ไม่ว่าใครก็อยากเป็นที่หนึ่งในวงการของอาชีพที่ตัวเองอยู่ และเราทุกคนก็เก่งในสายงานของตัวเองอยู่แล้ว แต่ไม่มีความสุข เพราะอะไร ? เพราะความกลัวที่ตนเองจะถูกแทนที่จาก AI จากคนอื่นที่มีความสามารถมากกว่า กลายเป็นว่าเราเก่งเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ แต่สิ่งผู้เขียน Daniel Priestley จะสื่อถึงคือเราไม่ควรทำงานหนักขนาดนั้น เราควรมีประสิทธิภาพแบบทำน้อยได้มากต่างหาก เพื่อยังคงรักษาความเป็นที่หนึ่งของวงการไว้ได้ ฟังดูย้อนแย้ง แต่ลองอ่านไปเรื่อยๆดูก่อน แล้วถึงจะรู้ แปลโดย วิญญู กิ่งหิรัญวัฒนา ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์ 1.นิยามคำว่า KPI (Key Person Influence) หมายถึง บุคคลผู้ทรงอิทธิพล แต่ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นคนเรียนจบปริญญาเอก มีพรสวรรค์หรือครอบครัวต้องมีฐานะ จริงอยู่ที่ระยะเวลา คุณสมบัติส่วนตัว ทักษะความสามารถ และครอบครัวที่ร่ำรวยจะช่วยได้ แต่มันไม่ใช่วิธีที่แน่นอนในการทำให้เราเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพล ทั้งนี้ไม่ใช่ KPI (Key Performance Index) ที่หมายถึงการวัดประเมินผลการทำงานแบบมนุษย์เงินเดือน 2.คำถามตรวจสอบการเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพล 2.1.คุณทำอะไร บุคคลผู้ทรงอิทธิพลจะตื่นตัวในการตอบและดึงความสนใจจากผู้ฟังได้ ไม่ใช่แค่การพูดถึงอาชีพของตัวเอง 2.2.อะไรทำให้คุณน่าเชื่อถือ เช่น หนังสือที่เขียน ผู้ติดตาม บทความในนิตยสาร กรณีศึกษา ความสามารถที่น้อยคนจะมี 2.3.คุณทำเงินอย่างไร บุคคลผู้ทรงอิทธิพลมีรูปแบบธุรกิจหนุนหลัง สร้างความแตกต่างให้กับสินค้าตัวเอง 2.4.ผู้อื่นรู้จัก ชื่นชอบ เชื่อใจคุณหรือไม่ : นั่นคือ ถ้า Search ชื่อของเขาใน Google ต้องค้นเจอ 2.5.คุณสามารถเพิ่มเติมใครหรืออะไรเข้ามาในการทำงานได้ 3.คนทําตามหน้าที่อาจทํางานเก่ง พวกเขาอาจทําได้อย่างที่พูด แต่ความจริงอันโหดร้ายคือ พวกเขาอยู่ในตําแหน่งที่สามารถหาคนมาทดแทนได้ ถ้าใครสามารถหา ตัวเลือกที่มีราคาถูกกว่า พวกเขาก็จะเลือกตัวเลือกนั้นแทน เพราะคนทําตามหน้าที่ เป็นเพียงทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหาเท่านั้น บริษัทอาจลดค่าใช้จ่ายด้วยการให้คนทําตามหน้าที่ออกจากงานได้ลูกค้าอาจเลือกผู้ให้บริการรายอื่นแทนซัพพลายเออร์ที่ทําตามหน้าที่นักลงทุนอาจนําเงินของ ตนไปลงกับเรื่องอื่น แทนบริษัทที่ทําตามหน้าที่ การทําตามหน้าที่ทําให้งานเสร็จได้ ก็จริง แต่มันก็ถูกทดแทนได้เสมอ คนทําตามหน้าที่มักกังวลเรื่องการถูกให้ออกจากงาน หรือถูกมองข้ามจน ไม่ได้เลื่อนตําแหน่ง พวกเขากลัวว่าจะมีคนที่ทํางานเก่งกว่าเกิดขึ้นมา พวกเขาเป็น ห่วงเรื่องเทคโนโลยีและระบบใหม่ ๆ ที่อาจมาทํางานที่พวกเขาถนัด แต่คนที่พิเศษจะมองว่าตัวเองผูกพันกับผลลัพธ์ ไม่ใช่กระบวนการ พวกเขา จะถามว่า “ทําไม” เราทําแบบนี้ และมันจะเป็นอย่างไร 4.ในเศรษฐกิจสมัยใหม่ การทํางานหนักไม่ใช่ความได้เปรียบในการแข่งขันอีกต่อไป เพราะทุกคนต่างทํางานหนักกันทั้งนั้น ถ้าคุณสามารถรวมทีมคนที่ทํางานหนักที่สุดในโลก คุณจะไม่ได้คนที่เป็นสุดยอดซีอีโอและผู้ประกอบการ แต่คุณจะได้คนที่กําลังดิ้นรนไต่เต้าในสายงาน หรือคนที่กําลังดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด 5.ทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของคุณ ได้แก่ ความรักในบางสิ่งของคุณ ทักษะ ความสามารถที่คุณมีอยู่แล้ว และที่สําคัญที่สุดคือเรื่องราวส่วนตัวของคุณเอง 6.คุณอาจคิดว่าปัจจัยสําคัญของความร่ำรวยของคุณคือ เครื่องมือสร้าง ความร่ำรวยอันลึกลับที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน คุณอาจคิดว่ามันคือตลาดหุ้นหรือ การสร้างอสังหาริมทรัพย์ หรือบริษัทที่ทําแฟรนไชส์ หรือการตลาดแบบหลายชั้น - แต่ความจริงก็คือ ความร่ำรวยที่แท้จริงของคุณอยู่ในเรื่องราวของคุณ งานอดิเรกและสิ่งที่คุณสนใจไม่ใช่ไร้ประโยชน์ มันคือขุมทอง ความรัก ในบางสิ่งของคุณไม่ใช่ความไร้สาระ มันคือขุมพลังที่ดีที่สุดเท่าที่คุณเคยมี คุณเป็นผู้นําในแวดวงใดแวดวงหนึ่งอยู่แล้ว คุณมีตัวอย่างของคนที่คุณเคยช่วย ทีมที่คุณเคยสร้าง และประโยชน์ที่คุณเคยทําอยู่แล้ว คุณต้องใช้สิ่งที่คุณมีอยู่ให้เป็นประโยชน์และทําให้มันดีขึ้น 7.คนที่ประสบความสําเร็จกับอสังหาริมทรัพย์ ชอบการซื้อขายอสังหามาตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาจะรวยเพราะมัน....คนที่ประสบความสําเร็จในการซื้อขายเงินตรา สนุกกับอัตราแลกเปลี่ยนที่ ขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่หลายปี ก่อนที่จะได้ผลตอบแทนอย่างที่เห็น 8.ทำไมคนเราถึงแสดงตัวเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลไม่ได้.......เหตุผลไม่ใช่เพราะพวกเขาไร้ความสามารถ หรือไม่มีประโยชน์อะไรมาแลกเปลี่ยน แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่เคยถูกสอนวิธีแสดงตัวในฐานะบุคคลผู้ทรงอิทธิพล พวกเขามักมองไม่ออกว่าตัวเองมีประโยชน์อะไรที่สามารถเสนอออกมาได้ พวกเขาดูขาดความน่าเชื่อถือที่ผู้อื่นตรวจวัดได้ พวกเขาเหนื่อยอ่อน ไม่มีความกระตือรือร้น หรือพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อประสบความสำเร็จทางธุรกิจ บุคคลผู้ทรงอิทธิพลจะไม่ปรากฏตัวแบบนั้น พวกเขามีความชัดเจน น่าเชื่อถือ มีพลัง และดูไม่ต้องการอะไร พวกเขามีพื้นฐานที่มั่นคง จึงสามารถปรากฏตัวอย่างมั่นใจได้ 9.คนจะไม่ซื้อของ จนกว่าของสิ่งนั้นจะช่วยแก้ปัญหาบางอย่าง พวกเขาอาจไม่พูดออกมาตรงๆ พวกเขาอาจใช้คำว่าความจำเป็น ความต้องการ หรือความปรารถนา แต่ความจริงคือพวกเขาซื้อเฉพาะสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการที่ไม่ได้รับ 10.ไอเดียที่ไม่ได้แก้ปัญหาด้วยวิธีที่ดีกว่าวิธีที่ทำกันอยู่ ถือว่าไม่มีคุณค่าแต่อย่างใด การนำเสนอไอเดียจะไร้ค่า ถ้าคุณไม่เข้าใจว่าคุณสามารถแก้ปัญหาอะไรได้ 11.ข้อตกลงไม่มีทางเกิดขึ้นหากทั้งสองฝ่ายไม่มีความชอบพอกัน แม้แต่ ข้อตกลงที่สมบูรณ์แบบในทุกแง่ก็ตาม แต่กลับกัน ถ้าทั้งสองฝ่ายพอใจซึ่งกัน และกัน คุณจะพบว่าการทําข้อตกลงนั้นเป็นไปได้โดยง่าย เราจะคุยทุกเรื่องยกเว้นเรื่องธุรกิจ จนกว่าเราจะมั่นใจว่าเราชอบคนคนนั้น และเขาชอบเรา เราไม่ได้ทําสิ่งนี้เป็นลูกเล่นหรือเพื่อเอาใจอีกฝ่าย แต่อยากทําธุรกิจกับคนที่ชอบใจและที่มีความคิดตรงกัน 12.เครือข่าย หมายถึงกลุ่มคนที่แลกเปลี่ยนเรื่องของโอกาสกัน คือการที่คุณ โทร.หาพวกเขา แล้วพวกเขายินดีรับโทรศัพท์ของคุณ และเชื่อว่าคุณมีบางอย่างที่ มีประโยชน์อยากบอกพวกเขา เมื่อคุณเข้าใจเครือข่ายในความหมายนั้นแล้ว ถามตัวเองว่าคุณมีเบอร์ติดต่อของ คนกี่คนที่เข้าข่ายดังกล่าว? มีกี่คนที่คุณมักแลกเปลี่ยนเรื่องของโอกาสกับพวกเขาเป็นประจำ? 13.ยกตัวอย่างการประยุกต์จากตลาดเฉพาะ (Niche Market) มาเป็นตลาดเฉพาะขนาดจิ๋วแทนเพื่อสู้กับการแย่งลูกค้ามาได้ ตลาดเฉพาะ: เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ตลาดเฉพาะขนาดจิ๋ว: แฟชั่นพร้อมคําคมสร้างแรงบันดาลใจ เสื้อ แจ็คเก็ต “หนัง” ที่ไม่ได้ทําจากหนัง, หรือคำแนะนําเรื่องแฟชั่นสำหรับซีอีโอ ตลาดเฉพาะ: การท่องเที่ยวและการใช้ชีวิต ตลาดเฉพาะขนาดจิ๋ว: การท่องเที่ยวสําหรับ LGBTQ+ การล่องเรือ สําหรับผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไป การติดตามการแข่งรถฟอร์มูล่าวันหนึ่งปีเต็ม การดำน้ำลึกเพื่อซ่อมแซมแนวปะการัง การเป็นที่หนึ่งของวงการ ส่วนหนึ่งคือการเป็นที่รู้จักในสื่อโซเชียล ต้องพร้อมที่จะเป็นที่รู้จักของคนอื่น เพื่อจะได้รู้จักพันธมิตรคนอื่นๆในการร่วมมือกันนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการเฉพาะด้านที่ยกระดับเหนือกว่าคนอื่น เราทำงานคนเดียวมันไม่สามารถยกระดับอะไรได้หรอก จุดอ่อนของหนังสือเล่มนี้คือการยกตัวอย่างที่ข้ามรายละเอียดไป เพื่อสงวนความลับทางธุรกิจของเจ้าตัว ทำให้การปรับใช้ในบริบทของคนไทยค่อนข้างยากหน่อย แต่การเริ่มต้นมักยากเสมอ ขอแค่ให้ได้เริ่ม มันก็จะหาทางไปต่อได้เอง หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่เรื่องของการทำงานประจำ แต่เป็นการยกระดับตัวเองจากคนที่รู้เรื่องแบบเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ...แล้วทำเงินจากมัน ด้วยการมีเครือข่ายของผู้ประกอบการคนอื่นที่น่าเชื่อถือมาร่วมงานกับเรา เครดิตภาพ ภาพปก โดย Janez Temlin จาก pexels.com ภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียน ภาพที่ 3 โดย Dwi Setyo จาก pexels.com ภาพที่ 4 โดย Pixabay จาก pexels.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิวหนังสือ ENTREPRENEUR REVOLUTION รีวิวหนังสือ เปลี่ยนสันดาน สร้างอิสรภาพทางการเงิน รีวิวหนังสือ ขาย 100 คน ซื้อ 99 คน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !