หลายคนคงเคยได้ยินมาว่า “ธรรมะก็คือธรรมชาติ” เพราะว่าความหมายที่แท้จริงของธรรมะก็คือความจริงที่มีอยู่ตามธรรมชาติ โดยไม่มีใครไปสร้างมันขึ้นมา แต่ก็ยังเกิดความสับสนอยู่ว่าอะไรคือธรรมชาติบ้าง? วันนี้จึงจะมาอธิบายให้ทุกท่านเข้าใจว่าธรรมชาติมีอะไรบ้าง ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านได้แบ่งธรรมชาติออกเป็น 5 ส่วนด้วยกันดังนี้1. อุตุนิยาม ภาพจาก pexels.comเป็นกฎธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่าง ๆ เช่น การทำงานของดินน้ำลมไฟ การกำเนิดของจักรวาล การเกิดฝนตก เป็นต้น ซึ่งกฎธรรมชาติเหล่านี้เป็นต้นกำเนิดของวิชาฟิสิกส์ต่าง ๆ2. พีชนิยามภาพจาก pexels.comเป็นกฎธรรมชาติที่เกี่ยวกับร่างกายของมนุษย์ สัตว์ และพืช รวมไปถึงการเจริญเติบโตทั้งหลาย ทั้งสิ่งมีชีวิตที่มีวิญญาณตั้งอาศัยและไม่มีวิญญาณตั้งอาศัย กฎธรรมชาติเหล่านี้เป็นต้นกำเนิดของวิชาชีววิทยาทั้งหลาย3. จิตนิยาม ภาพจาก pixabay.comเป็นกฎธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของจิตสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ตั้งแต่มนุษย์ไปจนถึงสัตว์ที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ เช่น ความรู้สึกเสียใจที่เกิดจาการสูญเสียคนที่รักไป ความรู้สึกโกรธที่เกิดจาการได้ยินคนมาดูถูก เป็นต้น4. กรรมนิยาม ภาพจาก pixabay.comคือกฎแห่งการกระทำและผลของการกระทำ มีทั้งที่วิทยาศาสตร์สามารถอธิบายได้ เช่น การที่เราหมั่นออกกำลังกายผลที่ได้ก็คือร่างกายแข็งแรง และที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้ เช่น การพบเจอกันของคนสองคน มันไม่มีเหตุมีผลที่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมสองคนนี้ถึงมาเจอกันได้5. ธรรมนิยาม ภาพจาก pixabay.comคือกฎไตรลักษณ์ได้แก่ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ซึ่งนับเป็นกฎที่ใหญ่ที่สุด กล่าวคือ ไม่มีสิ่งใดที่เกิดขึ้นแล้วอยู่เที่ยงแท้ถาวร ทุกสิ่งล้วน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป และไม่มีสิ่งใดที่เป็นของเราแม้กระทั่งร่างกายเรา วันหนึ่งก็ต้องดับสิ้น ย่อยสลายไปรวมกับธรรมชาติเป็นธรรมดา กฎธรรมชาติ 5 ส่วนนี้ทำงานร่วมกัน ไม่ได้แยกส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นอย่างใด ตัวอย่างเช่น หากคุณเดินไปตากฝนจนป่วย อันแรกที่เกี่ยวข้องคือ ฝนทำงานตามปรากฏการณ์, อันที่ 2 คือเอาร่างกายเข้าไปตากฝน, อันที่ 3 เพราะมีจิตใจที่อ่อนแอจึงทำให้ป่วยมากขึ้น, อันที่ 4 คือเพราะไปตากฝนจึงป่วย และอันที่ 5 อาการป่วยนี้ไม่ได้คงอยู่ตลอดไปหากกินยารักษาก็หายได้ในที่สุดภาพจาก pixabay.com ฉะนั้นหากเราเข้าใจทั้ง 5 ตัวนี้ เราก็จะรู้ว่าเราเป็นแค่เงื่อนไขหนึ่งในกฎนี้ ทุกสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับเรา มันไม่ได้มีปัจจัยจากแค่ตัวเราเพียงอย่างเดียว ทุกอย่างล้วนอาศัยเชื่อมโยงกัน ซึ่งความเข้าใจนี้มีประโยชน์อย่างมาก เราจะไม่หวั่นไหวกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น เช่น หากคุณประสบความสำเร็จคุณก็จะไม่ลำพองใจเกินไป เพราะคุณรู้ดีว่าทุกอย่างมันเชื่อมโยงเข้าหากันมันไม่ได้มาจากความสามารถคุณเพียงคนเดียว หรือหากล้มเหลวก็ไม่โทษตัวเองจนเกินไป เพราะคุณเข้าใจแล้วว่าทุกอย่างเป็นธรรมดา มันเกิดขึ้นตาม “ธรรมชาติ”ภาพปกจาก pixabay.com