วง 'ซูจี' ขอร่วมสู้ในไทย

เมื่อเวลาประมาณ 14.40 น. วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่องค์การสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย ชาวเมียนมา กว่า 40 คน เดินทางมารวมตัวกัน เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านการรัฐประหาร ของกองทัพเมียนมา หลังประกาศยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนนำโดยนางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยนางซูจี ได้ถูกควบคุมตัวไปพร้อมกับผู้นำระดับสูงในรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าจัดระเบียบการชุมนุมของชาวเมียนมา โดยขอให้สื่อมวลชน และคนไทย แยกออกจากชาวเมียนมา พร้อมกล่าวกับคนไทย และสื่อมวลชนที่มาร่วมสังเกตการณ์ว่า ชาวเมียนมา มาทำกิจกรรมด้วยความสงบ สันติ เราควรดูเป็นแบบอย่าง ขอความร่วมมือด้วย

ทั้งนี้ คนไทยบางส่วน ได้แสดงความไม่พอใจต่อคำพูดดังกล่าวของเจ้าหน้าที่

จากนั้น ชาวเมียนมา ได้ทำการชูภาพ ของ นางอองซาน ซูจี และธงชาติ ก่อนเริ่มทำกิจกรรมร้องเพลงชาติ และเผารูปคณะรัฐประหาร ที่นำโดย พล.อ มิน อ่อง ลาย

โดย เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คนที่เมียนมา เป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้ เป็นห่วง อองซาน ซูจี หรือไม่ ตัวแทนชาวเมียนมา เปิดเผยว่า เป็นห่วงหนัก เป็นห่วงมากๆ ความรู้สึกในใจมีเต็มไปหมด แต่พูดออกมาไม่ออก

ต่อมา มวลชนชาวเมียนมา ร่วมกันตะโกน แสดงความไม่พึงพอใจต่อการทำรัฐประหาร และจับกุมตัวผู้นำคนสำคัญเป็นภาษาพม่า

ด้าน เยาวชนหญิง ชาวเมียนมา กล่าวว่า เดินทางมาจาก จ.เพชรบุรี เป็นคนเมียนมา ที่มาอยู่ไทย กว่า 5 ปีแล้ว เรามาอยู่ที่นี่ แต่ใจเราอยู่ที่พม่า ตอนนี้เราสู้เพื่อแม่อองซาน เพราะเรารักเขา เห็นเขามาตั้งแต่เด็ก

“อองซานแค่ขอให้ประเทศดีกว่านี้ และขอให้เด็กๆ ที่อยู่เมืองไทย กลับไปอยู่พม่า ทำงานที่นั่น อยู่ด้วยกัน สู้ด้วยกัน เราเลยมาสู้เพราะเรารักเขา พ่อแม่ น้องสาว น้องชาย อาศัยอยู่ที่นู่น เขาก็สู้อยู่ที่นู่น ตอนนี้อยู่ที่ไทยกับพี่ชาย เราก็สู่ที่นี่ไปด้วยกัน ที่บ้านบอกว่ายังสู้กันอยู่ ยังไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร ก็ต้องโทรคุยกันทุกวัน” เยาวชนหญิงชาวเมียนมา กล่าว

อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มวลชนชาวเมียนมา ในประเทศไทย ยังไม่มีกำหนดการนัดชุมนุมอีกครั้ง โดยจะรอข้อสรุปที่เมียนมาก่อนว่าผลจะออกมาอย่างไร จึงจะว่ากันอีกครั้ง เนื่องจากคนไม่มีกลุ่ม ตัวแทนที่แน่ชัด เพียงแต่มารวมตัวเพื่อช่วยพี่น้องของชาวเมียนมา เพราะตอนนี้ที่ประเทศไม่สามารถออกมาข้างนอกได้ คนที่ถูกจับก็ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว