กราบสวัสดีพี่น้องชาวสวนทุกท่าน วันนี้ นินจาตาดำขอนำเสนอเกี่ยวกับพืชผลทางการเกษตร ที่หลายๆคนมองข้าม แต่มีความต้องการของตลาดที่สูงมาก เพราะพืชชนิดนี้ คนปลูกน้อยมากและเป็นที่ต้องการของผู่บริโภคทุกปี นั่นคือ เสาวรสนั่นเอง ซึ่งผลเสาวรสส่วนใหญ่ไม่มีขายตามท้องตลาดแน่นอน แต่ยังเป็นที่นิยมของโรงงาน ซึ่งผลผลิตในแต่ละปีก็ยังไม่เพียงพอต่อการป้อนส่งโรงงานนั่นเอง การทำสวนเสารสเป็นอะไรที่ยุ่งยากมากมาย และหลายขั้นตอน เพราะแบบนี้การทำสวนเสาวรสจึงไม่เป็นที่นิยมของเกษตรกรคนไทย แต่หากทำสำเร็จบอกได้เลยว่าผลผลิตที่ออมากคุ้มค่าอย่างแน่นอน ซึ่งวันนี้ นินจาตาดำจะนำประสบการเกี่ยวกับการทำสวนเสาวรสมาฝาก เผื่อว่าใครท่านใดสนใจอยากจะทำหรืออยากศึกษาวิธีการทำสวนเสาวรสก็สามารถที่จะมาและเปลี่ยนประสบการณ์กันได้เริ่มจากการคัดเลือกสายพันธุ์ เสาวรสจะแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ 2 แบบ ด้วยกันคือ 1 พันธุ์หวาน และ พันธุ์เปรี้ยว ซึ่งที่นิยมปลูกส่งโรงงานก็จะเป็นพันเปรี้ยว ซึ่งมี 2 ลักษณะคือแบบผิวเรียบ และแบบลายจุด ผลสีเหลือง และผลสีม่วง กลิ่นจะหอมและรสชาติเปรี้ยวแต่เมื่อสุกเต็มที่จะไม่ค่อยเปรี้ยวมากเกินไป น้ำหนักดี ลูกโตผลผลิตต่อต้นสูง ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 4-5 ลูกต่อกิโลกรัม ส่วนสายพันธุ์หวาน ลูกเล็ก น้ำหนักเบาผลผลิตต่อต้นไม่มาก เฉลี่ย 7-10 ต่อกิโลกรัม ทำให้เกษตรกรผู้เพาะปลูกส่วนใหญ่หันมาปลูกพันธุ์เปรี้ยวนั่นเอง การจัดหาเมล็ดพันธุ์ เมื่อได้เมล็ดพันธุ์จากผลสุกมาแล้ว ให้นำไปในถุงพลาสติกแช่น้ำให้เน่า ซึ่งบริเวณรอบเมล็ดจะมีเมือกเคลือบอยู่ ให้ขยี้เมล็ดให้หลุดออกมาจากเมือกให้หมดจากนั้นนำไปตากลมในร่วม แล้วสามารถที่จะนำไปเพาะปลูกได้เลย เมื่อได้เมล็ดพันธุ์ที่ต้องการแล้ว ให้นำไปหว่านบนแปลง ซึ่งแปลงเพาะเมล็ดจะเป็นแปลงแบบที่เราหว่าเมล็ดทั่วไป แต่จะต้องมีส่วนผสมของ แกลบเพื่อให้ง่ายต่อการถอนเมื่อเวลาที่เหมาะสม เมื่อเวลาผ่านไป 1 เดือนต้นจะเริ่มโตให้เราทำการคัดเลือกต้นที่ โตแข็งแรงย้ายไปลงถุงดำอีกทีเพื่อทำการอนุบาลต้นกล้าในช่วงเวลาถัดไป ส่วนผสมในดินเพาะปลูกในถุงดำก็จะมีส่วนผสมังนี้ 1.ดินร่วนบทราย หรือดินทั่วไปก็สามารถใช้ได้ 50 % 2. แกลบดำ ( ขี้เถ้าแกลบ ) 20 % 3. แกลบดิน 30 %ทำการผสมคลุกเค้าให้เข้ากันโดยไม่ต้องใส่ ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน จากนั้นหมั่นรดน้ำโดยรสพอชื้น เก็บไว้ในที่มีแสงไม่ควรโดนแดดจัดเกินไป หากเพาะที่มีแดด ควรมุงแสลมกรองแสงด้วย ในระหว่าที่อนุบาลต้นกล้าให้มาทำการทำเสา และเตรียมแปลงปลูกคือหากเป็นพื้นที่ราบ ให้ทำการไถหรือกำจัดวัชพืชออกให้หมด ทำร่องระบายน้ำรอบแปลง หากเป็นพื้นที่นา ให่ทำการขึ้นแปลงสูล และพื้นที่จะต้องระบายน้ำได้ดี ความกว้างอยู่ประมาณ 1.5-2 เมตรแล้วแต่พื้นที่ โดยขั้นตอนนี้ถือเป็นขึ้นตอนที่ยุ่งยากมากที่สุด และใช้ทรัพยากรรวมถึงงบประมาณมากที่สุด โดยเริ่มจากการวางตีตารางปักหมุดลงเสา ให้หาไม้ไผ่ซึ่งลำต้นต้องตรงและแข็งแรง ตัดยาว 2.6 เมตร ซึ่งจะต้องขุดหลุมด้วยเสียมหรือเครื่องมือขุดหลุมจะประหยัดเวลาเป็นอย่างมาก ขุดหลุมลึกลงไป 50 เซ็นติเมตร ให้ความกล้างของขนาดหลุมพอดีกับเสาไม่หลวมจนเกินไป ระยะห่างระหว่างเสาจะอยู่ที่ 2.5 เมตร จากนั้นให้ทำการใช้ลวดตึงหัวเสาทั้งหมดให้เชื่อมโยงหากันควรดึงให้ตึง ขึ้นตอนนี้อาจจะใช้ลวดเป็นจำนวนมาก ควรถักลวดให้ถี่ เผื่อเวลายอดเถาเดินจะได้ไม่หย่อนได้ ต้นทุนทั้งหมดอยู่ประมาณ 15,000 บาท/ไร่ หลักจากเราได้เตรียมแปลงปลูกเรียบร้อยแล้วขั้นตอนต่อไปคือการลงต้นกล้า แต่ก่อนที่จะลงต้นกล้า ให้เราย้ายต้นกล้าเจอแดดก่อนหรือเปิดแสลมคลุมออกสัก 1-2 วันก่อนลงแปลงจริง มิเช่นนั้นเราอาจจะเสียเาลเพราะบางต้นไม่เคยเจอแดด อาจจะตายได้ หลังจากเราพักต้นกล้าพร้อมลงการเตรียมหลุมปลูก ให้เตียมหลุด ห่างเสา ประมาณ 20 เซ็นติเมตร การเตียมหลุมปลูกให้ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมด และปูนขาวลงไป นำต้นกล้าลงปลูกและทำการรดน้ำให้ชุ่ม จากนั้นก็หมั่นตรวจสอบช่วงนี้อาจจะมีศรัตรูพืชมารบกวนบ้าง เช่น จิ้งหรีด เพี้ยไฟ ตัวตุ่น หรือภัยแล้งจากธรรมชาติ ก็หาวิธีแก้ไปทีละขั้นตอน ระหว่างที่ต้นกำลังยืดสูงไม่ต้องเด็ดปลายออก แต่ให้เด็ดกิ่งที่อยู่รอบข้างออกให้หมด ให้เหลือแต่ยอด และหาไม้มาให้เถาเสาวรสไต่ขึ้น สูงลิ่วขึ้นไปจนชนหัวเสา จากนั้นค่อยทำการเด็ดยอดออก ให้กิ่งนั้นแตกยอดออกตรงปลายเสา ให้เลือก 4 กิ่งที่สมบูรณ์ไว้ก็พอแล้วจัดแยกออกไปคนละละทิศทางตามเส้นลวดติดหัวเสา หลังจากปลูไปให้เริ่มใส่ปุ๋ยพรวนดินบริเวณโคลนต้น โดยปุ๋ยเคมีแนะนำให้ใช้สูตร 15-15-15 ผสม ยูเรีย 46-0-0 ใส่โดยวิธีการฝัง ห่างจากต้นประมาณ 30 เซ็นติดเมตร เราะช่วงนี้ รากจะขยายออกหากินห่าจากต้นแล้ว ซึ่งรากของเสาวรสจะเยอะมากอาจจะมีโผล่พ้นมาบนผิวหน้าดินดังภาพด้านล่าง รอเวลาเก็บเกี่ยว เมื่อทำการปลูกได้ประมาณ 3 เดือน ผลลผลิตชุดแรกเริ่มออกดอกให้เห็น โดยเริ่มแรกผลผลิตอาจจะยังไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ยังสามารถที่จะเก็บได้ช่วงนี้ต้องดูแลบำรุงลำต้นและขยายกิ่งก้านสาขา จัดระเบียบของกิ่ง หากกิ่งหรือใบหนาทึบเกินไปให้ทำการตัดทิ้งได้ โดยไม่ต้องเสียดาย เพราะผลิตจะออกมาได้อย่างมีคุณภาพ ต้นได้ต้องได้รับแสง เต็มที่ หากใบหนาทึบเกินไป ใบของเสาวรสก็จะปิดบังลูกทำให้เมื่อลูกแก่พร้อมเก็บเกี่ยวเราจะมองไม่เห็น วิธีการเก็บเกี่ยว 1.วิธีเลือกลูกจาลำต้น เป็นวิธีดูลูกที่สุก โดยสังเกตุสี หากเป็นพัธุ์เปรี้ยว เมื่อแก่ สีจะออกเหลืองๆ สามารถเก็บเกี่ยวได้เลย แต่หากเป็นสีม่วง ผิวลูกจะเกี้ยง สีจะเข้ม ผิวเรียบมันวาว บีบแล้วมีความนิ่มของผิว แสดงว่าแก่ สามารถเก็บได้ 2.เลือกจากลูกที่หล่นจากต้น เสาวรส เมื่อแก่จัด ลูกจะสลัดออกจากต้นโดยจะหล่นลงมาเองทำให้เวลาเราเก็บเกี่ยวสามารถที่จะเก็บที่หล่นได้โดยผลผลิตข้างในผลจะไม่มีความเสียหาย ผลผลิตต่อไร่ เสาวรสเมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิต สามารถที่จะเป็บผลผลิตได้ อาทิตละ สองครั้ง ซึ่งแน่นอนว่า ใน 1 เดือนเราสามารถที่จะเก็บผลผลิตได้ถึง 8 ครั้ง/เดือนเลยทีเดัยว ในการเก็บเกี่บงแต่ละรอบ จะอยู่ที่ประมาณ 150-200/ ต่อไร่ ซึ่ง หมายความว่า ในเดือนหนึ่ง เราสามารถ เก็บผลผลิตได้มากถึง 1600/ไร่ ปัจจุบันราคาประกันจากโรงงานอยู่ที่ 12 บาท/กิโลกรัม ใน 1 เดือนเราสามารถสร้างรายได้มากถึง 19,000 บาท/เดือน/ไร่ และผลพลิตสามารถที่จะเก็บได้นานถึง 8 เดือน ซึ่งหากเรามีการบำรุงต้นให้อยู่ในสะภาพที่สมบูรณ์อยู่สม่ำเสมอ ผลผลิตก็จะมีออกมาอย่างเรื่อยๆ แต่ก็จะมีบางช่วงบางเดือนที่ผลผลิตอาจจะลดลงเหลือ ครั้งละประมาณ 50-100 กิโลกรัม/ครั้ง ซึ่งผลผลิตนั้นขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของเราด้วยเช่นกัน การตลาด ว่าด้วยเรื่องการตลาด ปัจจุบัน เสาวรส เป็นที่นิยมในการใช้บริโภคตลาดย่อยได้แก่ ร้านขายน้ำผลไม้ ร้านน้ำปั่น ร้านกาแฟ และเข้าสู่โรงงานน้ำผลไม้สำเร็จรูป ซึ่งยังเป็นที่ต้องการของทางตลาดอีกมากมาย ด้วยเหตุผลที่ว่า ขั้นตอนการเพาะปลูกนั้นยุ่งยาก และใช้งบประมาณที่สูงจึงทำให้แหล่งผลิตไม่ค่อยมีส่วนใหญ่แล้ว เกษตรกรก็จะเข้าปลูกในโครงการของโรงงาน เช่นโรงงานดอยคำ เป็นต้น การวางจำหน่ายในตลาดผลไม้ตามท้องตลาดยังถือว่าไม่มีวางจำหน่ายเป็นทางการเหมือนผักผลไม้ชนิดอื่นๆ โรคและแมลงศรัตรูพืช เสาวรสเป็นพืชตะกูลเถาว์ แมลงศัตรูพื่นนั้นมีอยู่ทุกช่วงจังหวะของการปลูก ซึ่งการปลูกเริ่มแรกห็จะมีศัตรูพืชประเภท แมลงกัดยอด เช่น จิ้งหรีด ทางใบได้แก่เพี้ยไฟ และ โรคใบด่าง เสาวรสใบด่าง เพี้ยไฟ จะดูกินน้ำเลี้ยงจนทำให้ใบหงิกงอช่วงระยะที่ 2 ต้นกำลังงาม จะมีแมลงอีประเภทคือ หนอนดง และตัวตุ่น ซึ่งถือเป็นอันตรายมาก เรา 2 ตัวนี้ทำให้เสาวรสเรายืนย้นตายและไม่สามารถที่จะพื้นกลับมาได้อีก สังเกตุกิ่งก้านใบเริ่มเหี่ยว ให้ไล่ดูบริเวณลำต้นไปถึงกิ่ง จะมี ต้นที่มีรูและลักษณะเป็นตุ้มอยู่ แสดงว่าโดนหนอนเจาะ อย่างแน่นนอน เราสามารถที่จะใช้มีดผ่าดูได้ หากพบตัวหนอนแดงให้รีบกำจัดแล้วหาเชือกมารัดประกบลำต้นไว้แบบเดิม ต้นก็จะค่อยพื้นฟูขึ้นมาเองศรัตรูพืชอีกชนิดคือ ตัวตุ่น ตัวตุ่นอาศัยอยู่ในดิน จะคอยขุดหารากไม้กิน จนมาเจอต้นเสาวรส มันจะกัดกินจนต้นเสาวรสเราขาดเสียหายและตายในที่สุดถือเป็นการทำลายล้างที่มีประสิทธิภาพมากเรา รากขาดไม่สามารถที่จะหาอาหารมาเลี้ยงลำต้นได้ สวนไหนมีให้รับเอาออกจากสวนให้ไวเลยจ้ากัดทั้งรากและลำต้น ทำให้ต้นเสาวรสเรา ยืนต้นตายไปอย่างน่าเสียดายเมื่อถึงฤดูฝนอีกโรคคือโรกรากเน่าแต่จะไม่ค่อยเจอบ่อยนัก เพราะถ้าเราทำการป้องกันด้วยการขึ้นแปลงอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น จะไม่มีปัญหานี้เกิดขึ้นอย่างแน่นนอนเมื่อถึงระยะเก็บเกี่ยวโรคที่ตามมาคือโรดเชื้อรา ลักษณะโรคจะเกิดกับผลเสาวรสซึ่งทางผลจะมีลายจุดจากจุดเล็กๆ แล้วจะเริ่มขยายใหญ่ขึ้นจนเกือบทั้งลูก และจะแห้งเหี่ยวเสียหาย ทำให้เนื้อเาสวรสด้านในเน่า ไม่สามารถนำไปขายได้ วิธีการคือใช้ยาป้องกันเชื้อรา และเก็บลูกที่ติดเชื้อราเอาไปท้องให้ห่างจากแปลงมากที่สุด บทสรุป เสาวรส ยังคงเป็นที่ต้องการของทางตลาดอีกมากมาย ด้วยการผลิตที่ยุ่งยากและการลงทุนที่สูง และต้องใช้พื้นที่ในการเพาะปลูกที่กว้างมีน้ำให้ตลอด จึงทำให้เกษตรส่วนใหญ่มองข้ามการทำสวนเสาวรสตรงนี้ไปอย่างมาก ถึงแม้จะมีการรับประกันราคาจากโรงงานผู้รับซื้อ ก็ยังมีเกษตรส่วนน้อยที่จะเริ่มต้นการเพาะปลูก ตอนนี้ก็ยังเป็นที่ต้องการของตลาด เพราะราคาที่ท้องตลาดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานี้ อยู่ที่ กิโลกรัมละ 25-50 บาทเลยทีเดียวเรื่องการลงทุนเพาะปลู่อยู่ที่ ราวๆ 15,000 บาท ต่อไร่รายได้จากผลผลิต ประมาณ 12000-19000 /ไร่/ต่อเดือนรายจ่ายจากการดูและและการเก็บเกี่ยว 3000-5000/เดือนรูปภาพประกอบโดยโดย : นินจาตาดำ ขอบคุณครับจาก นินจาตาดำ7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์