9 วิธีแก้เป็นคนคิดมาก บอกลาความคิดฟุ้งซ่าน สู่ชีวิตที่สงบ | บทความโดย Pchalisa ความคิดฟุ้งซ่าน อาการคิดมาก ความสงสัยจนเกินงาม เหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญ จริงไหมคะ? แน่นอนว่าคนเราก็ต้องเจอสิ่งเหล่านี้บ้างในบางวัน เพราะเราก็ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่มีโปรแกรมห้ามคิดเยอะ แต่เราเป็นคนที่มีหัวใจ มีความรู้สึกนึกคิดได้ และคุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า? ถ้าคิดคิดมากเกินลิมิต มันไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้นมาได้เลยจริงๆ แถมดีไม่ดีอาจมีปัญหาใหม่เกิดขึ้นตามด้วยด้วยซ้ำไป ดังนั้นจะดีกว่าไหม? หากเราจะหันมาหาทางแก้ไข เพราะคิดเยอะแล้วมักทำให้เกิดความเครียด ความกังวลใจ และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตค่ะ ดังนั้นเลิกได้เลิก เบาได้เบานะคะทุกคน และถ้าคุณผู้อ่านกำลังมองหาวิธีจัดการกับความคิดฟุ้งซ่านแล้วล่ะก็ มาถูกทางค่ะ และโชคดีมาก เพราะในบทความนี้ผู้เขียนมีแนวทางมาบอก และถ้าลองนำวิธีในเนื้อหาของบทความนี้ไปปรับใช้แล้วล่ะก็ รับรองว่าใจเบาสบายได้แน่นอนค่ะ เพราะผู้เขียนได้ทำมาแล้ว ส่วนจะมีวิธีการอะไรบ้างนั้น งั้นเรามาอ่านต่อกันเลยดีกว่าค่ะ 1. ฝึกสติ เมื่อรู้สึกว่ากำลังคิดฟุ้งซ่าน ให้ลองสังเกตความคิดนั้นๆ โดยไม่ตัดสินว่ามันดีหรือไม่ดีค่ะ ซึ่งถ้าเราเป็นคนผิด สิ่งสุดท้ายที่ต้องทำก่อนมาตั้งสติก็คือการขอโทษ จากนั้นให้กลับมาที่ปัจจุบันค่ะ กลับมาเพื่อตั้งหลักใหม่ วางปัญหาเอาไว้ข้างนอกใจเราก่อน และหันมาให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันในตัวเอง เช่น ลมหายใจ การสวดมนต์ การแผ่เมตตา อะไรก็ได้สักอย่าง เพื่อให้ใจเรามีที่ยึดเหนี่ยวมีหลักยึด ซึ่งการนั่งสมาธิเป็นวิธีฝึกสติที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะช่วยให้จิตใจสงบและมีสมาธิมากขึ้น จากที่เราได้เบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองออกจากปัญหาค่ะ 2. กำหนดเวลาสำหรับคิด ต่อจากนั้นให้หาช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจงสำหรับมานั่งคิดถึงเรื่องที่กังวลค่ะ ซึ่งสิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่ามานั่งทำให้ปัญหาใหญ่ขึ้นนะคะ แต่ให้มองไปที่ตัวปัญหาว่าต้นเหตุคืออะไร เราขาดตกบกพร่องตรงไหน ถ้าปัญหานี้มีคนเคยเจอและแก้ได้แล้ว เขาทำอะไรกัน ก็ให้ไปหาอ่าน หาดูและฟังเอาข้อมูลมาค่ะ ซึ่งการกำหนดเวลาสำหรับคิดนี้มันดี เพราะจริงๆ แล้ว เวลาเราเจอปัญหาเราต้องแก้ไปทีละปัญหาที่เวลาหนึ่งนะคะ และการชัดเจนว่าฉันจะเอาปัญหามานั่งคิดเพื่อแก้ไข ทำให้เราไม่สับสนกระวนกระวายใจมากเกินไป จากที่เอาปัญหาหลายอย่างมารวมกัน 3. ออกกำลังกาย จากที่เราก็รู้มาแล้วว่า การออกกำลังกายช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียดและเพิ่มสารเอ็นโดรฟินได้ ซึ่งจะช่วยทำให้เรารู้สึกดีและผ่อนคลายได้ จะว่าเป็นการทำอะไรสักอย่างเพื่อทำให้ตัวเองเบี่ยงเบนความกังวลใจไปอยู่ที่การออกกำลังกายก็ได้ค่ะ จึงทำให้เราลืมคิดถึงประเด็นที่ทำให้เราคิ้วขมวดอยู่ในตอนนั้นได้ และวิธีการนี้ผู้เขียนใช้จริงเลยค่ะ พอคิดฟุ้งซ่านก็จะออกกำลังกายมากขึ้นเลย ที่มารู้ตัวอีกทีก็ลืมไปเลยว่าเรื่องปวดหัวที่ต้องคิดหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ 4. ทำกิจกรรมที่ชอบ แนวทางนี้คือการเปลี่ยนการโฟกัสของเรานั่นเองนะคะ โลกนี้เป็นโลกของคนที่โฟกัสได้ดีค่ะ จากที่ทุกอย่างก็มีสองด้านเสมอ ดำขาว อ้วนผอม ดีและไม่ดี เสียใจและดีใจ ฯลฯ แต่ถ้าเราโฟกัสได้ถูกที่ถูกจุด เราจะเป็นอิสระจากการเป็นคนคิดมากได้ค่ะ ดังนั้นพอมีปัญหาให้ต้องคิด ต้องเปลี่ยนโฟกัส พาตัวเองไปทำในสิ่งที่จะทำให้ตัวเองดีขึ้นค่ะ อย่างในกรณีของผู้เขียนนั้นจะเอาความสนใจมาทำงานค่ะ อ่านหนังสือ ทำสวนผัก หรืออะไรประมาณนี้ ก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เนื่องจากการทำกิจกรรมที่ชอบเป็นการพักผ่อนที่ดีและช่วยลดความเครียดนะคะ อีกทั้งยังทำให้ตัวเราสนใจปัจจุบันได้ดีขึ้นด้วย ซึ่งการมุ่งความสนใจไปที่กิจกรรมที่ทำจะช่วยลดความคิดเยอะได้จริงๆ นะทุกคน ลองทำเลยจ้า 5. เขียนบันทึก หนึ่งวิธีการในการลบล้างอาการคิดเยอะได้ง่ายๆ คือ การระบายความรู้สึกค่ะ ที่ไม่ใช่เป็นการระบายกับคน แต่ให้ใช้การเขียนลงไปในกระดาษถึงความรู้สึกเสียใจ ความผิดพลาดที่เราได้ทำไปหรืออะไรทำนองนี้ การบันทึกช่วยให้เราได้ระบายความรู้สึกและความคิดที่กำลังกังวลในตอนนั้นได้ และการเขียนยังทำให้เราเห็นปัญหาชัดเจนขึ้นและหาทางแก้ไขได้ง่ายขึ้นด้วย จากนั้นให้เอากระดาษแผ่นนี้ทิ้งขยะไปค่ะ แล้วบอกตัวเองว่าต่อจากนี้ฉันจะเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้น ไม่เอาแล้วตัวฉันแบบเดิมๆ 6. ตั้งเป้าหมายเล็กๆ คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า? เวลาเราคิดมากมันเป็นอาการที่เราเอาความสนใจเราไปอยู่กับปัญหา 100% จนเสียหลัก เสียการเสียงาน แต่ถ้าเราหันมาโฟกัสที่การตั้งเป้าหมายเล็กๆ และทำความสำเร็จนั้นให้เป็นจริง แบบนี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและลดความวิตกกังวลได้ค่ะ มันอาจยากในตอนแรกแต่ต้องอย่าลืมว่า ในขณะที่เรามีเรื่องต้องคิดมาก เราก็ยังต้องพัฒนาชีวิตให้สำเร็จในด้านอื่นๆ ด้วย จริงไหมคะ? ดังนั้นให้หันมาสร้างความรู้สึกดีๆ ด้วยการสร้างความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ในขณะที่มีเรื่องกวนใจให้ต้องคิดค่ะ ทำแบบนี้ได้เราจะหยุดคิดมากไปได้ 7. ฝึกหายใจลึกๆ การฝึกตัวเองให้หายใจเข้าออกลึกๆ มันช่วยให้เกิดความผ่อนคลายค่ะ ลองนึกภาพว่าคนที่คิดมากและคิดเยอะ ก็คือคนที่มีความเครียดนั่นเอง และเคยสังเกตไหมคะว่า ตอนที่เราเครียดนั้น การหายใจเราจะเปลี่ยน แต่พอเราใช้การหายใจลึกๆ ช้าๆ แบบมีสติ จึงช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลายและสงบลงได้ค่ะ 8. ยอมรับความคิด การไม่ต่อสู้กับความคิดตัวเองเป็นแนวทางลดอาการคิดเกิน 100 ได้ค่ะ คือแทนที่เราจะไปพยายามข่มความคิดให้หายไป ลองยอมรับว่าความคิดเหล่านั้นเกิดขึ้นได้ แค่สังเกตความคิดโดยไม่ตัดสินนะคะ จากนั้นก็ปล่อยผ่าน มันจะยากหน่อยในตอนแรก แต่พอเราฝึกบ่อยๆ เราจะเริ่มเข้าใจว่า ที่เราคิดมากมันเป็นเพราะเราคิด เสร็จปุ๊บเราไปจับความคิดนั้นมาตีความ คิดเองเออเอง สงสัยครุ่นคิดและจินตนาการไปเอง เพราะหลายๆ ครั้งผู้เขียนพบว่า สิ่งที่เราวาดในหัวด้วยการคิด โดยเฉพาะเรื่องลบๆ มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริงเลย ดังนั้นพอมีความคิดผุดขึ้นมา ไม่ต้องไปคิดตามคิดต่อค่ะ 9. พักผ่อนให้เพียงพอ ตอนคิดเยอะกราฟของคุณภาพชีวิตจะดิ่งลงค่ะ ซึ่งการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ สามารถช่วยให้ร่างกายและจิตใจพักฟื้นได้ โดยให้หลีกเลี่ยงการดื่มกาเฟอีนก่อนนอน ให้เลิกตีความจนสมองทำงานทั้งคืน ลองสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมการนอน ทำสมาธิก็ได้ ฟังเพลงเบาๆ อะไรก็ได้สักกอย่างเพื่อทำให้ตัวเองนอนหลับได้ จบแล้วค่ะ และนั่นคือแนวทางลดอาการคิดจนหัวจะแตกนะคะ ซึ่งการฝึกฝนตัวเองอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เราสามารถจัดการกับความคิดฟุ้งซ่านได้ดีขึ้น และมีชีวิตที่สงบสุขมากขึ้นค่ะ ที่ตัวผู้เขียนเองก็ได้นำมาใช้เสมอ โดยเฉพาะการเอาความสนใจของตัวเองไปอยู่ในสิ่งที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น พอมีเรื่องต้องคิดมากปุ๊บ จะเริ่มจับอาการคิดเยอะของตัวเองค่ะ จากนั้นเปลี่ยนทิศทางทันที โดยในตอนแรกจะยังไม่ได้ไปสนใจว่า ปัญหาจะไปยังไงต่อ ถ้าผิดจะขอโทษทิ้งท้ายไว้ค่ะ จากนั้นจะดันตัวเองออกจากปัญหามาอยู่อีกจุดหนึ่งที่แตกต่างทันที แบบที่คนอีกฝั่งก็งงมากว่าเราหายไปไหน ทำไมเงียบไปเลยก็มีค่ะ จะรู้ได้ไงว่าเราเลิกคิดมาก? ถ้าเราเลิกคิดเยอะเราจะมีสมาธิทำงานกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติค่ะ ทานข้าวได้ ไม่เหม่อลอยคอยเสียงข้อความ เราจะนอนหลับได้ เราจะได้ยินตอนคนมาเรียกเราไปทานข้าวหรือมาคุยด้วย เราจะสนใจสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันมากขึ้น เราจะเลิกสนใจคนอีกฝั่งหรือประเด็นปัญหาในตอนนั้น ที่มาทำให้เราคิดมากไปได้ชั่วขณะ ลองไปสังเกตดูค่ะ มันจะตามนี้เลย ซึ่งวิธีการข้างต้นมันได้ผลค่ะ และดูเหมือนว่าเราก็ลืมไปคิดเรื่องกวนใจได้ จากนั้นพอเราจะหาทางแก้ มันดีตรงที่ตอนนั้นเราได้กลายเป็นคนที่สงบจิตสงบใจได้แล้ว เลยทำให้ความคิดกังวลใจคลี่คลายไปได้ขึ้น หาทางออกได้ และเลิกคิดมาก แต่กลับมีสติและสงบมากขึ้นค่ะ ยังไงลองนำวิธีการในนี้ไปปรับใช้กันค่ะ ซึ่งผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ😁 เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปก โดย Andrea Piacquadio จาก Pexels ภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1 โดย kike vega จาก Unsplash, ภาพที่ 2 - ภาพที่ 3 ออกแบบใน Canva โดยผู้เขียน และภาพที่ 4 โดย AiArtista จาก Pixabay ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา : พยาบาลศาสตรบัณฑิต (B.N.S.) จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม); M.P.H. (Environmental Health) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ : สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดย Pchalisa https://women.trueid.net/detail/0GXP8knaQmaG https://women.trueid.net/detail/VJm6nG9dRj4A https://news.trueid.net/detail/Kr7n4wAx708y เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !