เรื่องต้องรู้! MTC พรี่เมี่ยม PE ถูกกดลง กับแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอตัวลง

#ทันหุ้น - บล.เคจีไอ ส่องหุ้น MTC มองว่ากำไรจะชะลอตัวลงจากแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อที่แผ่วลง และ credit cost ที่เพิ่มขึ้น การที่บริษัทประเมินว่า NPL และ credit cost จะเพิ่มขึ้นใน Q2/67F และ มีแนวโน้มจะต่อเนื่องใน Q3/67F จากการที่ราคารถมือสองต ซึ่งจะกดดัน มูลค่ารถยนต์ที่เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถของ MTC นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณว่าสินเชื่ออาจจะโตต่ำกว่าเป้า และ แรงกดดันทางด้านคุณภาพสินทรัพย์ไม่สมกับ premium ของราคาหุ้น ฝ่ายวิจัยจึง de-rate PE ลงเหลือ 16.5x (จากเดิม 18.5x) ทำให้ได้ราคาเป้าหมายปี 2567F ใหม่ที่ 46 บาท
ปรับเพิ่มเป้า credit cost และ NPL ใน Q2/67F MTC แจ้งว่ายอดเก็บเงินสดจากลูกค้ายังผันผวน QTD มีปรับขึ้น/ลง เป็นรายเดือน ซึ่งส่งผลให้ คุณภาพสินทรัพย์กลับมาอ่อนแอ และ NPL กลับมาเพิ่ม และทำให้บริษัทต้องเร่งตัดหนี้สูญฯ ซึ่งผลต่อค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองฯ (credit cost) แต่ยังคงต่อกว่า <3.5% ทั้งนี้จากข้อมูลจากอุตสาหกรรมที่บ่งชี้ว่ามีจำนวนรถยนต์ที่ถูกยึดเพื่อขายทอดตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้สร้างอาจกดดันราคารถมือสองในตลาดในไตรมาสหน้า ซึ่งจะเป็นอุปสรรคกับ MTC ในการที่จะบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (35% ของสินเชื่อรวม) ในไตรมาสหน้า Q3/67 ในการจัดการหนี้เสีย
ยังยืนยันไม่ขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อชดเชยความเสี่ยง NPL MTC ยังคงใช้นโยบายดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ โดยคิดดอกเบี้ยสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ที่ 17% และ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ที่ 18% (ต่ำกว่าเพดานดอกเบี้ยเงินกู้ที่ 24%) ซึ่งบริษัทบอกว่าใช้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ และ ความกังดลประเด็นคุณภาพสินทรัพย์ สถานการณ์นี้ต่างกับบริษัทอื่นในกลุ่มอย่าง TIDLOR และ SAWAD ซึ่งคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากลูกค้าบางกลุ่มสูงกว่า 20% เพื่อชดเชยความเสี่ยงที่สูงกว่าของลูกค้า
คาดว่ากำไรสุทธิใน Q2/67F จะอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท (ทรงตัว QoQ, +16% YoY) และ คาดว่ากำไรใน 1H67F จะอยู่ที่ 2.8 พันล้านบาท (+23%) ประมาณการ Q2/67F ของฝ่ายวิจัยสะท้อนถึง 1.) อัตราการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัวลงที่ +2.5% QoQ และ +6% YTD, 16% YoY 2.) NPL ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ credit cost เพิ่มขึ้นเป็น 3.4% (จาก 3.1% ใน Q1/67 แต่ยังต่ำกว่า Q2/66 ที่ 3.6%) 3.) มาร์จิ้นที่ลดลง 10bps QoQ และ ลดลง 100bps YoY ทั้งนี้ เราคาดว่ากำไรจะเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย QoQ และ เพิ่มขึ้น YoY ใน Q2/67 แต่เราคาดว่าการเติบโตจะค่อย ๆ แผ่วลงใน 2H67F
ลดประมาณการกำไรปี 2567F/2568F -4%/-4%, ลด TP-67F เป็น 46 บาท; ปรับลดคำแนะนำเป็นถือ ฝ่ายวิจัยปรับลดสมมติฐานอัตราการขยายตัวของสินเชื่อในปี 2567F/2568F เป็น 16%/20% (จากเดิม 20%/20%) และ ปรับเพิ่มสมมติฐานคชจ.สำรองฯ( credit cost) เป็น 3.4%/3.2% (จากเดิม 3.2%/3.0%) จากสมมติฐานที่ราคารถมือสองมีแนวโน้มลดลงในไตรมาสหน้า ซึ่งส่งผลกระทบกับมูลค่ารถยนต์ที่เป็นหลักประกันของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ทั้งนี้การเติบโตที่ชะลอตัว และอาจจะต่ำกว่าที่บริษัทคาดการ กระทบมูลค่าหุ้นที่ MTC ซื้อขายที่ PE พรีเมี่ยม ดังนั้น ฝ่ายวิจัยจึงปรับลด PE ของ MTC เหลือ 16.5x (จากเดิม 18.5x) ทำให้ได้ราคาเป้าหมายปี 2567F ใหม่ที่ 46 บาท และ ปรับลดคำแนะนำเป็นถือ
Risks ราคารถมือสองร่วงหนัก, เศรษฐกิจในประเทศอ่อนแอลง ส่งผลให้ NPL เพิ่มขึ้น และ credit cost สูงขึ้น