รีเซต

ซีอีโอ MTC ทำจม.ตอบกลับนายกฯ พร้อมช่วยรบ.ฝ่าโควิด-19 เปิดรับพนง.เพิ่ม 1,000 ตำแหน่ง

ซีอีโอ MTC ทำจม.ตอบกลับนายกฯ พร้อมช่วยรบ.ฝ่าโควิด-19 เปิดรับพนง.เพิ่ม 1,000 ตำแหน่ง
มติชน
5 พฤษภาคม 2563 ( 10:44 )
116
ซีอีโอ MTC ทำจม.ตอบกลับนายกฯ พร้อมช่วยรบ.ฝ่าโควิด-19 เปิดรับพนง.เพิ่ม 1,000 ตำแหน่ง

 

ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือถึงมหาเศรษฐีไทย ลงวันที่ 20 เมษายน 2563 เพื่อขอความร่วมมือในการช่วยกันแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิด-19 แล้วนั้น

 

 

5 พฤษภาคม : บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC แจ้งว่า นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร MTC ได้ทำจดหมายตอบกลับนายกฯ เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา มีใจความว่า สิ่งที่บริษัทได้ดำเนินการไปแล้ว คือการให้ความร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในการปฏิบัติตามแนวทางและมาตรการช่วยเหลือลูกค้า ทั้งมาตรการพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยให้กับลูกค้า เป็นระยะเวลา 3 เดือนเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา, มาตรการลดค่างวดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของค่างวดปกติ เป็นระยะเวลา 6 เดือน, มาตรการลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกหนี้สินเชื่อบุคคลายภายใต้การกำกับ (ไม่มีหลักประกัน) สำหรับลูกค้าที่มีประวัติการชำระดีลง 6 เปอร์เซ็นต์ คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 22 เปอร์เซ็นต์ มีลูกหนี้เข้าร่วมโครงการเพื่อขอรับความช่วยเหลือจากผลกระทบดังกล่าวแล้ว 142,147 คน

 

 

“ผมและครอบครัว ได้ร่วมบริจาคเงินสมทบทุนเพื่อสู้โควิด-19 จำนวน 60 ล้านบาท แก่โรงพยาบาลจำนวน 7 แห่ง ได้แก่ 1.โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ สภากาชาดไทย 2.โรงพยาบาลศิริราช 3.โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ 4.โรงพยาบาลรามาธิบดี 5.สถาบันบำราศนราดูร 6.โรงพยาบาลราชวิถี และ 7.โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข”

 

 

นายชูชาติ กล่าวว่า สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นได้ดำเนินการก่อนที่นายกฯจะมีหนังสือมาถึง ซึ่งรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในการให้ความร่วมมือกับรัฐบาลเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากวิกฤตโควิด-19 จึงเสนอโครงการมาดังต่อไปนี้

 

 

โครงการที่บริษัทกำลังจะดำเนินการเพิ่มเติม คือการจัดสรรและแกจ่ายถุงยังชีพจำนวน 200,000 ถุง มูลค่า 60 ล้านบาท โดยมอบผ่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จำนวน 53,000 ถุง เพื่อนำไปมอบให้ประชาชนในชุมชนต่างๆจำนวน 600 ชุมชนทั่ว กทม., มอบผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศนำไปมอบให้ประชาชนที่เดือดร้อนในจังหวัดต่อไป รวมถึงบริจาคเงินให้กับโรงพยาบาลในจังหวัดสุโขทัยที่ประสบปัญหาขาดแคลนทั้งอาคารสถานที่ เครื่องมือ เวชภัณฑ์ และบุคลากรทางการแพทย์ ผ่านสาธารณสุขจังหวัด จำนวน 50 ล้านบาท ภายในไม่เกินวันที่ 25 พฤษภาคมนี้

 

 

นอกจากนี้ได้เปิดพื้นที่อาคารสำนักงานสาขาทุกแห่งของบริษัทฯ รวม 4,389 แห่งทั่วประเทศ ให้เป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าเกษตรและ OTOP สำหรับประชาชนที่มีความเดือดร้อนสามารถนำสินค้าดังกล่าวมาวางจำหน่ายได้ โดยผู้ที่มีความประสงค์สามารถแจ้งความจำนงผ่านสาขาได้ทันที พร้อมกันนี้จะใช้อาคารสำนักงานสาขาทั้งหมดเป็นช่องทางการกระจายการเข้าถึงความช่วยเหลือจากภาครัฐและเอกชนต่างๆให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนด้วย โดยจัดตั้งเป็นศูนย์การกระจายความช่วยเหลือให้แก่ประชาชน

 

 

นายชูชาติ กล่าวอีกว่า ในส่วนของพนักงานบริษัทซึ่งมีอยู่กว่า 10,000 คน บริษัทขอยืนยันว่าไม่มีนโยบายลดจำนวนพนักงาน ลดชั่วโมงทำงาน หรือเลิกจ้างพนักงานแต่อย่างใด นอกจากนี้ ยังมีนโยบายรับพนักงานเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 1,000 คน เพื่อรองรับการเปิดสาขาในอนาคต

 

นายชูชาติ กล่าวว่า “ผมมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม นอกเหนือจากมาตรการดังกล่าวข้างต้นซึ่งเป็นนโยบายเชิงจุลภาคในการช่วยเหลือประชาชนแล้ว ขออนุญาตนำเสนอข้อเสนอแนะเชิงมหภาคว่าด้วยนโยบายของทางภาครัฐในการจัดตั้งกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของตราสารหนี้ภาคเอกชน : Corporate Stabilization Fund (BSF) เพื่ออุ้มตลาดตราสารหนี้โดยการรับซื้อตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในกลุ่มน่าลงทุน (Investment Grade) ที่ถึงกำหนดไถ่ถอน

 

ผมมีความเห็นว่า ผู้ออกตราสารหนี้ในกลุ่มดังกล่าวอาจไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนในตลาดตราสารหนี้อย่างรุนแรงเท่ากับผู้ออกตราสารหนี้ในกลุ่มที่ต่ำกว่าระดับ Investment Grade ซึ่งในที่นี้รวมทั้งตราสารหนี้ที่ถูกปรับลดระดับความน่าเชื่อถือลงมาจากระดับ Investment Grade ด้วย หากตราสารหนี้กลุ่มดังกล่าวเกิดการผิดนัดชำระหนี้ จะก่อให้เกิดความผันผวนที่แท้จริงในตลาดตราสารหนี้ อันส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินของสถาบันการเงินและประเทศต่อไป จึงขอให้จัดตั้งกองทุนดังกล่าวเพื่อให้การช่วยเหลือครอบคลุมถึงผู้ออกตราสารหนี้ที่ต่ำกว่าระดับ Investment Grade ด้วย”

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง