อนุมัติโครงการสายเคเบิลใต้ทะเลยาว 4,300 กิโลเมตร ส่งพลังงานไฟฟ้าจากออสเตรเลียไปสิงคโปร์

รัฐบาลนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี  ประเทศออสเตรเลีย อนุมัติโครงการ Australia-Asia Power Link หรือ AAPowerLink หนึ่งในโครงการพลังงานหมุนเวียนและสายส่งไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยจะส่งพลังงานแสงอาทิตย์ของออสเตรเลียไปยังสิงคโปร์ผ่านสายเคเบิลใต้ทะเลความยาว 4,300 กิโลเมตร ภายใต้การดำเนินการของบริษัท ซันเคเบิล (SunCable) ประเทศออสเตรเลีย

โครงการ Australia-Asia Power Link เริ่มต้นด้วยการก่อสร้างฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ในเขตนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี ตอนเหนือของออสเตรเลีย รองรับการส่งพลังงานสะอาดตลอด 24 ชั่วโมง ไปยังเมืองดาร์วิน และส่งออกไปยังประเทศสิงคโปร์ คาดว่าทำให้เกิดเม็ดเงินลงทุนกว่า 8 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 193,800 ล้านบาท การจ้างงานโดยตรงกว่า 1,750 ตำแหน่งงาน และการจ้างงานทางอ้อม 12,000 ตำแหน่งงาน

ก่อนหน้านี้ขั้นตอนการพิจารณาดำเนินการไปอย่างเข้มงวดเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมโดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี ประเทศออสเตรเลีย การอนุมัติครั้งนี้ทำให้สามารถดำเนินการผลิตกระแสไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานสะอาดมีกำลังสูงกว่า 10 กิกะวัตต์ รวมไปถึงระบบจัดเก็บพลังงานไฟฟ้า และระบบสาธารณูปโภคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงการสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงดันสูงเหนือพื้นดิน (HVDC) ระยะทาง 800 กิโลเมตรในบริเวณเมืองมูร์รูมูจุก 

โดยกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้ามีแหล่งกำเนิดจากพลังงานแสงแดด ในพื้นที่ทะเลทรายประเทศออสเตรเลีย และเก็บกระแสไฟฟ้าไว้ในแบตเตอรี่ของบริษัท Quinbrook Infrastructure Partners ทำให้ป้อนกระแสไฟฟ้าได้เป็นจำนวนมากตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน อย่างไรก็ตามบริษัทไม่เปิดเผยข้อมูลเนื้อที่รวมของฟาร์มโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ การก่อสร้างแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ในระยะที่ 1 มีการจ่ายไฟฟ้าได้ 900 เมกะวัตต์ และระยะที่ 2 จ่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 3 กิกะวัตต์ ส่งผ่านสายเคเบิลจากประเทศออสเตรเลีย ผ่านชายแดนประเทศอินโดนนีเซีย และไปยังประเทศสิงคโปร์

ก่อนหน้านี้ในช่วงปีที่ผ่านมาบริษัท SunCable ถูกซื้อกิจการโดยมหาเศรษฐีไมค์ แคนนอน-บรู๊คส์ แม้ว่าโครงการนี้จะได้รับการอนุมัติจากทางการ แต่หลายฝ่ายก็เชื่อว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจากต้องไปคุยกับเจ้าของที่ดินจำนวนมาก รวมไปถึงข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดของเจ้าหน้าที่รัฐ สำหรับการเริ่มต้นจ่ายกระแสไฟฟ้าจากโครงการ AAPowerLink ระยะที่ 1 คาดว่าจะเกิดขึ้นได้ก่อนปี 2030

คาดว่าโครงการนี้จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 718,759 ล้านบาท ให้กับเขตปกครองตนเองนอร์เทิร์นเทร์ริทอรีในช่วงระยะเวลาการก่อสร้างและ 35 ปีแรกของการดำเนินงาน

ที่มาของข้อมูล Newatlas