สตาร์ตอัปของบิล เกตส์ สนับสนุนการสร้างเชื้อเพลิงเครื่องบินจากเอทานอลเชิงพาณิชย์
การลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในโลกในปัจจุบัน สำหรับรถยนต์นั้นมีการพัฒนาเชื้อเพลิงที่ผสมด้วยแอลกอฮอล์ หรือที่รู้จักในนามของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ที่ผสมเอทานอลเข้าไปเพื่อลดการใช้น้ำมันดิบ หรือแม้แต่การพัฒนาน้ำมันจากแอลกอฮอล์ล้วน ๆ แต่สำหรับเครื่องบินนั้นถือเป็นเรื่องใหม่มาก และผู้ที่จะทำให้เรื่องใหม่ที่ว่านี้เป็นจริงก็มาจากฝีมือของบริษัท เบรกทรูว์ เอเนอจี้ (Breakthrough Energy) ที่บิล เกตส์ (Bill Gates) มหาเศรษฐีคนดังได้ตั้งเอาไว้
บริษัท Breakthrough Energy กับการสนับสนุนพลังงานสะอาด
บิล เกตส์ (Bill Gates) อดีตผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์ (Microsoft) บริษัทซอฟต์แวร์ชื่อดังได้ตั้งปณิธานในการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คน และส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน จึงได้สร้างบริษัท เบรกทรูว์ เอเนอจี้ (Breakthrough Energy) ขึ้นมาในปี 2015 เพื่อเป็นด่านหน้าพัฒนาหนทางต่าง ๆ ในการสร้างการใช้งานพลังงานหมุนเวียนโดยไม่ต้องกังวลเรื่องของกำไร และสนับสนุนบริษัททั่วโลกในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนเชิงพาณิชย์
ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา บริษัท เบรกทรูว์ เอเนอจี้ (Breakthrough Energy) ได้ประกาศมอบเงินทุนสนับสนุน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 1,900 ล้านบาท ให้กับบริษัท แลนซาเจ็ท (LanzaJet) สตาร์ตอัปด้านพลังงานสะอาดในประเทศจอร์เจีย เพื่อพัฒนาเชื้อเพลิงสะอาดสำหรับอากาศยาน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) จากเอทานอลเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรกของโลก
SAF ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Breakthrough Energy
เอทานอล เป็นแอลกอฮอล์ที่ได้จากพืช คล้ายคลึงกับที่ประเทศไทยนำเอทานอลจากมันสำปะหลังมาใช้ในเชื้อเพลิงรถยนต์ โดยบริษัท แลนซาเจ็ท (LanzaJet) ได้ตั้งโครงการแปลงต้นสนเป็นเชื้อเพลิง (Freedom Pines Fuels Project) หรือการใช้ผลผลิตจากต้นสนเป็นวัตถุดิบทำแอลกอฮอล์ และตั้งโรงงานผลิต SAF ขึ้นมา ซึ่งทางบริษัทเชื่อว่าจะทำให้ก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยในแต่ละเที่ยวบินนั้นหายไปถึงร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับการใช้เชื้อเพลิงปกติ
นอกจากบริษัท เบรกทรูว์ เอเนอจี้ (Breakthrough Energy) แล้ว แลนซาเจ็ท (LanzaJet) ยังได้รับการสนับสนุนจากบริษัทดัง ๆ ทั่วโลก อย่างเช่น เชลล์ (Shell) มิตซุย (Mitsui & Co.) ในฐานะหุ้นส่วน ตลอดจนซันคอร์ เอเนอจี้ (Suncor Energy) หรือแม้แต่สายการบิน บริติช แอร์เวย์ส (British Airways) จนสร้างฐานการผลิตเชื้อเพลิง SAF จากต้นสนได้ โดยคาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ในปี 2023 หรือปีหน้า พร้อมกำลังการผลิต SAF ได้ปีละ 9 ล้านแกลลอน หรือประมาณ 34 ล้านลิตร และนำไปผลิตไบโอดีเซลได้อีกปีละ 1 ล้านแกลลอน หรือเกือบ 3.8 ล้านลิตร ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการลดราคา SAF ที่ปกติอยู่ที่ลิตรละ 1.1 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 42 บาท ให้สามารถแข่งขันกับเชื้อเพลิงดั้งเดิมที่ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 50 เซนต์ หรือ 19 บาทต่อลิตร ได้ในอนาคต
ที่มาข้อมูล Interesting Engineering, Wikipedia, LanzaJet, Simple Flying
ที่มารูปภาพ LanzaJet