รีเซต

ผบ.ตร. ห่วงใยกำลังพล ประสานรพ.ตำรวจ วางแนวทางดูแล ผู้ติดเชื้อโควิด

ผบ.ตร. ห่วงใยกำลังพล ประสานรพ.ตำรวจ วางแนวทางดูแล ผู้ติดเชื้อโควิด
ข่าวสด
28 เมษายน 2564 ( 15:25 )
44
ผบ.ตร. ห่วงใยกำลังพล ประสานรพ.ตำรวจ วางแนวทางดูแล ผู้ติดเชื้อโควิด

 

ข่าววันนี้ 28 เม.ย. 2564 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ห่วงใยสวัสดิภาพของผู้ใต้บังคับบัญชา กำลังพล และครอบครัว จึงมอบหมายให้ตนซึ่งรับผิดชอบกำกับดูแลงานบริหาร พิจารณาหาแนวทางในการดูแลสวัสดิภาพและขวัญกำลังใจของข้าราชการตำรวจและครอบครัวให้ได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ

 

 

ทั้งนี้ ตนได้ประสานงานร่วมกับ สำนักงานกำลังพล โรงพยาบาลตำรวจ และ สำนักงานส่งกำลังบำรุง ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณากำหนดแนวทางในการดูแลข้าราชการตำรวจและครอบครัวกลุ่มเสี่ยงและติดเชื้อ ดังนี้

 

 

กรณีติดเชื้อ โรงพยาบาลตำรวจ โดย พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงห์จารุ พตร.(สบ 8) ได้เตรียมความพร้อมรองรับข้าราชการตำรวจและครอบครัวที่ติดเชื้อ หลังจากผู้ติดเชื้อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจและสถานพยาบาลในสังกัดแล้ว จะมีขั้นตอนดำเนินการ ดังนี้

 

 

1. การจำแนกผู้ติดเชื้อตามอาการ ประกอบด้วย สีเขียวคือ ไม่มีอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย เช่น มีไข้ ไอ มีน้ำมูก ตาแดง ผื่นขึ้น เป็นต้น สีเหลือง คือ มีอาการไม่รุนแรง แต่มีอาการเหนื่อยหอบ หายใจเร็ว หรือมีความเสี่ยงและมีโรคร่วมที่สำคัญ สีแดง คือ มีอาการหอบเหนื่อย หายใจลำบาก เอ็กซเรย์พบปอดอักเสบรุนแรง มีภาวะปอดบวม เป็นต้น

 

 

2. การรักษา เมื่อแพทย์ตรวจประเมินอาการแล้ว หากเป็นกลุ่มสีเหลือง หรือ สีแดง จะรับตัวไว้รักษาเป็นผู้ป่วยใน หากเป็นกลุ่มสีเขียวและเป็นข้าราชการตำรวจชายจะส่งไปที่โรงพยาบาลสนามชั่วคราว ซึ่งขณะนี้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามชั่วคราว จำนวน 2 แห่ง คือ อาคารเอนกประสงค์วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ จำนวน 96 เตียง และ โรงพยาบาลดารารัศมี จำนวน 20เตียง ซึ่งมีระบบดูแลรักษาพยาบาลเบื้องต้น โดยเฉพาะระบบการควบคุมการติดเชื้อเพื่อป้องกันการระบาดสู่ชุมชนและบุคคลภายนอก

 

 

3. การจัดตั้ง Hospitel ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ระหว่างการจัดตั้งและประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขอขึ้นทะเบียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดูแลรักษาผู้ติดเชื้อที่สามารถดูแลสุขภาพตนเองได้มีอาการไม่รุนแรง ไม่จำเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ซับซ้อน แต่ยังอยู่ในระยะการแพร่เชื้อ เพื่อให้โรงพยาบาลตำรวจสามารถรองรับผู้ป่วยหนักได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้โรงพยาบาลตำรวจในฐานะโรงพยาบาลต้นทางจะจัดทีมบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมทั้งเวชภัณฑ์ เพื่อรักษาและติดตามอาการโดยใกล้ชิด

 

 

กรณีกลุ่มเสี่ยง เพื่อให้การดูแลข้าราชการตำรวจกลุ่มเสี่ยงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ข้าราชการตำรวจและบุคลากรในสังกัด สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดเตรียม สถานพักฟื้นและตากอากาศ บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี สำหรับรองรับในการดูแลข้าราชการตำรวจกลุ่มเสี่ยง พร้อมทั้งให้โรงพยาบาลตำรวจ จัดชุดแพทย์พยาบาลและอุปกรณ์การแพทย์ เพื่อติดตามอาการและตรวจรักษาอย่างใกล้ชิด

 

 

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอยืนยันว่ากรณีข้าราชการตำรวจที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง และต้องรับการกักตัวเพื่อติดตามและสังเกตอาการนั้น จะไม่กระทบกับประสิทธิภาพการทำงานในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

 

 

โดยได้มอบหมายผู้บังคับบัญชาลงไปกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด หากพบปัญหาด้านกำลังพลให้รีบประสานหน่วยข้างเคียงและผู้บังคับบัญชาเพื่อขอรับการสนับสนุน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีและการแสวงหาความร่วมมือจากภาคประชาชนเพื่อเสริมการทำงานของตำรวจให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 

 

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ยังได้กำชับให้ข้าราชการตำรวจทุกนายต้องปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันตนเองในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และให้โรงพยาบาลตำรวจเร่งพิจารณาดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับข้าราชการตำรวจที่เป็นกลุ่มเสี่ยงโดยเร็ว

 

 

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงการฉีดวัคซีนให้ตำรวจกลุ่มเสี่ยงว่า ที่ผ่านมาฉีดไป 3 พันกว่าราย ล่าสุดได้มาอีก 1 หมื่นโดส ฉีดได้ 5 พันราย เป็นการฉีดเฉพาะกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล

 

 

เราได้พยายามให้ผู้บังคับการแต่ละจังหวัด ประสานตรงกับคณะกรรมการควบคุมโรคแต่ละจังหวัดเพื่อขอสัดส่วนของตำรวจไม่สามารถเวิร์กฟรอมโฮมได้ ทั้งนี้มี จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรสงคราม และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ฉีดไป 100 % ส่วน ตม. ฉีดไปประมาณ 40 % ล่าสุด ผบ.ตร. ได้ตั้งคณะทำงานจัดหาวัคซีนให้ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เป็นหัวหน้า เพื่อจัดสรรวัคฉีนมาให้ผู้ปฏิบัติงาน

 

 

ด้าน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. กล่าวว่า สำหรับตำรวจนครบาลฉีดไป 1,894 นาย โดย ผบ.ตร. ประสานสาธารณสุข สนับสนุนมาฉีดเพิ่มให้ภายในเดือนถัดไปอีก 4,000 นาย

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง