คู่แท้ที่แยกไม่ออกของคนอยากเริ่มลงทุน หุ้น VS กองทุนรวมคำเตือน : บทความนี้ไม่เหมาะกับเด็กไฟแนนซ์และแมงเม่ามือฉมังเพราะอาจทำให้คุณรู้สึกเบื่อได้ สวัสดีค่ะทุกท่าน ทำงานหนักหาเงินกันมาเหนื่อยแล้ว เรามาคุยเรื่องการให้เงินทำงานกันบ้างดีกว่า หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ ตั้งสติกันให้ดีค่ะ เพราะนับจากนี้คุณจะเหนื่อยกว่าเดิม แหม่…ล้อเล่น โอลีฟแค่จะชวนนักอยากลงทุนทั้งหลายมาทำความรู้จักกับคู่แท้ชวนสับสนที่จริงๆแล้วเธอทั้งสองเป็นคนละเรื่องเดียวกัน ‘หุ้น’ และ ‘กองทุนรวม’ ก่อนจะพูดถึงหุ้นและกองทุนรวมกัน โอลีฟขออนุญาตพาทุกท่านแวะมารู้จักพื้นฐานบัญชีอันเป็นรากฐานของทุกกิจการกันสักครู่ นั่นคือ ‘ทรัพย์สิน = หนี้สิน + ทุน’ นางสาวโอลีฟอยากเปิดกิจการร้านเครื่องเขียนต้องใช้เงิน 100 บาทในการเปิดร้าน โอลีฟไปเคาะกระปุกมามีเงินอยู่ 20 บาท เธอจึงไปชวนผองเพื่อนมาได้อีกสองคน ลงเงินคนละ 20 บาท ตอนนี้มี 60 บาท ขาดอีก 40 บาท ไปกราบตักคุณแม่งามๆ แล้วก็ได้มา แต่เป็นเงินยืมโดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อปี เพราะฉะนั้นร้านเครื่องเขียนน้อยๆของโอลีฟประกอบด้วยทุน 60 บาท และหนี้ 40 บาท ทุน 60 บาท นี้จะแยกถูกบันทึกเป็นหุ้น หุ้นละ 10 บาท โอลีฟกับเพื่อนๆมีคนละ 2 หุ้น คือมีความเป็นเจ้าของกิจการเท่ากันตามส่วนของหุ้นที่ถือ เจ้าหุ้นนี่เขามีชื่อเก๋ๆอีกอย่างว่า ‘ตราสารทุน’ ซึ่งอันที่จริงมีหลายประเภทแต่ยังไม่คุยตอนนี้ ประเด็นอยู่ที่ว่าถ้าร้านไปได้ดีผู้ลงทุนก็กอดคอกันรวย ถ้าร้านเจ๊งผู้ลงทุนก็เจ็บตัวกันไปตามส่วน แต่คนที่ไม่ต้องยินดียินร้ายคือเจ้าหนี้ ซึ่งในเรื่องนี้ก็คือคุณแม่ของโอลีฟเอง เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนางก็ต้องได้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืนตามกำหนด อ้าว! แล้วทำไมโอลีฟให้แม่เป็นเจ้าหนี้ล่ะ ให้แม่เป็นผู้ร่วมทุนตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง… ไม่เอาค่ะ ไม่อยากฟังแม่บ่น เพราะถ้านางลงทุนด้วยเดี๋ยวนางมีอำนาจในการออกเสียงโหวต โดยเฉพาะหากนางถือหุ้นสามัญ (common stock) มาถึงตรงนี้พอเข้าใจแล้วเนอะว่าหุ้นต่างจากหนี้อย่างไร แล้วกิจการร้านเครื่องเขียนของโอลีฟและผองเพื่อนก็เจริญรุ่งเรืองจนได้ขาย IPO (Initial Public Offering)ในที่สุด ตลาดหุ้นที่เราเรียกกันมีชื่ออย่างเป็นทางการว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Stock Exchange of Thailand - SET) ประเทศไทยเรามีตลาดเดียวค่ะ บางประเทศมีมากกว่าหนึ่ง กิจการขยายใหญ่โตลงทุนกันเองมันน้อยไปแล้วค่ะ ไม่สะใจ ก็เลยจะขอระดมทุนครั้งยิ่งใหญ่จากประชาชนทั่วไปด้วยการเข้าตลาดหลักทรัพย์ ยกระดับจาก ‘บริษัท จำกัด’ สู่ ‘บริษัท (มหาชน) จำกัด’ เมื่อเข้าตลาดแล้วหุ้นของบริษัทนั้นก็จะถูกซื้อขายกันโดยนักลงทุนผ่านโบรกเกอร์เป็นราคาเสนอซื้อ (Bid) เสนอขาย (Offer) ที่ขยับกันได้เป็นหลักวินาที ปัจจุบันก็แค่กดผ่านแอพมือถือง่ายๆไม่ต้องไปดูจอเคาะกระดานกันเหมือนสมัยโอลีฟยังไม่เกิด ประเมินมูลค่าหุ้นอย่างไรเราไม่คุยกันในเรื่องนี้นะคะ ขอข้ามไปก่อน ไปดูเรื่องผลตอบแทนจากหุ้นกันดีกว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นมีสองแบบ 1. การทำกำไรจากผลต่างของราคาหุ้น (Capital Gain) ซื้อถูกขายแพง ข้อนี้ไม่มีเวลากำหนดคุณจะซื้อมาแล้วอีกสองนาทีขายได้กำไรก็เป็นไปได้ แต่เหรียญย่อมมีสองด้านนะคะรู้จักคำว่ากำไรจากส่วนต่างแล้ว ก็ต้องเผื่อใจกับคำว่าขาดทุนและติดดอยไว้ด้วย 2. เงินปันผล (Dividend) อันนี้ก็ตรงตัวเนอะ กิจการดีมีกำไรก็จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นตามสัดส่วน จะจ่ายหุ้นละเท่าไหร่ก็ว่าไป แต่…ข้อนี้เป็นทางเลือกของบริษัทนะคะ จะจ่ายหรือไม่จ่ายก็ได้ แล้วถ้าเขาไม่จ่ายก็ไม่ต้องตกใจบางทีเขามีแผนนำเงินไปต่อยอดให้มูลค่าของบริษัทสูงยิ่งๆขึ้นไปอีก ปู่วอเรนต์ บัฟเฟตนี่ชอบนักแลเรื่องบริษัทไม่จ่ายปันผลแล้วเอาไปบริหารให้มูลค่าสูงขึ้นไปอีก แล้วก็เงินปันผลนี่ต้องนำไปคิดภาษีนะคะ ปกติเขาจะหัก ณ ที่จ่ายมาแล้วก็เก็บหลักฐานไว้ด้วยล่ะ พอหอมปากหอมคอกับเรื่องหุ้น คุยเรื่องกองทุนรวมกันต่อดีกว่าค่ะ กองทุนรวม (Mutual Fund) คือการที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (Asset Management Company) รวบรวมเงินของผู้ซื้อหน่วยลงทุนจำนวนมากๆไปลงทุนตามนโยบายของแต่ละกองทุนโดยมีผู้จัดการกองทุน (Fund Manager) เป็นผู้บริหารจัดการเงินลงทุน ซึ่งการซื้อขายหน่วยลงทุนนั้นสามารถซื้อได้ด้วยจำนวนเงินขั้นต่ำ 1 บาท เท่านั้น (ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละกองทุน) แล้วกองทุนรวมลงทุนในอะไรได้บ้างล่ะ เรื่องนโยบายการลงทุนนั้นมีให้เลือกหลากหลายเหมือนเดินชอปปิ้งในห้างสรรพสินค้า มีตั้งแต่เสี่ยงน้อยเน้นรักษาเงินต้นผลตอบแทนต่ำไม่เป็นไรเอาเป็นว่าสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ก็ชื่นใจแล้ว ไล่ไปจนถึงเสี่ยงสูงสุด*NAV (Net Asset Value - มูลค่าหน่วยลงทุนสุทธิ) เหวี่ยงปานเล่นรถไฟเหาะอันนี้เหมาะกับสายเก๋า อายุน้อย ความรู้แน่น เงินเย็นเฉียบ นโยบายการลงทุนมีหลากหลายมาก ตั้งแต่ตลาดเงิน ทองคำ น้ำมัน ตราสารหนี้ทั้งที่ออกโดยภาครัฐและภาคเอกชน กองทุนบางกองนำเงินไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน แล้วใครบอกซื้อกองทุนซื้อหุ้นไม่ได้ กองทุนที่ลงทุนในหุ้นมีเยอะมากทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ชอบหุ้นกลุ่มไหนก็เลือกได้อีก เช่น SET 50, SET 100 กลุ่มสุขภาพ กลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร กลุ่มเทคโนโลยี เดี๋ยวนี้เริ่มมีเทรนด์หุ้นยั่งยืน (Sustainability) กับใหม่สุด หุ้นกัญชา สายเขียวก็มาจ้า ตลาดหลักทรัพย์ก็มีแฟชั่นของเขานะเออ กองทุนบางประเภทเช่น SSF, RMF พวกนี้ก็จัดเป็นกองทุนรวมที่นอกจากได้ลงทุนแล้วยังได้รับสิทธิประโชน์ทางภาษีอีกด้วย ส่วนผลตอบแทนจากกองทุนรวมก็เหมือนหุ้นเลยค่ะ จากส่วนต่างมูลค่าและเงินปันผล แต่..แต่นะคะ กองทุนรวมจะแจ้งไว้ในชื่อเลยค่ะว่าเป็นชนิดจ่ายปันผลหรือสะสมมูลค่า บางทีกองพี่น้องท้องเดียวกันคือลงทุนเหมือนกันเป๊ะแต่เขาแยกมากองจ่ายปันผลกับกองสะสมมูลค่านะคะ ก่อนจะซื้อเล็งดีๆเอาตัวไหนแน่ แล้วซื้อกองทุนรวมรู้ได้อย่างไรว่าซื้อมาได้มูลค่าต่อหน่วยเท่าไร ตอบ: ตอนซื้อไม่รู้เลยค่ะ รู้ได้ตอนจัดสรรแล้ว เช่น ซื้อกองทุนที่ลงทุนใน SET 50 ทำเรื่องซื้อตอนเช้าวันนี้ด้วยเงิน 10,000 บาท กว่าจะรู้ว่าเงินที่จ่ายไปซื้อได้กี่หน่วยก็เมื่อจัดสรรสิ้นวันตลาดหุ้นวันนั้นปิดแล้ว ยิ่งถ้าเป็นกองมี่ลงทุนในต่างประเทศก็บวกเข้าไปอีกหลายวันหน่อยตามนโยบายของกองทุนนั้นๆ เวลาขายก็จะเป็นภาพกลับเช่นกัน คือส่งคำสั่งตอนเช้า สาย บ่าย มีค่าเท่ากันขอแค่ไม่เกินเวลารับคำสั่งซื้อขายของวันนั้นเป็นพอ เพราะราคาที่จัดสรรก็ต้องรอตลาดหุ้นปิดสิ้นวันอยู่ดี สุดท้ายนี้โอลีฟขอต้อนรับทุกท่านสู่โลกแห่งการลงทุน และต้องไม่ลืมว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลทุกครั้งก่อนตัดสินใจลงทุน ภาพปกและภาพประกอบ : ผู้เขียน Miss Oliveแต่งภาพ Canva Appเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !