ภารกิจ"คืนสู่ชีวิตปกติ-Back to Life" เมื่ออิสราเอลเป็นผู้นำในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของโลก
เป็นที่ทราบกันดีว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้นไม่ได้ถูกจำกัดด้วยเส้นแบ่งเขตแดน ทุกประเทศทั่วโลกต่างกำลังเผชิญกับความท้าทายนี้ร่วมกัน นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อิสราเอลเป็นประเทศระดับแนวหน้าของโลกที่ต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัส ด้วยการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ในช่วงแรกของการแพร่ระบาดนั้นเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการปิดชายแดน การปิดโรงเรียน การยุติกิจกรรมของภาคธุรกิจ และการจำกัดกิจกรรมต่างๆ ที่ไม่จำเป็น ปัจจุบันกล่าวได้ว่า อิสราเอลนำหน้าประเทศอื่นๆ ด้วยการเป็นประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่อพลเมืองมากที่สุดในโลก
อิสราเอลได้เริ่มฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิดเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และภายในสองวัน อิสราเอลฉีดวัคซีนให้ประชากรได้กว่าสามหมื่นคน เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น ปัจจุบันชาวอิสราเอลกว่าสองล้านคนก็ได้รับการฉีดวัคซีน อิสราเอลตั้งเป้าหมายว่าจะฉีดวัคซีนให้กับพลเมืองทุกคนที่มีอายุมากกว่า 16 ปีภายในเดือนมีนาคมนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในอิสราเอลก็ไดัรับการฉีดวัคซีนด้วย รวมถึงเอกอัครราชทูตไทยประจำอิสราเอล ฯพณฯ นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มแรกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาด้วย
เป้าหมายการฉีดวัคซีนอย่างรวดเร็วและมุ่งมั่น เกิดขึ้นจากความตกลงระหว่างอิสราเอลกับบริษัทยาที่ได้ลงนามความร่วมมือเมื่อต้นเดือนมกราคมนี่เอง ภายใต้ภารกิจ “คืนสู่ชีวิตปกติ-Back to Life” อิสราเอลจะได้รับวัคซีนเพื่อฉีดให้ประชากรทั้งหมดภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งจะช่วยให้อิสราเอลบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนได้ตามที่กำหนดไว้ อีกทั้งจะเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ของโลกที่สามารถก้าวข้ามวิกฤตของการแพร่ระบาดในครั้งนี้ได้ นอกจากนั้นแล้วอิสราเอลยังมีบทบาทสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของวัคซีนและการพัฒนายุทธศาสตร์ระดับโลกเพื่อยุติการแพร่ระบาดไวรัสในครั้งนี้ ด้วยการแบ่งปันข้อมูลทางสถิติกับบริษัทไฟเซอร์และกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
การที่มีประชากรเพียงเก้าล้านคน กอปรกับการมีระบบสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพยิ่ง อิสราเอลจึงมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาวัคซีนของบริษัทผลิตยา อิสราเอลแบ่งปันความสำเร็จและประสบการณ์การฉีดวัคซีนให้บริษัทยาเพื่อใช้เป็นข้อมูลที่จะพัฒนาวัคซีนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นสำหรับประเทศอื่นๆ อาจกล่าวได้ว่าการที่อิสราเอลเป็นประเทศแรกที่ฉีดวัคซีนให้ประชากรทั้งหมดเป็นผลสำเร็จ อิสราเอลจึงเป็นเสมือนประเทศหลักของโลกในการทดลองยา
ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของอิสราเอลนั้นเป็นที่ยอมรับในระดับสากลถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผล อิสราเอลมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบดูแลผู้ป่วยที่มีคุณภาพสูง พลเมืองชาวอิสราเอลและผู้อยู่อาศัยถาวรในประเทศทุกคนจะได้รับการประกันสุขภาพภายใต้กฎหมายประกันสุขภาพแห่งชาติ ชาวอิสราเอลทุกคนสามารถเลือกแผนสุขภาพที่ไม่หวังผลกำไรได้อย่างครอบคลุมและมีมาตรฐาน ผู้ให้บริการแต่ละรายจะต้องยอมรับผู้ใช้บริการทุกคน โดยไม่คำนึงถึงอายุหรือประวัติสุขภาพ นอกจากนี้ ในอิสราเอลมีคลินิกสุขภาพหลายพันแห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ ดังนั้นแล้ว ทุกชุมชนจึงสามารถเข้าถึงการรับบริการทางการแพทย์ได้อย่างทั่วถึง ยิ่งไปกว่านั้นระบบสุขภาพแห่งชาติของอิสราเอลยังได้ใช้ฐานระบบดิจิทัลขั้นสูง จึงเอื้อประโยชน์ในการใช้ฐานข้อมูลดิจิทัลนั้นเพื่อการพัฒนาของบริษัทยาต่างๆ ทั้งนี้ เครือข่ายบริการทางการแพทย์ที่กล่าวมานั้นอยู่ภายใต้ระบบการดูแลของกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอล
ภายใต้ระบบสาธารณสุขดังกล่าว บุคลากรทางการแพทย์ ทั้งหมอและพยาบาลสามารถปฏิบัติการได้อย่างรวดเร็วเพื่อตั้งรับกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ปัจจุบัน บุคลากรทางการแพทย์ของอิสราเอลกำลังดำเนินการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงทั้งประเทศภายในเวลาไม่กี่เดือนข้างหน้า ในความเป็นจริงแล้วอิสราเอลเผชิญกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่าอิสราเอลตั้งรับสถานการณ์ด้านสาธารณสุขจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีอิสราเอลให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนด้วยการหารือกับผู้บริหารของบริษัทไฟเซอร์อย่างต่อเนื่องเพื่อจัดหาวัคซีนให้ได้อย่างเพียงพอ ทั้งนี้ คูพต โฆลิม (Kupot Holim) หน่วยงานหลักด้านสาธารณสุขที่มีบทบาทในการฉีดวัคซีนให้กับชาวอิสราเอล ได้รับการสนับสนุนจากมาเกน ดาวิด อาดอม (Magen David Adom) ซึ่งให้บริการทางการแพทย์ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นองค์กรหลักในการฉีดวัคซีนให้ผู้ที่พักอยู่และเจ้าหน้าที่ ทั้งในบ้านพักคนชราและศูนย์การพยาบาลทั่วประเทศ นอกจากนี้ กองทัพอิสราเอลก็มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการสถานที่กักกันโรคและการจัดหาอาหารให้ครอบครัวชาวอิสราเอล ในระหว่างการใช้มาตรการล็อกดาวน์ นอกจากนั้น กองทัพยังจัดแพทย์ทหารและกองกำลังสำรองมาช่วยสนับสนุนการฉีดวัคซีน จากองค์ประกอบทั้งหมดนี้จึงทำให้อิสราเอลมีอัตราการฉีดวัคซีนมากที่สุดในโลกและสามารถดำเนินการฉีดวัคซีนให้ประชากรทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว
ผู้ที่ได้รับวัคซีนทุกคนจะได้รับ “หนังสือเดินทางสีเขียว” ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างประเทศ ทั้งนี้ อิสราเอลหวังว่าประชาคมโลกจะใช้มาตรการเดียวกันนี้ เพื่อให้ผู้โดยสารที่ได้รับวัคซีนแล้วสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้อย่างราบรื่น
ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า อิสราเอลจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อพาสโอเวอร์ ซึ่งเป็นเทศกาลทางศาสนาสำคัญของชาวยิวมาถึงในปลายเดือนมีนาคมนี้ สมาชิกครอบครัวชาวอิสราเอล ทั้งปู่ย่าตายาย พ่อแม่ พร้อมด้วยลูกๆ และหลานๆ จะสามารถมาร่วมงานฉลองกันได้อีกครั้งอย่างสนุกสนานและสบายใจ