เป็นอีกครั้งที่ผู้เขียนมีโอกาสได้เล่าเรื่องราวของอารยธรรมโรมันอันรุ่งเรือง อย่างที่หลายคนทราบกันดีอยู่แล้ว จักรวรรดิโรมันเป็นอีกหนึ่งอารยธรรมที่มีนวัตกรรมอันล้ำสมัยมากกว่าพื้นที่อื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในสมัยเดียวกัน กองทัพที่แข็งแรง วัฒนธรรมด้านอาหารที่ก้าวหน้า สิ่งก่อสร้างในจักรวรรดิโรมันที่สะท้อนถึงความรุ่มรวยทางศิลปกรรมแฝงด้วยการใช้ประโยชน์ได้อย่างมหัศจรรย์ หนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่หยิบยกมาเล่าในบทความนี้คือ โรงอาบน้ำแห่งโรมัน (The Roman Bath) ที่ถือเป็นโรงอาบน้ำอย่างเป็นทางการแห่งแรกของโลก สิ่งที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังไม่ใช่ความงดงามด้านศิลปะ แต่เป็นเรื่องที่ถูกซุกซ่อนและไม่ได้รับการกล่าวถึงมากนักในหน้าประวัติศาสตร์โรงอาบน้ำในจักรวรรดิโรมันมีหลายแห่ง แต่ที่หลายคนรู้จักกันดีคือโรงอาบน้ำแห่งโรมัน ปัจจุบันตั้งอยู่ในเมืองบาธ ประเทศอังกฤษ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกมักจัดให้โรงอาบน้ำแห่งโรมันอยู่ในโปรแกรมทัวร์เสมอ ด้วยประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ เพราะยุคนั้นการสร้างโรงอาบน้ำให้ประชาชนไปใช้บริการได้เป็นเรื่องใหม่ของอารยธรรมมนุษย์ ยิ่งเมื่อนำความเชื่อเรื่องเทพเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ยิ่งกระตุกต่อมให้นักท่องเที่ยวไปสัมผัสสถานที่เก่าแก่แห่งนี้สักครั้งในชีวิต เบื้องหน้าที่เห็นถึงความรุ่งเรืองของอารยธรรมโรมันเช่นนั้น เบื้องหลังกลับใช้โรงอาบน้ำเป็นสถานที่ควบคุมประชากร เพื่อป้องกันวิกฤตขาดแคลนอาหารอย่างน่าโหดเหี้ยมต้องเล่าถึงค่านิยมของคนในจักรวรรดิโรมันกันก่อน แน่นอนว่าเรื่องผู้ชายเป็นใหญ่คือวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นทุกสังคมในสมัยนั้น ดังนั้นผู้ชายในยุคโรมันจึงเป็นเพศที่ผู้คนให้ความสำคัญมากกว่าผู้หญิง ผู้ชายสามารถทำการเกษตร เป็นนักรบ เป็นข้าราชการ นักปรัชญา นักการเมือง พูดง่าย ๆ ว่าเป็นทุกอย่างในจักรวรรดิโรมันเสียด้วยซ้ำ ผิดกับเพศหญิงที่ทำหน้าที่ปรนนิบัติรับใช้เพศชายเพียงเท่านั้น แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า ในเมื่อเพศชายเป็นใหญ่ แล้วทารกเพศหญิงที่เกิดออกมาล่ะ ในสังคมที่ไม่มีเทคโนโลยีคุมกำเนิดแบบปัจจุบัน ผู้หญิงตั้งครรภ์กันเป็นว่าเล่นเพราะถือเป็นหน้าที่ที่ต้องบำเรอกามให้ผู้ชาย การจะปล่อยให้เด็กถือกำเนิดออกมาผลาญข้าวผลาญน้ำจึงเสี่ยงต่อการเกิดวิกฤตขาดแคลนอาหาร ทารกเกิดใหม่โดยเฉพาะเพศหญิง จึงต้องถูกกำจัดตั้งแต่ออกจากช่องคลอดเพียงไม่กี่ชั่วโมง สถานที่สังเวยทารกเหล่านั้นก็คือโรงอาบน้ำแห่งโรมันนั่นเองมีการขุดฐานโรงอาบน้ำแห่งโรมันในปี 1988 ด้วยเหตุผลเพื่อการศึกษาด้านโบราณคดี แต่สิ่งที่พบภายใต้ฐานโรงอาบน้ำคือ ซากกระดูกและเส้นผมเด็กทารกที่ทับถมกันหลายร้อยชิ้น นำไปสู่การไขปริศนาว่าเพราะเหตุใดจึงพบเศษซากดังกล่าวอยู่ใต้ฐานโรงอาบน้ำ เมื่อวิเคราะห์กับสภาพสังคมแล้วจึงได้ข้อสรุปว่า เด็กทารกเพศหญิงจะถูกยัดลงไปในท่อใต้อ่างอาบน้ำในโรงอาบน้ำ เพื่อเป็นการควบคุมประชากรของชาวโรมันไม่ให้มีจำนวนมากเกินไป ทารกเพศหญิงเป็นกลุ่มแรกที่จะถูกกำจัดเพราะถือว่าหากปล่อยให้โตขึ้นจะต้องออกลูกออกหลายได้อีกหลายชีวิต สภาพสังคมที่ยังคงมีการทำสงครามสุ่มเสี่ยงต่อการขาดแคลนอาหาร การยัดเด็กลงไปในท่อตั้งแต่แรกเกิดจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในยุคนั้นนอกจากนี้ยังมีข้อสันนิษฐานโดยเทียบเคียงกับสภาพแวดล้อมโรงอาบน้ำในสมัยนั้น ที่นอกจากจะใช้เป็นสถานที่ชำระร่างกายแล้ว ยังเป็นซ่องโสเภณีชั้นดีสำหรับชายชาวโรมันอีกด้วย ดังนั้นเศษซากชิ้นส่วนทารกที่ขุดพบ จึงน่าจะมาจากการกำจัดเด็กที่เกิดจากหญิงโสเภณีด้วยจำนวนหนึ่ง เรียกว่าโรมันเป็นจักรวรรดิที่หล่อหลอมประชากรให้มีความเด็ดขาดเป็นอย่างมาก เรื่องความเป็นความตายหรือบาปบุญคุณโทษไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะความเชื่อว่าเทพเจ้าลิขิตชีวิตนั้นเข้มข้นจนกลายเป็นเรื่องสำคัญ หากเป็นบ้านเราพบเหตุการณ์เช่นนี้คงเป็นเรื่องผิดบาปอย่างมหันต์ ต้องเชิญผู้นำทางศาสนามาทำพิธี มีการอบรมสั่งสอนประชาชนกันขนานใหญ่ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า ความงดงามที่เราเห็นในวันนี้อาจจะมีเรื่องราวดำมืดซุกซ่อนอยู่ก็เป็นได้รูปภาพหน้าปก โดย Mario Klassen : Unsplashภาพประกอบที่ 1 โดย K. Mitch Hodge : Unsplashภาพประกอบที่ 2 โดย Skitterphoto : Unsplashภาพประกอบที่ 3 โดย Hulkiokantabak : Unsplash