Arc the Lad 3 เนี่ยนะ เป็นภาคปิดตำนานไตรภาคบนเครื่อง PlayStation ที่ผมโคตรรอคอยเลยล่ะ! ไอ้เราก็แฟนพันธุ์แท้เกมนี้ตั้งแต่ภาคแรกๆ ภาคนี้ออกในปี 1999 โดยทีมสร้าง G-Craft และ Sony Computer Entertainment เจ้าเก่า ถามว่ามันส์สะใจเหมือนภาคก่อนๆ มั้ย? บอกตรงๆ ว่า "ไม่" แต่ถามว่ามีอะไรให้คิดถึงมั้ย? บอกเลยว่า "มี!" วันนี้ผมจะพาทุกคนไปย้อนวันวานกับเกมนี้ ขุดความทรงจำเก่าๆ มาเล่าสู่กันฟัง แบบเพื่อนคุยกับเพื่อนเลยนะ เกริ่นนำแบบบ้านๆ: หลังจากความมันส์ระดับสุดยอดของ Arc the Lad 2 ที่ทิ้งปมไว้ให้เราคิดต่อแบบค้างคา ภาค 3 นี่แบบ... ผมคาดหวังไว้สูงมากกกก เพราะภาค 2 สำหรับผมคือหนึ่งในเกม RPG ที่โคตรรักเลย แต่พอได้เล่น Arc the Lad 3 ครั้งแรกนะ อารมณ์แบบ... "ห้ะ? แค่นี้เหรอ?" มันเหมือนมีอะไรบางอย่างหายไปอ่ะ แต่เชื่อไหม? เกมนี้ก็ยังมีความสนุกแบบแปลกๆ และความทรงจำที่ผมอยากจะเล่าให้ทุกคนฟังอยู่ดี เนื้อเรื่อง: จากนักล่าฝึกหัด สู่การผจญภัยที่ (น่าจะ) ยิ่งใหญ่ Arc the Lad 3 เปิดตัวเราให้รู้จักกับ อเล็กซ์ (Alec) เด็กหนุ่มไฟแรง สมาชิกใหม่เอี่ยมของ Hunter's Guild มีความฝันอยากจะเป็นนักล่าสมบัติระดับเทพ ประมาณว่าอยากเก่ง อยากเท่ อยากดัง อะไรประมาณนั้น การผจญภัยของอเล็กซ์เริ่มต้นจากหมู่บ้านเล็กๆ ที่โคตรจะธรรมดา ก่อนจะค่อยๆ พาเราออกไปผจญภัยในโลกกว้าง แน่นอนว่าระหว่างทางเขาก็ได้เจอเพื่อนร่วมทาง ไม่ว่าจะเป็น ลุทซ์ (Lutz) นักดาบสายเงียบ พูดน้อยต่อยหนัก เชอริล (Cheryl) สาวน้อยที่ดูร่าเริงสดใส และ ลีซ่า (Lieza) อัศวินสาวสุดแกร่ง ที่มาพร้อมความจริงจัง (และอาจจะซึนเดเระนิดๆ?) เอาจริงๆ ตอนแรกผมก็คิดนะว่าเนื้อเรื่องภาคนี้มันดู... จืดๆ ไปหน่อย เหมือนขาดอะไรสักอย่างที่มันจะมาจุดประกาย ถ้าเทียบกับภาคก่อนๆ ที่มีทั้งวิกฤตการณ์ระดับโลก ปริศนาดำมืดชวนให้ขบคิด ภาคนี้มันดูเบาหวิวไปเลย แต่! หลังจากได้ทำความรู้จักอเล็กซ์และเพื่อนๆ มากขึ้น ผมกลับเริ่มรู้สึกว่า เฮ้ย! มันก็มีเสน่ห์ในแบบของมันนะ จากความฝันอันเรียบง่าย ค่อยๆ เผยปมที่ซ่อนอยู่: ใช่ครับ เป้าหมายแรกของอเล็กซ์คือการเป็นนักล่าที่เก่งกาจ มันดูธรรมดา ดูไม่มีอะไรหวือหวา แต่พอเล่นไปเรื่อยๆ เราจะเริ่มเห็นว่าภายใต้ความสดใสของอเล็กซ์ มันมีปมบางอย่างซ่อนอยู่ ความทรงจำที่หายไป ความลับเกี่ยวกับตัวเขา มันค่อยๆ เผยออกมาทีละนิด เหมือนจิ๊กซอว์ที่ค่อยๆ ต่อกันเป็นรูปเป็นร่าง จากแค่ "อยากเก่ง" มันเริ่มกลายเป็น "ฉันเป็นใครกันแน่?" ตรงนี้แหละที่ผมว่ามันน่าติดตาม มากกว่าการผจญภัย คือการเติบโต: ถึงจะไม่มีภัยร้ายระดับล้างโลก แต่การเดินทางของอเล็กซ์และผองเพื่อนก็ไม่ได้ไร้ความหมายนะ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่างๆ เรียนรู้ที่จะร่วมมือกัน ผ่านทั้งเรื่องราวที่สนุกสนานและเจ็บปวด มันเหมือนกับการเติบโตของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่ค่อยๆ เรียนรู้โลก เรียนรู้ที่จะเป็นผู้ใหญ่ เรียนรู้ที่จะแบกรับความรับผิดชอบ สรุปแล้ว เนื้อเรื่องภาคนี้มันอาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการ แต่มันก็มีความอบอุ่น มีความเป็นมนุษย์ เข้าถึงได้ง่าย มันคือการเดินทางของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ตามหาตัวเอง ตามหาความฝัน และเรียนรู้ที่จะเติบโต ถึงมันจะไม่ได้เข้มข้นเท่าภาคก่อนๆ แต่มันก็มีเสน่ห์ในแบบของมันเอง เหมือนกับได้ดูหนัง coming-of-age ดีๆ สักเรื่องหนึ่งเลยล่ะ ระบบการเล่น: มีดีที่ระบบ Guild กับผสมของ ระบบการเล่นหลักๆ ก็ยังเป็นแบบ Tactical RPG สลับตาเดินบนตารางเหมือนภาคก่อนๆ นั่นแหละ แต่ภาคนี้มีอะไรใหม่ๆ เพิ่มเข้ามานะ อย่างระบบ Guild ที่เราสามารถไปรับเควสต่างๆ มาทำ หาเงินหาของ ผมชอบระบบนี้นะ มันทำให้รู้สึกเหมือนเป็นนักล่าจริงๆ ได้ออกไปลุย สำรวจโลกของเกมมากขึ้น อีกระบบที่ชอบคือระบบ Synthesis ที่เอาของต่างๆ มาผสมกันได้ อันนี้ก็สนุกดี ทำให้การเก็บไอเทมมันดูมีค่ามากขึ้น ได้ลองผสมของใหม่ๆ ลุ้นดี แต่ระบบต่อสู้นี่แบบ... ง่ายกว่าภาคก่อนๆ เยอะเลยอ่ะ ศัตรูส่วนใหญ่ไม่ค่อยเก่ง บอสบางตัวก็ชนะได้ง่ายๆ ด้วยวิธีเดิมๆ ทำให้รู้สึกว่ามันไม่ค่อยท้าทายเท่าไหร่ เล่นไปบางทีก็แอบเบื่อเหมือนกันนะ มันซ้ำๆ อ่ะ กราฟิกกับเพลงประกอบ: เก่าไปนิด แต่เพลงเพราะนะ กราฟิกของภาคนี้ก็ยังเป็นแบบ 2D ผสมกับฉากหลัง 3D เหมือนเดิม ซึ่งถ้าพูดตามตรงก็คือมันเก่าแล้วอ่ะ แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ของซีรีส์นี้ไว้นะ ตัวละครอะไรก็ออกแบบมาสวยดี แต่ฉากหลังบางฉากมันดูโล้นๆ ไปหน่อย ขาดรายละเอียด ส่วนตัวผมว่ากราฟิกภาคนี้ก็ "พอดูได้" แหละ มันไม่ได้สวยว้าวอะไร แต่ก็ไม่ได้แย่จนดูไม่ได้ มันก็มีความคลาสสิกแบบเกม RPG เก่าๆ อยู่ ส่วนเพลงประกอบนี่ผมว่าทำได้ดีเลยนะ เพลงแต่ละฉากเข้ากับบรรยากาศ ช่วยให้เล่นแล้วอินขึ้น แต่บางเพลงก็อาจจะฟังบ่อยจนแอบเบื่อหน่อยๆ โดยรวมผมชอบเพลงประกอบเกมนี้มากกว่ากราฟิกนะ ประสบการณ์การเล่นแบบคนเคยเล่น ครั้งแรกที่ผมเล่น Arc the Lad 3 นี่นะ เต็มไปด้วยความคาดหวังและความผิดหวังผสมปนเปกันไปหมด ตื่นเต้นที่จะได้เล่นบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมด แต่ก็ผิดหวังกับ ระบบต่อสู้ที่ง่ายเกิ๊น แต่พอได้เริ่มโฟกัสกับเนื้อเรื่องและเข้าใจถึงแก่นแท้ที่ผู้สร้างต้องการสือถึง มันก็ทำให้ผมเริ่มสนุกไปกับการผจญภัยของ อเล็กซ์และผองเพื่อน สนุกไปกับเนื้อเรื่องที่ค่อยๆ เปิดเผยปมต่างๆ ออกมาที่ละนิด แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเล่นจนจบนะ เพราะติดใจระบบ Guild กับระบบผสมของ มันดึงดูดให้เล่นต่อได้ พอมาเล่นรอบสองรอบสาม ผมก็เริ่มมองข้ามข้อเสียบางอย่างไป แล้วก็มาสนุกกับส่วนที่ชอบแทน สนุกกับการทำเควส เดินสำรวจโลกในเกม ผสมของใหม่ๆ เริ่มรู้สึกชอบรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ซ่อนอยู่ในเกม พวกบทสนทนาของชาวเมือง เรื่องราวเบื้องหลังของตัวละครบางตัว การเล่น Arc the Lad 3 สำหรับผมก็เหมือนการเดินทางที่มีทั้งขรุขระและราบเรียบ มีทั้งช่วงที่เบื่อและช่วงที่สนุก มันไม่ใช่เกมที่เพอร์เฟคอะไร แต่ก็มีความทรงจำดีๆ อยู่ในนั้นเยอะเหมือนกัน บทส่งท้าย Arc the Lad 3 อาจจะไม่ใช่ภาคที่ดีที่สุดในซีรีส์ แต่ก็ไม่ใช่เกมที่แย่เลยนะ มันมีทั้งดีและไม่ดีปนๆ กันไป แต่สิ่งที่สำคัญคือมันเป็นเกมที่มี "ความทรงจำ" อ่ะ เนื้อเรื่องอาจจะไม่สุด แต่ก็มีความหมายในแบบของมัน ระบบการเล่นอาจจะง่ายไป แต่ก็ยังเล่นได้เพลินๆ สำหรับผม Arc the Lad 3 เหมือนเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนาน อาจจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่ก็ยังคงมีอะไรบางอย่างที่ทำให้คิดถึง เป็นเกมที่ผมคงจะจดจำไปอีกนาน ถึงมันจะไม่ใช่เกม RPG ที่ดีที่สุดที่เคยเล่น แต่มันก็เป็นเกมที่มีความหมายสำหรับผมเกมหนึ่งเลยล่ะ ถ้าคุณเป็นแฟน Arc the Lad ภาคเก่าๆ ผมว่าลองเล่นภาคนี้ดูก็ได้นะ ถึงมันจะไม่ดีเท่าภาค 2 แต่ก็ยังมีกลิ่นอายของซีรีส์นี้อยู่ แต่ถ้าคุณเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ ผมแนะนำให้ไปลองเล่นภาค 2 ก่อนดีกว่า เพราะภาค 3 นี่อาจจะทำให้คุณรู้สึก "อิหยังวะ" ได้ ผมขอให้คะแนนที่ 7/10 ละกัน เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !