คนไทยเริ่มรู้จักฝุ่น PM2.5 ปลายปี 2561 เรื่อยมาจนปัจจุบันเกือบ ๆ 2 ปีผ่านมาแล้ว เมื่อก่อนดูข่าวมักจะเห็นข่าวฝุ่นกระจายในต่างประเทศ อย่างเช่น กรุงปักกิ่ง แต่ตอนนั้นก็ยังไม่สนใจ อาจจะเป็นเพราะยังไกลตัวมาก และคิดว่า ที่เค้าเกิดมลภาวะแบบนั้นก็เพราะมีฝุ่นทะเลทรายจากทางเหนือของประเทศเค้าเป็นหลัก คงจะแก้ยาก แต่พอเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็พบว่า เค้าแก้ปัญหาได้ดีขึ้นเยอะ เพราะเค้าควบคุมการใช้ยานพาหนะเต็มที่ ส่วนฝุ่นที่เกิดจากธรรมชาติก็คงควบคุมอะไรไม่ได้ มาดูที่บ้านเราเจอกับฝุ่นเต็ม ๆ จะให้โทษธรรมชาติแบบเค้าก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะเท่าที่ทราบมาเกิดจากฝีมือเรา ๆ ท่าน ๆ ชาวไทยทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเผาไร่อ้อยเพื่อเก็บเกี่ยว เผาป่าเพื่อล่าสัตว์ เก็บเห็ด และที่เป็นหลัก ๆ ในเมืองเลย นั่นคือ การใช้ยานพาหนะ ที่ส่งควันเสียออกมา ก็ได้ยินได้เห็นตามเฟซบุ๊ค มีแต่บ่นกร่นด่าหน่วยงานที่รับผิดชอบไม่ยอมแก้ไขอะไรหรือแก้ช้า แต่ถ้าจะให้รอก็การออกมาตรการอะไรก็ดูจะช้าไปหมด ก็เลยอยากจะให้เพื่อน ๆ มาลองดูแลตัวเองกันก่อนดีไหมค่ะ อย่างเช่น สวมใส่หน้ากากป้องกัน ลดการให้ยานพาหนะ ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้างจากบ้านไปปากซอย ก็คิดง่าย ๆ นะ ถ้าเราได้ออกเร็วกว่าปกติหน่อยแล้วเดินออกกำลังกายไปปากซอยสักกิโล สองกิโล เราก็ประหยัดค่าใช้จ่ายประจำวัน เงินเหลือเอาไปซื้อกาแฟ แถมยังได้ออกกำลังกายอีกด้วย หรืออย่างถ้าจะต้องขับรถเข้าเมือง (กรุง) ลองหาที่จอดแล้วจร หรือ จอดตามห้าง แล้วนั่งรถไฟฟ้าเข้าเมือง ก็จะช่วยลดปริมาณรถและฝุ่นได้อีก แถมยังไปได้สะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องทนเมื่อยทนปวดฉี่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฝ่ารถติดเข้าเมืองอีก ที่สำคัญคือไม่ต้องเครียดจากภาวะรถติดอีก เอาเข้าจริง ๆ แล้วค่าน้ำมัน ค่าสึกหรอ จะยังมากกว่าค่ารถไฟฟ้าเสียอีกนะ ตอนนี้มีทางเลือกการเดินทางเยอะมาก ลองเปิดใจเลือกดูสักหน่อย เราก็จะช่วยลดฝุ่นแถมยังได้มีประสบการณ์ใหม่ ๆ ช่วยเปลี่ยนการเดินทางที่ซ้ำซากจำเจ ให้มีชีวิตชีวาขึ้น แม้ว่าจะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบออกมาเตือนให้ประชาชนสวมหน้ากากกันฝุ่นแล้ว แต่ก็ยังพบว่ายังมีที่ยังไม่สวมใส่อยู่บ้าง อาจจะเป็นเพราะอึดอัด หรือยังไม่ตระหนักรู้ถึงอันตรายก็ได้ ก็เข้าใจนะ ก็บ้านเราเคยมีภาวะอย่างนี้มาก่อนซะที่ไหนล่ะ แต่ยังไงก็ค่อย ๆ ฝึกไปนะค่ะ เดี๋ยวก็ชินไปเอง เหมือนตอนนั้นที่มีการรณรงค์คาดเข็มขัด หรือ สวมหมวกกันน็อค กว่าจะชินก็นานพอสมควร กรุงเทพ ณ วันนี้กลายเป็นมหานครแห่งฝุ่นไปแล้ว ซึ่งก็ไม่ต่างจากปักกิ่งเมื่อหลายปีที่แล้ว แต่วันนี้ที่ปักกิ่งแก้ปัญหาได้แล้ว เพราะการพร้อมใจของผู้คน แล้วทำไมเราจะทำแบบนั้นไม่ได้ละค่ะ ขอเชิญชวนให้เรามาร่วมไม้ร่วมมือกันคนละนิดคนละหน่อย แค่นี้ก็ช่วยได้ให้บ้านเราเป็นเมืองยิ้มได้อีกค่ะ เครดิตภาพจาก https://unsplash.com/photos/Ck3VLJ7fuyY มาพูดถึงฝุ่น PM 2.5 เป็นสภาวะที่อันตรายต่อสุขภาพ ด้วยเพราะฝุ่นสามารถเดินทางเข้าสู่ร่างกายผ่านทางเดินหายใจเข้าสู่ปอดจนกระทั่งกระแสเลือดได้อย่างง่าย ๆ ทั้งยังเพิ่มโอกาสของโรคต่าง ๆ เช่นโรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ที่สำคัญและควรตระหนักเป็นอย่างยิ่งคือต้องดูแลตนเองให้ห่างจากฝุ่น ป้องกันด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานป้องกันฝุ่นขนาดเล็กโดยเฉพาะถึงจะเอาอยู่ ซึ่งฝุ่นในระดับที่เริ่มมีผลต่อร่างกายจนกระทบถึงสุขภาพ หรือที่เรียกกันว่า เกณฑ์สีส้ม คือระดับอันตรายต่อสุขภาพนั่นเอง (101-200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ) ซึ่งประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยงคือผู้ที่มีภาวะโรคทางเดินหายใจ โรคปอด ที่อยู่ในพื้นที่ฝุ่นละออง PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน วันนี้คนกรุงเทพและปริมณฑล ได้ตรวจพบค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานไปแล้วนะ มีที่ไหนกันบ้างมาดูกันค่ะ 1. แขวงบางนา เขตบางนา 2. แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ 3. แขวงดินแดง เขตดินแดง 4. แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา 5. ริมถนนพระราม 4 เขตปทุมวัน 6. แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง 7. ริมถนนลาดพร้าว เขตวังทองหลาง 8. ริมถนนดินแดง เขตดินแดง 9. แขวงพญาไท เขตพญาไท 10. ริมถนนอินทรพิทักษ์ เขตธนบุรี 11. แขวงหิรัญรูจี เขตธนบุรี 12. ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน และฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (P.M. 10) โดยตรวจพบค่าระหว่าง 67 - 131 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) ซึ่งเกินมาตรฐานตามพิกัดแนบท้ายนี้ 1. ริมถนนดินแดง เขตดินแดง 2. ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน 3. แขวงหิรัญรูจี เขตธนบุรี เขตปริมณฑลก็ตรวจพบเช่นกัน อีก 8 เขต 1. ต.นครปฐม อ.เมือง นครปฐม 2. ต.บางกรวย อ.บางกรวย นนทบุรี 3. ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด นนทบุรี 4. ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง ปทุมธานี 5. ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง สมุทรปราการ 6. ต.บางโปรง อ.เมือง สมุทรปราการ 7. ต.ตลาด อ.พระประแดง สมุทรปราการ 8. ต.ปากน้ำ อ.เมือง สมุทรปราการ สังเกตได้ว่าแหล่งที่มีปริมาณฝุ่นเยอะ ๆ มักจะเป็นแหล่งที่มีการจราจรคับคั่งทั้งนั้น ถ้าเราแค่ช่วยกันลดปริมาณการใช้รถแค่ เดินบ้าง ใช้รถสาธารณะบ้าง ใช้จักรยานบ้าง คิด ๆ ดูถ้าร่วมใจกันทำ แค่นี้ก็ช่วยลดฝุ่นได้เยอะแล้ว เครดิตภาพจาก https://pixabay.com/ ลองมาดูอาการที่ส่งสัญญาณเตือนและควรรีบไปหาหมอกันแล้ว - เวียนหัว - เลือดกำเดาไหล - สิวขึ้น - ไอ เจ็บคอ ถ้ามีเสมหะอาจจะมีสีน้ำตาล เหมือนคนสูบบุหรี่ - เจ็บหน้าอก - แน่นหน้าอก - ผิวหนังอักเสบ - หายใจไม่ออก - หายใจมีเสียงวี๊ด - ใจสั่น - ปอดอักเสบ - คลื่นไส้ - เส้นเลือดตีบ หลังจากกลับถึงบ้านควรล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ อาบน้ำสระผม เพื่อล้างฝุ่น รวมทั้งเชื้อโรคที่ติดมากับฝุ่นด้วยนะค่ะ เครดิตภาพจาก https://unsplash.com/photos/T72-kQyQxtA เมื่อพวกเราคนกรุงและชานเมืองไม่มีทางเลี่ยง ก็ต้องหันมาร่วมกันตระหนัก หันมารักตัวเองเพียงแค่ทุก ๆ ครั้งที่ออกจากบ้านอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัยกันด้วยนะ ด้วยความห่วงใย รักนะทุกคน #รอบนี้หนักมาก เครดิตภาพปกจาก https://pixabay.com/