ใครมีโอกาสได้เข้าไปในเรือนจำบ้าง ?เข้าไปทำอะไร และเข้าไปนานแค่ไหน ? มีหลายคนที่ทำผิดพลาด และได้เข้าไปอยู่ในนั้น ทั้งที่ตั้งใจ และไม่ตั้งใจก็ตาม หลายคนโชคดีที่ได้เข้าไปสัมผัสกับชีวิตในเรือนจำเพียงไม่นาน แต่ก็มีอีกหลายคนโชคร้าย ที่ต้องใช้เวลามากกว่าครึ่งค่อนชีวิตอยู่ในเรือนจำ ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่มีโอกาศได้เข้าไปสัมผัสกับความรู้สึกนั้น ๆ หลายต่อหลายครั้ง แต่เป็นโอกาสที่น้อยคนจะได้รับ มาถึงตรงนี้ หลายท่านอาจคิดว่า ผู้เขียนคงทำผิดกฎหมายอะไรแน่นอนแต่....เดี๋ยวก่อน !!!!!ผู้เขียนไม่ได้ทำสิ่งผิดกฎหมายแน่นอน แค่ได้รับโอกาสจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ให้เข้าไปเป็นวิทยากรต่างหากซึ่งถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่มีโอกาสได้เข้าไปพบปะ พูดคุย รับฟังความคิด ทัศนคติและประสบการณ์ของพวกเขามีโอกาสในการได้เข้าไปยืนต่อหน้าชายฉกรรจ์เกือบร้อยคน บางคนสักลายเต็มตัวจนหาที่ว่างไม่ได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งขอบตา เป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นทุกครั้งที่เข้าไปเลยก็ว่าได้อากาศก็ไม่ร้อนเท่าไหร่ แต่ไหง เหงื่อไหลตามร่อง.....ได้ 55555...และทุกครั้งที่เข้าไป นอกจากเรื่องความตื่นเต้นที่มีอยู่เต็มเปี่ยมแล้ว ยังมีความน่ารักของพี่ ๆ น้า ๆ ลุง ๆ นักโทษกลับมาด้วยตลอด และก็มีหลายครั้ง ที่น้ำตาคลอไปกับเรื่องราวของพวกเขาด้วยเช่นกัน เข้าไปในเรือนจำครั้งแรก ผู้เขียน (ในขณะนั้น) อายุ 32 ปีค่ะ ประเดิมด้วยนักโทษชายแดนลึกสุด เป็นกลุ่มนักโทษฉกรรจ์ ที่ต้องลากโซ่ติดตัวไว้ตลอดเวลา ทุกครั้งที่เดินจะได้ยินเสียงลากโซ่ไปด้วย และครั้งแรกนี้ ก็เป็นครั้งที่ประทับใจมากครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะมีเจ้าหน้าที่ดูแลเราเพียงคนเดียวเท่านั้น 55555... ความรู้สึกตอนนั้นคือ......ระแวงไปหมด แต่ก็ยังโชคดี ที่มีพี่ ๆ ที่เป็นวิทยากรร่วมอีก 2 ท่านอยู่ด้วย ในตอนนั้น ..... นักโทษชายหลายร้อยคน ต่างเข้ามามุงดูพวกเรา และหัวเราะ ยิ้มตามพวกเราไป ทั้ง ๆ ที่พวกเขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้เข้าอบรมกับเราเลยด้วยซ้ำไป รู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก ..... น้ำตาไหลพราก เพราะความดีใจ แต่มารู้ทีหลังว่า ..... จริง ๆ แล้ว ที่พวกเขามานั่งมุงดูเรานั้น เพราะสถานที่จัดอบรม เป็นที่ร่มที่เดียว ที่พวกเขาใช้ในการพักผ่อน .......555555......อากาศที่ร้อนอบอ้าว มีอาคารที่พอจะเป็นร่มเงาได้เพียงที่เดียวเท่านั้น กลับถูกใช้เพื่อการอบรมไปแล้ว บางคนอาจสงสัยว่า.......ในเรือนจำจะไม่มีต้นไม้บ้างเลยหรือ ? มีค่ะ... แต่มันถูกตัดยอดจนเตียนเกลี้ยง ไร้ร่มเงาไปแล้ว ซึ่งผู้เขียนเองก็สงสัย ว่าทำไมไม่เก็บไว้ให้นักโทษได้ใช้เป็นร่มไว้พักผ่อนบ้าง ? ครั้งนั้น........ถือเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ กับหัวข้อ "การพูดความจริง" และหลังจากนั้น ก็ได้รับเกียรติอีกเรื่อยมา.....และทุกครั้งที่เข้าไป ก็มีเรื่องราวให้ประทับใจอยู่ตลอด ประทับใจแรกคือวันแรกที่ก้าวเท้าเข้าไปในเรือนจำ ตลอดเส้นทางเดิน เราจะพบผู้ต้องขังตามเส้นทางที่เราเดินไป ผู้ต้องขังทกคนยกมือไหว้อยู่ตลอดเส้นทางเดิน บางคนเด็กกว่า อายุราว ๆ 20 ต้น ๆ บางคนอยู่ในวัยใกล้เคียงกัน และบางคน.....ก็รุ่นราวคราวเดียวกับคุณตาของเรา แต่พวกเขาก็ยังยกมือไหว้ ทักทาย นอบน้อม และยิ้มแย้มแจ่มใสราวกับว่า....ที่นี่ไม่มีผู้หญิงสวย ๆ เข้ามาเลย ...... ฮ่า..!!!! แอบเขินเอง.... ทั้งที่จริงแล้ว ไม่ต้องสวยหรอก แค่เป็นผู้หญิงเข้ามา พวกเขาก็ตื่นเต้นมากแล้ว (อันนี้เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์กล่าวค่ะ) ประทับใจครั้งที่สอง เมื่อได้เป็นวิทยากร (เกือบ) ประจำของกรมราชทัณฑ์แห่งนี้ ทำให้เราได้เจอกับผู้ต้องขังกลุ่มใหม่ ๆ หมุนเวียนเปลี่ยนกันไป และก็มีบางคนที่เป็นผู้ต้องขังกลุ่มเดิม ๆ ที่เริ่มคุ้นเคยกันแล้ว พอเดินเข้าไป บางคนก็เริ่มทักทาย โดยการเรียกชื่อและทักทาย .... ครู....ครับ...สวัสดีครับ !!ครูครับ...วันนี้ไม่ได้เข้าฟังเลยครับ ลงชื่อไม่ทัน... และคำทักทายอีกเยอะแยะ ตั้งแต่ต้นทาง ยันถึงห้องอบรม ประทับใจเรื่องที่สาม ด้วยผู้เขียนเป็นคนพื้นที่ ทำให้หลายครั้งที่เข้าไป จะได้เจอกับคนคุ้นหน้าคุ้นตา คนรู้จัก นักเรียน และแม้แต่ญาติของตัวเองในนั้นหลายคน แต่เหตุการณ์ที่ประทับใจนั้น เกิดกับลูกศิษย์คนหนึ่ง ที่เคยสอน และเราไม่เคยได้ข่าวของเขาเลยตั้งแต่เรียนจบ หลังเรียนจบเคยเจอผ่านทาง Facebook บ้าง ในช่วงแรก ๆ ที่เขาเรียนจบ แต่ก็เหมือนห่างหายกันไป จนได้มาเจอกันอีกครั้ง .... ที่เรือนจำ หลังจากอบรมเสร็จ ... ขณะที่กำลังเดินคุยกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก่อนออกจากเขตเรือนจำ ก็ได้ยินเสียงเรียกและวิ่งตามมา "ครูครับ" พอหันไปตามเสียงเรียกนั้น ก็ได้เห็นชายวัยรุ่นคนหนึ่ง ในชุดนักโทษสีฟ้า วิ่งหน้าตาตื่นมา พร้อมกับยกมือไหว้มาด้วย พอเห็นหน้าลูกศิษย์ถึงกับอุทานมาด้วยความไม่ตั้งใจเลยจริง ๆ "เธอมาทำอะไรที่นี่ ?" เขานั่งลงกับพื้นและยกมือไหว้ พร้อมกับยิ้มเจื่อน ๆ ดูเขิน ๆ ที่จะตอบ ทำให้ฉุกคิดได้และรู้สึกผิดจริง ๆ ผู้เขียนจึงรีบพูดตัดไปว่า "ทำไมรู้ว่าเป็นครู ?" เขาจึงรีบตอบมาว่า "ผมจำเสียงครูได้ครับ ผมเลยมาแอบดู พอรู้ว่าใช่ครูจริง ๆ ผมเลยมารอตรงทางออกครับ" เราได้คุยกันสักครู่ ถามสารทุกข์สุกดิบนิดหน่อย ก็ต้องรีบไปแล้ว ก่อนไปผู้เขียนจึงได้บอกเขาว่าแล้วเจอกันข้างนอกนะพอหันหลังกลับ น้ำตาก็คลอเบ้าแล้ว จนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เองก็ไม่กล้าคุยต่อและเงียบไปตลอดทางเดินออกจากเรือนจำ มีอีกหลายเรื่องราวที่เราได้พบเจอในทุกครั้งที่ได้เข้าไปในเรือนจำแห่งนี้ น้ำตาไหลทั้ง ๆ ที่ยืนอยู่หน้าผู้ต้องขังก็มี เนื่องจากสถานการณ์ Covid-19 ตั้งแต่รอบแรก จนบัดนี้ ผู้เขียนก็ยังไม่มีโอกาสได้เข้าไปเจอกับพวกเจาอีกเลยหากมีโอกาสจะกลับมาเล่าให้ฟังอีกนะคะ เครดิต ภาพหน้าปก www.canva.com ภาพที่ 1 Geralt / pixabay ภาพที่ 2 PublicDomainPictures / pixabay ภาพที่ 3 Ichigo121212 / pixabay ภาพที่ 4 StockSnap / pixabayเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !