ทรัมป์พูดอะไรในที่ประชุม "UNGA" ถอด 5 ประเด็นหลัก นอกสคริปต์จนเกินเวลา

6 ปีที่แล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก และในปีนี้ เขากลับมาอีกครั้งกับสุนทรพจน์ที่ร้อนแรงในหลากหลายประเด็นจนทั้งห้องประชุมเงียยบตลอดการกล่าวสุนทรพจน์ที่เกินเวลาไปเกือบชั่วโมงของเขา BBC รายงานว่า สุนทรพจน์ของโดนัลด์ ทรัมป์ต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเป็นการอธิบายมุมมองของทรัมป์ที่มีต่อโลกอย่างชัดเจนที่สุด และเป็นการแสดงให้เห็นถึงอุดมการณ์ของเขาในรูปแบบที่ตรงไปตรงมาอย่างถึงที่สุด ตลอดเกือบหนึ่งชั่วโมง ทรัมป์เริ่มจากการยกย่องสหรัฐฯ ว่าอยู่ในยุคทองเมื่อเขาก้าาวเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศอีกครั้ง ก่อนที่จะเริ่มการวิจารณ์คู่แข่งไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ประเทศฝั่งตะวันตกที่เป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ
พาไปเจาะลึก 5 ประเด็นหลักจากสุนทรพจน์ของทรัมป์ในปีนี้ ว่าเขาได้หยิบประเด็นใดขึ้นมากล่าวในที่ประชุมระดับนานาชาติที่สำคัญที่สุดในรอบปีบ้าง
-ทรัมป์เปิดห้องเรียน เลคเชอร์เรื่องผู้อพยพกลาง UN
ทรัมป์ใช้เวลาส่วนใหญ่ระหว่างขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ด้วยการพูดถึง “ผู้อพยพ” และโจมตีนโยบายเกี่ยวกับการตรวจคนเข้าเมืองในประเทศอื่น ๆ ทรัมป์ยังได้วิจารณ์สหประชาชาติกลางสำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติว่าพวกเขามอบเงินทุนสนับสนุนแก่ผู้อพยพ จนพวกเขาสามารถเข้ามาอาศัยและก่อความวุ่นวายในประเทศตะวันตกซึ่งเป็นผลพวงมาจากนโยบายตรวจคนเข้าเมืองและการย้ายถิ่นฐานที่ไม่เข้มงวด ทรัมป์ยังเตือนด้วยว่าโครงสร้างของประเทศตะวันตกกำลังถูกทำลายและในที่สุดประเทศของพวกเขาจะล้มเหลวเพราะฝีมือของผู้อพยพ
ทรัมป์ใช้โอกาสนี้ ชื่นชมนโยบายเกี่ยวกับผู้อพยพของตนที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด ว่าคือหนทางเดียวที่จะรักษามรดกของชาติเอาไว้ได้ ทรัมป์กล่าวด้วยว่าเมื่อปีที่แล้วเพียงปีเดียว มีผู้คนหลายล้านคนหลั่งไหลเข้ามา ในสหรัฐฯ รวมแล้ว 25 ล้านคน ตลอด 4 ปีของรัฐบาลไบเดนที่ทรัมป์เรียกว่าไร้ความสามารถ ซึ่ง CNN ได้ทำการตรวจสอบคำกล่าวอ้างนี้และได้พบข้อมูลที่ได้รับการบันทึกจากรัฐบาลกลางว่าผู้อพยพทั่วประเทศในสมัยของไบเดนนั้นมีน้อยกว่า 11 ล้านคน และในจำนวนนั้นมีหลายล้านคนที่ถูกบังคับส่งกลับประเทศอย่างรวดเร็ว
-การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือการหลอกลวงครั้งใหญ่
ทรัมป์ที่มีแนวคิดต่อต้านเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ หรือ Climate Change อยู่เป็นทุนเดิมแล้วร่วมกับการที่เขานำสหรัฐฯ ให้ออกจากสนธิสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Paris Agreement เขาได้ใช้โอกาสนี้วิจารณ์และเยาะเย้ยการคาดการณ์และการเตือนภัยในอดีตเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศว่ามันเป็นเรื่องที่ไร้สาระ พร้อมทั้งเรียกร้องให้นานาประเทศยกเลิกโครงการริเริ่มพลังงานสีเขียวเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนด้วย
ทรัมป์ประกาศกลางที่ประชุมว่าการต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคืองานที่หลอกลวงมากที่สุดในโลก แม้ว่านักเคลื่อนไหวและนักวืทยาศาสตร์จากทั่วโลกต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า climate change เป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริงที่ส่วนใหญ่เป็นผลของมลภาวะจากเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยทรัมป์บอกว่า ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์หันมาใช้วลี "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" แทนคำว่า "ภาวะโลกร้อน" เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ถูกกล่าวหาว่าทําอะไรผิดหากโลกเย็นลงในความเป็นจริง
แต่ข้อมูลจากทั้งงานวิจัยและรายงานของสหประชาชาติตลอดในช่วงที่ผ่านมาระบุว่า กิจกรรมของมนุษย์ โดยหลักแล้วเป็นผลให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จนก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนอย่างไม่ต้องสงสัย โดยรายงานที่มีชื่อว่า Climate Change 2023: Synthesis Report ระบุว่า อุณหภูมิพื้นผิวโลกเฉลี่ยในช่วงปี 2011–2020 สูงกว่าช่วงปี 1850–1900 ถึง 1.1องศาเซลเซียส
-ไม่มีความเปลี่ยนแปลงสำคัญทั้งในสงครามยูเครนและกาซา แม้แต่หลังที่ทรัมป์กล่าวจนจบ
ขณะที่ทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์ ทรัมป์เปิดเผยข้อมูลใหม่เล็กน้อยเกี่ยวกับการเจรจาสงครามทั้งในยูเครนและกาซา แต่ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด ทรัมป์กล่าวว่าความขัดแย้งทั้งสองฝ่ายแก้ไขได้ไม่ยาก แต่กลับทวีความรุนแรงขึ้นในช่วง 8 เดือนที่เขากลับมารับตำแหน่ง
ทรัมป์ได้แสดงความเสียใจต่อกระแสผลักดันแนวทาง 2 รัฐ เพื่อแก้ปัญหาในฉนวนกาซาที่ทรัมป์มองว่าการสนับสนุนแนวทางนี้จะยิ่งเป็นการให้รางวัลแก่ฮามาส
ขณะที่สงครามในยูเครน ทรัมป์ยอมรับว่าการยุติมันยากมาก แม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียก็ตาม แต่มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนให้เป็นการเจรจาเพื่อหยุดสงครามอย่างถาวรได้
แต่แทนที่เขาจะ ใช้โอกาสบนเวที UN ส่งความไม่พอใจไปถึงรัสเซีย เขากลับโจมตีประเทศในยุโรปที่ซื้อพลังงานจากรัสเซียอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทรัมป์กล่าวว่ามันเป็นความน่าอับอายอย่างมาก
ทรัมป์ยังอ้างว่าจีนและอินเดียเป็นผู้ให้ทุนหลักของสงครามที่กําลังดําเนินอยู่ในยูเครน เพราะพวกเขายังคงซื้อน้ำมันของรัสเซีย อย่างไรก็ตามหลังการกล่าวสุนทรพจน์ ทรัมป์ได้เปลี่ยนโทนถ้อยแถลงเกี่ยวกับรัสเซียอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังไม่ได้ให้คำมั่นที่ชัดเจนต่อการดำเนินการของสหรัฐฯ กับสงครามในยูเครน
-ทรัมป์หัวร้อนสิ่งของทุกอย่างพังไปหมด รวมถึง UN ด้วย..
นอกจากทรัมป์ต้องเผชิญเหตุบันไดเลื่อนขัดข้องไปจนถึงเครื่องพรอมพ์เตอร์ที่ใช้งานไม่ได้แล้ว เขายังตั้งคำถามถึงการมีอยู่ของสหประชาชาติว่าอะไรคือวัตถุประสงค์ของสหประชาชาติด้วย ทรัมป์โจมตีสหประชาชาติอย่างหนักว่าสิ่งที่พวกเขาทำเพื่อหยุดสงครามเป็นแค่การเขียนจดหมายเปล่า ๆ ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง แต่คำพูดที่ว่างเปล่านั้นไม่สามารถยุติสงครามได้
CNN รายงานว่าการโจมตีของทรัมป์ไปไกลว่านั้นมากเพราะ เขาได้ทำลายความน่าเชื่อถือของสหประชาชาติ ด้วยการใช้มาตรการ “ตัดลดงบประมาณ” ที่สหรัฐฯ ใช้สนับสนุนองค์กรนี้รวมถึงการลดเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการรักษาสันติภาพในต่างประเทศ นอกจากนี้เขายังได้ถอนตัวออกจากองค์กรด้านวัฒนธรรมม, สาธารณสุข และด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติด้วย ซึ่งทรัมป์ก็ตบท้ายด้วยคำพูดที่ร้อนแรงว่าสิ่งที่เขาได้จากสหประชาชาติมีเพียงบันไดเลื่อนและพรอมพ์เตอร์ที่พังเท่านั้น
-ทรัมป์พูดไปเรื่อยจน…ออกนอกสคริปต์
สุนทรพจน์ของทรัมป์เริ่มต้นโดยไม่มีเครื่องพรอมพ์เตอร์ นั่นทำให้เขาเริ่มพูดวกไปวนมาในประเด็นต่าง ๆ ซ้ำไปซ้ำมา เขาออกนอกสคริปต์ไปพูดถึงความพยายามในการลดอาชญากรรมในเมืองต่าง ๆ ของสหรัฐฯ รวมถึงเรื่อง Carbon Footprint ของบารัค โอบามา หรือไปไกลถึงเรื่องที่ความพยายามของเขาไม่ประสบความสำเร็จในการปรับปรุงอาคารสำนักงานใหญ่สหประชาชาติและประสิทธิภาพของการติดตั้งกังหันลม
แต่การนอกสคริปต์ของทรัมป์ก็มีช่วงที่ผ่อนคลายลงบ้าง หลังจากทั้งห้องประชุมนั่งเงียบฟังสุนทรพจน์ของเขาเกือบชั่วโมง ทรัมป์เรียกเสียงหัวเราะด้วยการเล่าถึงการพบกันระหว่างเขาและประธานาธิบดีลุยซ์ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ของบราซิลหลังเวที แม้จะมีเรื่องบาดหมางกัน แต่ดูเหมือนว่าการพบกันของทั้งคู่จะเป็นไปด้วยดี แต่ก็เพราะการออกนอกสคริปต์ก็ทำให้เขาใช้เวลาในการพูดมากกว่าที่กำหนดไว้คือ 15 นาที เหมือนผู้นำคนอื่น ๆ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้นำคนเดียวที่ใช้เวลานานกว่ากรอบเวลาที่จัดสรรไว้ก็ตาม
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
