10 ทริคทำสวนผักในบ้าน ช่วยลดขยะต้นทาง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อ่านต่อเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ในยุคที่ปัญหาขยะล้นเมืองและค่าครองชีพสูงขึ้นเรื่อยๆ หลายครัวเรือนเริ่มหันมาปลูกผักกินเอง เพื่อลดค่าใช้จ่ายและมั่นใจในความปลอดภัยของอาหาร แต่สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้ คือ การปลูกผักในบ้านสามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ เพราะเราสามารถเปลี่ยนเศษอาหาร เศษใบไม้ และแม้แต่น้ำที่เคยทิ้งให้เสียเปล่า ให้กลับมามีคุณค่าอีกครั้งได้ แถมยังช่วยให้ผักเติบโตแข็งแรงได้ โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีหรือปุ๋ยเคมีมากเกินไป โดยหลายคนยังไม่รู้ว่า การทำสวนผักจึงไม่ใช่แค่กิจกรรมยามว่าง แต่ยังเป็นทางออกที่ช่วยเราดูแลทั้งสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน และการทำสวนผักแบบที่มีส่วนช่วยลดขยะได้ตั้งแต่ต้นทางนั้น สามารถเริ่มต้นได้จากเรื่องเล็กๆ ในชีวิตประจำวันของเราค่ะ โดยมีหลายวิธีการมากๆ ที่มีส่วนทำให้สวนผักของเรากลายเป็นจุดเริ่มต้นของวงจรปิด ที่ทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดปริมาณขยะ และสร้างความสุขให้ครอบครัวได้ใช้เวลาใกล้ชิดธรรมชาติทุกวัน โดยเมื่ออ่านจบแล้วคุณผู้อ่านจะมองเห็นภาพใหญ่และเข้าใจมากขึ้น จนสามารถเลือกแนวทางเพื่อไปเริ่มต้นลงมือทำได้ทันทีค่ะ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น งั้นเรามารู้จักไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า กับแนวทางที่น่าสนใจดังต่อไปนี้ 1. ใช้เศษผักผลไม้ทำปุ๋ยหมัก การนำเศษผักผลไม้และเศษอาหารที่ย่อยสลายได้มาทำปุ๋ยหมัก เป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้ขยะเปียกลดลง และยังได้ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพดีไว้ใช้ในสวนผักของเราค่ะ โดยเราสามารถใช้ถังพลาสติกที่มีฝาปิดหรือถังหมักสำเร็จรูป ตั้งไว้ในมุมบ้านที่มีอากาศถ่ายเทและไม่รบกวนเพื่อนบ้าน การทำปุ๋ยหมักต้องใส่เศษอาหารสลับกับวัสดุแห้ง เช่น ใบไม้แห้ง แกลบ หรือเศษกระดาษฉีก เพื่อควบคุมความชื้นไม่ให้เปียกเกินไป จากนั้นหมั่นคนหรือกลับกองปุ๋ยทุก 2-3 วัน เพื่อให้อากาศเข้าและช่วยให้การย่อยสลายเร็วขึ้น เมื่อหมักได้ประมาณ 30-45 วัน เศษอาหารจะเปลี่ยนเป็นปุ๋ยสีเข้ม มีกลิ่นหอมดิน ที่พร้อมใช้งานต่อจากนั้นค่ะ การทำปุ๋ยหมักเองไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปทิ้ง แต่ยังลดกลิ่นเหม็นและปัญหาแมลงในครัวเรือนได้ดี ปุ๋ยที่ได้มีสารอาหารครบถ้วน ช่วยให้ผักที่ปลูกแข็งแรง โตเร็ว และให้ผลผลิตที่ปลอดภัยจากสารเคมี การหมักปุ๋ยยังทำให้เราตระหนักถึงปริมาณขยะที่สร้างในแต่ละวัน และค่อยๆ ปรับพฤติกรรมการใช้วัตถุดิบให้พอดีมากขึ้น ถือเป็นการเริ่มต้นทำสวนผักในบ้านอย่างยั่งยืน และช่วยให้ครอบครัวได้มีส่วนร่วมดูแลสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันค่ะ 2. เก็บน้ำล้างข้าวและน้ำต้มผักมารดต้นไม้ หลายคนยังมองไม่ออกว่า เราสามารถเก็บน้ำล้างข้าวหรือน้ำต้มผักมาใช้รดต้นไม้ได้ ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและช่วยลดการสูญเสียน้ำโดยเปล่าประโยชน์ เพราะน้ำล้างข้าวมีสารอาหารหลักที่จำเป็นสำหรับพืช ที่ช่วยบำรุงดินให้ผักเจริญเติบโตและแข็งแรง ใบเขียวสวย และให้ผลผลิตดก เพียงเทน้ำล้างข้าวใส่ภาชนะสะอาดเก็บไว้ แล้วนำมารดผักในตอนเช้าหรือเย็น เพื่อป้องกันการเกิดกลิ่นบูดและให้พืชดูดซึมได้เต็มที่ ส่วนการนำน้ำต้มผักมาใช้ก็ควรรอให้เย็นสนิทก่อน และควรหลีกเลี่ยงน้ำที่มีการปรุงรสเค็มหรือน้ำมันผสม ซึ่งนอกจากจะช่วยบำรุงต้นไม้แล้ว การนำน้ำเหล่านี้กลับมาใช้ซ้ำยังช่วยประหยัดค่าน้ำประปา และลดปริมาณน้ำเสียที่ไหลลงท่อโดยไม่จำเป็น ทำให้การใช้น้ำในบ้านมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมี เพราะดินได้รับธาตุอาหารตามธรรมชาติอยู่เสมอ ที่ถือว่าเป็นการจัดการทรัพยากรที่ฉลาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง เพราะบ้านเราจะมีสวนผักที่งอกงามโดยแทบไม่ต้องพึ่งสารเร่งใดๆ เลยค่ะ 3. เลือกใช้กระถางและภาชนะรีไซเคิล ถ้าเรามีการใช้กระถางหรือภาชนะรีไซเคิลในการทำสวน นั่นป็นวิธีลดขยะที่ทำได้ทันทีในบ้านเราค่ะ โดยเราสามารถดัดแปลงขวดน้ำพลาสติก กระป๋องนม ถุงผงซักฟอก หรือแม้แต่ถังเล็กที่ไม่ใช้แล้วในบ้าน ให้กลายเป็นกระถางปลูกผักได้อย่างง่ายดายได้ เพียงล้างให้สะอาดแล้วเจาะรูระบายน้ำที่ก้นภาชนะ เพื่อป้องกันรากเน่าจากความชื้นเกินไป หากอยากให้ดูสวยงาม สามารถตกแต่งภาชนะด้วยการทาสีหรือติดลวดลายให้เข้ากับสไตล์สวนผักของเราได้ การใช้ของเหลือในบ้านมาทำกระถางช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และทำให้เราได้ออกแบบสวนในแบบเฉพาะตัว นอกจากนี้การใช้ภาชนะรีไซเคิลยังช่วยลดการผลิตกระถางพลาสติกใหม่ ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ทางอ้อม เราอาจใช้เป็นกิจกรรมสร้างสรรค์กับคนในครอบครัว โดยให้เด็กๆ ช่วยตกแต่งกระถาง ถือเป็นการสอนเรื่องการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และสร้างความผูกพันกับสวนผักไปพร้อมกัน เมื่อมองไปรอบสวนแล้วเห็นกระถางที่เราสร้างเอง จะทำให้เรารู้สึกภูมิใจและมีกำลังใจดูแลผักให้เจริญงอกงามมากขึ้นด้วยค่ะ 4. วางแผนปลูกให้พอดีกับการบริโภค อีกแนวทางที่น่าคิด คือ การวางแผนปลูกผักให้สอดคล้องกับปริมาณการบริโภคของครอบครัวค่ะ เพราะเป็นหัวใจสำคัญของการทำสวนผักแบบไม่เหลือทิ้ง โดยเราควรเริ่มจากการสังเกตว่าในแต่ละสัปดาห์ครอบครัวเรากินผักชนิดใดบ่อยที่สุด เช่น ผักกาดหอม โหระพา หรือผักชี แล้วคำนวณปริมาณที่ต้องใช้ เพื่อปลูกในจำนวนที่เพียงพอไม่มากเกินไป ซึ่งการปลูกแบบสลับรุ่นหรือปลูกทีละช่วงห่างกัน 1-2 สัปดาห์ จะทำให้เราเก็บกินได้ต่อเนื่อง ไม่เกิดปัญหามีผักพร้อมกันมากจนเกินความจำเป็น การปลูกให้พอดียังช่วยประหยัดทรัพยากรอย่างดิน ปุ๋ย และน้ำ เพราะเราใช้ทุกอย่างอย่างมีแผน ไม่สิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น ผักที่ปลูกเองจะมีคุณภาพดีกว่า เพราะเราใส่ใจดูแลอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังช่วยลดขยะจากผักที่เหลือเน่าเสีย การทำสวนแบบมีการวางแผนจึงเป็นแนวทางที่ทำให้ครัวเรือนเรายั่งยืน ทั้งในแง่สิ่งแวดล้อมและค่าใช้จ่ายค่ะ 5. ปลูกสมุนไพรไล่แมลงแทนการใช้สารเคมี การปลูกสมุนไพรที่มีคุณสมบัติไล่แมลง เป็นวิธีธรรมชาติที่ช่วยปกป้องสวนผักโดยไม่ต้องพึ่งพาสารเคมีค่ะ โดยเราสามารถเลือกสมุนไพรอย่างโหระพา ตะไคร้หอม ดาวเรือง กะเพรา หรือสะระแหน่ ปลูกสลับกับผักในกระถางหรือแปลงผักได้ กลิ่นหอมของสมุนไพรเหล่านี้จะช่วยรบกวนการรับกลิ่นของแมลงศัตรูพืช ทำให้ลดการเข้าทำลายของเพลี้ย แมลงวันทอง และหนอนผีเสื้อได้ดี เทคนิคนี้เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการผักปลอดภัย กินได้สบายใจ และเหมาะกับผู้ที่แพ้สารเคมีหรือมีเด็กเล็กในบ้าน นอกจากการป้องกันแมลงแล้ว สมุนไพรเหล่านี้ยังเพิ่มความสวยงามและความหลากหลายในสวนผัก ทำให้มุมปลูกผักดูมีชีวิตชีวามากขึ้น อีกทั้งยังสามารถเก็บเกี่ยวมาปรุงอาหารหรือทำชาสมุนไพรได้ ช่วยลดการซื้อสมุนไพรจากตลาดที่มักบรรจุในถุงพลาสติก ถือเป็นการลดขยะตั้งแต่ต้นทางและใช้ทรัพยากรในบ้านให้คุ้มค่า การปลูกสมุนไพรไล่แมลงจึงเป็นทั้งการดูแลพืช ดูแลสุขอนามัย และดูแลโลกในเวลาเดียวกันค่ะ 6. เก็บเมล็ดพันธุ์จากผักที่ปลูกเอง คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า การเก็บเมล็ดพันธุ์จากผักที่เราปลูกเอง เป็นวิธีที่ช่วยลดค่าใช้จ่าย และทำให้เราได้ผักที่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในบ้านเราได้ดีที่สุด โดยเมื่อผักออกดอกหรือให้ผล เราสามารถเลือกเก็บเมล็ดจากต้นที่แข็งแรงและให้ผลผลิตดี โดยเก็บเมล็ดให้แห้งสนิทก่อนนำมาเก็บในซองกระดาษหรือขวดแก้วปิดสนิท พร้อมติดป้ายชื่อและวันที่เก็บ การทำเช่นนี้ช่วยให้เรามีเมล็ดพันธุ์พร้อมปลูกในรอบถัดไปโดยไม่ต้องซื้อใหม่ การเก็บเมล็ดพันธุ์ยังทำให้เรารู้สึกเชื่อมโยงกับวงจรชีวิตของพืชมากขึ้น และสามารถสอนเด็กๆ ในบ้าน ให้เห็นกระบวนการเจริญเติบโตตั้งแต่เมล็ดจนถึงการออกดอกผล นอกจากนี้ยังช่วยลดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่มากับการซื้อเมล็ดพันธุ์บ่อยๆ และเป็นการสร้างความมั่นคงด้านอาหารในครัวเรือน เพราะเราสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์เองได้อย่างต่อเนื่องค่ะ 7. ใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทนปุ๋ยเคมี การเลือกใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทนปุ๋ยเคมีเป็นวิธีดูแลดินที่ยั่งยืน และช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศในสวนผักของเราค่ะ เพราะปุ๋ยอินทรีย์ก็มีธาตุอาหารหลากหลายที่ค่อยๆ ปลดปล่อยให้พืชดูดซึม ทำให้ต้นผักเจริญเติบโตได้อย่างสมดุลและไม่เสี่ยงต่อการสะสมไนเตรตในดินเหมือนปุ๋ยเคมี นอกจากนี้ปุ๋ยอินทรีย์ยังช่วยให้ดินร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี และเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดิน ทำให้ผักแข็งแรงและต้านทานโรคได้ดีกว่า การใช้ปุ๋ยอินทรีย์อย่างสม่ำเสมอยังช่วยให้เราลดการพึ่งพาปุ๋ยเคมี ที่อาจทำให้ดินเสื่อมสภาพในระยะยาว และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะไม่มีสารเคมีปนเปื้อนลงแหล่งน้ำ เราสามารถทำปุ๋ยอินทรีย์เองได้ง่ายๆ จากเศษอาหารในครัว เช่น ปุ๋ยหมัก เศษใบไม้ หรือปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ ถือเป็นการปิดวงจรของเสียในบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด และทำให้การปลูกผักของเราเป็นมิตรต่อโลกอย่างแท้จริงค่ะ 8. ใช้น้ำฝนหรือน้ำจากเครื่องปรับอากาศรดผัก หลายคนอาจยังมองไม่ออกว่า การเก็บน้ำฝนไว้ใช้รดผักเป็นวิธีที่ประหยัดและดีต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก เพราะน้ำฝนไม่มีคลอรีนเหมือนน้ำประปา ทำให้พืชดูดซึมได้ง่ายเจริญเติบโตได้ดีและแข็งแรง โดยเราสามารถติดตั้งถังรองน้ำฝนจากรางน้ำหรือหลังคาบ้าน แล้วเก็บไว้ใช้ในวันที่ฝนไม่ตก เพื่อให้สวนผักได้รับน้ำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้น้ำที่หยดจากเครื่องปรับอากาศ ก็สามารถเก็บใส่ถังสะอาดแล้วนำมารดต้นไม้ได้ค่ะ โดยเฉพาะในหน้าร้อนที่การใช้น้ำประหยัดถือว่าสำคัญมาก ซึ่งการนำน้ำฝนและน้ำจากแอร์มาใช้ซ้ำไม่เพียงช่วยลดค่าน้ำ แต่ยังลดปริมาณน้ำเสียที่จะไหลลงท่อโดยไม่จำเป็น ทำให้การใช้น้ำในบ้านคุ้มค่ามากขึ้น แต่เราควรตรวจสอบให้ภาชนะเก็บน้ำสะอาดและมีฝาปิด เพื่อป้องกันยุงหรือสิ่งสกปรกตกลงไป วิธีนี้เป็นอีกหนึ่งแนวทางทำให้สวนผักของเราเป็นมิตรกับโลก และช่วยประหยัดทรัพยากรในครัวเรือนอย่างแท้จริงค่ะ 9. ใช้เศษใบไม้และหญ้าเป็นวัสดุคลุมดิน ทุกคนรู้ไหมคะว่า การใช้เศษใบไม้และหญ้าที่หาได้รอบบ้านมาคลุมดิน เป็นเทคนิคที่ง่ายและคุ้มค่ามาก เพราะช่วยรักษาความชื้นในดิน ลดการรดน้ำบ่อย และป้องกันการงอกของวัชพืชที่แย่งธาตุอาหารในดินกับผักของเรา เพียงเก็บใบไม้แห้งหรือหญ้าที่ตัดแล้วมาตากแดดให้หมาด ก่อนนำมาวางคลุมรอบโคนต้นผักในกระถางหรือแปลงปลูก ให้มีความหนาที่เหมาะสมประมาณ 3-5 เซนติเมตร เพื่อให้ดินไม่อับชื้นจนเกินไป เมื่อคลุมดินแล้วจะสังเกตได้ว่าดินไม่กระเด็นเปื้อนใบผักเวลาเรารดน้ำ ทำให้ผักสะอาดและลดความเสี่ยงการปนเปื้อนสิ่งสกปรกได้ ใบไม้และหญ้าที่คลุมดินเมื่อเวลาผ่านไปจะค่อยๆ ย่อยสลายกลายเป็นอินทรียวัตถุเพิ่มความร่วนซุยให้ดิน ทำให้รากผักเติบโตได้ดีและไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเคมีบ่อย การเก็บเศษใบไม้มาใช้ซ้ำในการทำสวน ยังช่วยลดปริมาณขยะในสวนและลดการเผาใบไม้ที่ก่อให้เกิดควันและมลพิษ ถือเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เหมาะสำหรับบ้านที่อยากปลูกผักแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและดูแลโลกใบนี้ในเวลาเดียวกันค่ะ 10. แปรรูปผลผลิตที่เก็บไม่ทันกิน การแปรรูปผลผลิตที่เก็บแล้วกินไม่ทัน เป็นวิธีช่วยยืดอายุผักและลดการสูญเสียอาหารได้ดีค่ะ โดยเราสามารถดองผัก ตากแห้ง ทำผักดองน้ำส้มสายชู หรือแช่แข็งไว้ใช้ในอนาคตได้ ผักบางชนิด เช่น ถั่วฝักยาวหรือผักบุ้ง สามารถลวกสุกแล้วเก็บในช่องแช่แข็งได้นาน ทำให้เรามีผักพร้อมใช้ตลอดเวลา การทำแบบนี้ช่วยให้เราไม่ต้องทิ้งผักที่เหลือจนเน่าเสีย และยังทำให้วัตถุดิบในบ้านหมุนเวียนอย่างคุ้มค่า นอกจากนี้การแปรรูปเองที่บ้านช่วยลดการพึ่งพาผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ที่มักใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกและสารกันเสีย เราสามารถควบคุมรสชาติ ปริมาณเกลือ น้ำตาล และเครื่องปรุงต่างๆ ได้เอง ทำให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัยต่อสุขอนามัย การแปรรูปยังเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกับครอบครัวได้ สนุกและสร้างความภูมิใจเมื่อได้กินอาหารที่เราทำเองจากผักที่ปลูกเองค่ะ ที่โดยสรุปแล้วการเริ่มทำสวนผักแบบไม่เหลือขยะนั้น เราไม่จำเป็นต้องทำทุกวิธีพร้อมกันตั้งแต่วันแรกค่ะ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการมองเห็นปัญหาที่แท้จริงในบ้านของเรา โดยควรลองเริ่มจากการสังเกตพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น แต่ละวันเราทิ้งเศษอาหารมากน้อยแค่ไหน มีเศษใบไม้หรือหญ้าที่เผาทิ้งหรือไม่ เรารดน้ำผักแล้วรู้สึกสิ้นเปลืองหรือเปล่า หรือเคยซื้อผักแล้วเหลือจนต้องทิ้งกี่ครั้ง การทำความเข้าใจปัญหาจะทำให้เรารู้ว่าควรเริ่มแก้ที่ตรงไหนก่อน เพราะจุดเริ่มต้นที่เหมาะสมกับแต่ละบ้านอาจแตกต่างกัน บ้านที่มีพื้นที่เล็กอาจเริ่มจากการปลูกสมุนไพรเล็กๆ บนระเบียง ในขณะที่บ้านที่มีพื้นที่กว้างอาจเริ่มทำปุ๋ยหมักได้เลย เมื่อมองเห็นปัญหาแล้ว เราสามารถเลือกทำสิ่งที่ง่ายที่สุดเป็นขั้นแรกก่อน เพื่อสร้างความรู้สึกสำเร็จและมีกำลังใจ ให้ลองเริ่มเก็บน้ำล้างข้าวมารดต้นไม้ทุกวัน หรือเก็บเศษใบไม้มาคลุมดินในกระถางผัก เพราะไม่ต้องลงทุนมาก ไม่ใช้พื้นที่เยอะ และทำได้ทันที เมื่อเราทำจนเป็นนิสัยค่อยขยับไปทำสิ่งที่ต้องวางแผนมากขึ้น เช่น การทำปุ๋ยหมัก การเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกต่อ หรือการหมุนเวียนพืชปลูก การค่อยๆ เพิ่มระดับแบบนี้ทำให้เราสนุก ไม่รู้สึกว่ากำลังแบกรับภาระ และสามารถรักษาพฤติกรรมที่ดีได้นานค่ะ ซึ่งการลงมือทำแม้เพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็มีคุณค่ามากนะคะ เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างระบบนิเวศเล็กๆ ในบ้าน เราจะได้กินผักที่ปลอดภัย สดใหม่ และลดขยะที่ต้องนำออกจากบ้าน ทำให้บ้านสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ผลดีเหล่านี้ยังสะท้อนถึงสุขอนามัยของครอบครัวและคุณภาพชีวิตโดยรวม การเริ่มต้นในวันนี้แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่จะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เราพัฒนาสวนผักของเรา ให้สมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ และสร้างผลดีต่อโลกใบนี้ในระยะยาวค่ะ เพราะโดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนก็ได้เริ่มจากจุดที่เป็นไปได้ก่อนเหมือนกันนะคะ ตั้งแต่การนำถังน้ำเก่าที่รั่ว กะละมังแตก ถังสีมาเจาะรู และอื่นๆ ตามแต่จะหาได้ในตอนนั้น มาทำเป็นกระถางสำหรับปลูกผักค่ะ พอปลูกมาได้สักระยะหนึ่ง ก็เริ่มเรียนรู้ว่าผักชนิดไหนให้เมล็ดเยอะ ผักชนิดไหนเกิดเองได้ ผักชนิดไหนขยายพันธุ์ได้เองแบบไม่ต้องซื้อมาเพาะใหม่ และจริงค่ะ ลดการเกิดขยะจากบรรจุภัณฑ์ของพันธุ์ผักที่เราต้องซื้อใหม่ได้ ซึ่งถ้าจะพูดถึงในส่วนของการกำจัดเศษอาหารนั้น ต้องบอกว่าผู้เขียนทำเป็นปกติมานานแล้วนะคะ ที่ได้คัดแยกขยะเปียกออกจากขยะทั่วไป และนำไปหมักทำปุ๋ยบำรุงดินและพืช โดยในตอนนี้มีผักหลายอย่างพอสมควรค่ะ บางอย่างอาจมีมากไปหน่อย แต่ผู้เขียนใช้การแบ่งปันให้เพื่อนบ้าน เพื่อลดการทิ้งผักไปโดยเปล่าประโยชน์ ว่างๆ ก็นำตะไคร้หรือใบเคยมาทำชาค่ะ ยังไงนั้นคุณผู้อ่านเองก็สามารถนำข้อมูลในบทความนี้ ไปเป็นแนวทางในการลดการเกิดขยะในบ้าน ที่เชื่อมโยงมาหาการทำสวนผักได้ค่ะ ให้ลองเริ่มจากจุดที่เป็นไปได้ก่อนก็ได้ค่ะ และด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากคุณผู้อ่านชื่นชอบเนื้อหาแนวนี้ อย่าลืมกดติดตามหรือบันทึกโปรไฟล์ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดข้อมูลใหม่ๆ ในบทความถัดไป หากสนใจอ่านบทความทั้งหมดของผู้เขียน ก็สามารถกดเข้าไปดูได้จากโปรไฟล์เช่นกันค่ะ #การทำสวนผัก #วิธีจัดการขยะมูลฝอย_ในบ้าน #เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม #ZeroWaste_Thailand เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก AI Generated และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา ถ่ายภาพโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล รีวิวรดน้ำผักและต้นไม้ ด้วยน้ำซาวข้าว ลดการเกิดน้ำเสียได้นะ! วิธีกำจัดเศษอาหารเหลือทิ้ง ให้เป็นปุ๋ยบำรุงดิน ในสวนยางพารา การหมักปุ๋ยใต้ดิน จากเศษอาหารภายในบ้าน ลดปัญหาขยะเปียก เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !