TU ตอนนี้ควร Long หรือ Short?
ข่าววันนี้ เริ่มกันด้วยการเข้าธุรกิจของบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU กันก่อน ซึ่งแบ่งธุรกิจได้ 3 อย่าง ได้แก่ 1.ธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป 2.ธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง แช่เย็น และสินค้าที่เกี่ยวข้อง และ3.ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มและอื่นๆ
หากวิเคราะห์ความเสี่ยงการดำเนินธุรกิจของ TU จะมี 2 ข้อใหญ่ คือ
1.ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทบต่อความเสี่ยงต่อการผลิตและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน และเป็นความเสี่ยงต่อผลประกอบการทางธุรกิจและความเสี่ยงทางการเงิน
2.ความเสี่ยงทางด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและฉับพลันต่อท้องทะเล สัตว์ทะเล และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ที่เป็นธุรกิจหลักของ TU
หลังจากเข้าใจธุรกิจและความเสี่ยงของ TU กันมาพอสมควร เราจะพาไปชมงบไตรมาสที่ 3/64 กันเลย โดยงบดังกล่าวมีกำไรที่ 1,936.8 ล้านบาท ซึ่ง QoQ -17.3% และ YoY -5.8% ขณะที่รายได้แตะ 35,539 ล้านบาท YoY +2.2% ซึ่งรายได้ที่เพิ่มมาจาก ยอดขายอาหารทะเลแช่แข็งและแช่เย็นขยายตัวเพิ่มขึ้น 11% ,ยอดขายธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นที่ 11.4%
แต่รายได้หลังจากอย่างยอดขายกลุ่มอาหารทะเลแปรรูปกลับลดลง 8.0% และยังมีปัจจัยที่น่าห่วงคือ ค่าขนส่งเพราะในไตรมาสที่ 3/64 ค่าใช้จ่ายในการขายทั่วไปและบริหารเพิ่มขึ้น 4.1% หรือคิดเป็น 177 ล้านบาท โดยค่าขนส่งสูงแตะ 468 ล้านบาท แต่ยังดีที่ TU ลดค่าใช้จ่ายทางการตลาดและการบริหาร ทำให้ช่วยลดผลกระทบค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น ทำให้ควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนอนาคต Q4/64 TU มีความเสี่ยงที่เพิ่มเข้ามา คือ ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่า และความเสี่ยงเดิม คือ ค่าขนส่งมีโอกาสเป็นขาขึ้น ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยเป็นความเสี่ยงกดดันกำไรของ TU ประกอบกับทางเทคนิคกราฟ ราคาของ TU สร้างรูปแบบ Descending Triangle
เราจึงแนะนำว่า หากราคาของ TU หลุดแนวรับสำคัญที่ 19.80 บาท นักลงทุนสามารถ Short TUZ21 หรือ TUH21 โดยมีเป้าหมายทำกำไรระยะสั้นที่ 18.5-19 บาท จุด Stop 20.50 บาท
ที่มา : บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน คลาสสิก ออสสิริส จำกัด