สวัสดีค่ะวิถีชีวิตของคนไทยในสังคมปัจจุบันนี้ ล้วนแต่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ และร่างกายกันแทบทุกวัน ปัญหาเหล่านี้ส่วนใหญ่มักเกิดมาจากสังคม ที่ทำงาน ครอบครัวและอื่น ๆ ที่กล่าวมานี้ล้วนแต่เป็นบ่อเกิดของความเครียดต่าง ๆ มากมาย ถ้าจะพูดถึงการผ่อนคลายความเครียดและการบำบัดโรคต่าง ๆ ในทุกวันนี้ก็มีมากมายหลากหลายวิธี เช่น การออกกำลังกาย การวาดรูป การท่องเที่ยว การปฏิบัติธรรม การปลูกต้นไม้ และการนั่งสมาธิก็ล้วนแล้วแต่ช่วยบำบัดให้สภาวะจิตใจดีขึ้นทั้งนั้น แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงอีกหนึ่งวิธีที่หลาย ๆ คนอาจจะมองข้ามกันไป ซึ่งเป็นวิธีง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากเพียงแต่ต้องทำให้สม่ำเสมอในทุก ๆ วันวิธีที่เราจะพูดถึงก็คือการร้องเพลงหรือถ้าใครร้องไม่เป็นก็ขอแค่ฟังเพียงครั้งละ1 - 2 ชั่วโมง ก็จะสามารถช่วยบำบัดโรคต่าง ๆ และคลายความเครียดในตัวเราได้ อยากรู้ว่าที่มาของวิธีนี้เป็นมาอย่างไรตามมาอ่านพร้อม ๆ กันเลยค่ะเครดิตภาพ : Uschi_Du จาก pixabay.comแหล่งความรู้นี้ต้องยกความดีให้กับอาม่าข้างบ้านของเราเองค่ะ อาม่าท่านนี้ท่านเป็นคนใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ปกติเราก็เจอกับแกไม่ค่อยบ่อย แกเป็นคนค่อนข้างคิดมากขี้น้อยใจ และที่น่าเป็นห่วงที่สุดคืออาม่าแกชอบกินอาหารที่ค้างคืนเป็นประจำ ล่าสุดเราได้คุยกับอาม่า อาม่าบอกเราว่าแกป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย หมอบอกว่าแกจะอยู่ได้อีกไม่เกิน 6 เดือน เราคิดว่าสาเหตุที่อาม่าเป็นโรคมะเร็งน่าจะมาจากอาหารการกินที่ไม่ค่อยสะอาด แต่ที่ชัวร์ ๆ เลยน่าจะมาจากสาเหตุของความเครียดสะสมเรื่องลูกชายแกแน่นอน เพราะว่าลูกชายของแกไม่ค่อยมาหาแกเลย และรู้ว่าตัวเองต้องมาเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้ายอีก ชีวิตคงเหมือนสิ้นหวังกับชีวิต เพราะแกคิดว่ายังไงแกต้องตายแน่นอน ลูกเต้าก็ไม่มาดูแล หลังจากนั้นเวลาอาม่าอยู่คนเดียวแกก็จะร้องเพลงที่แกเคยร้องกล่อมลูกชายตอนลูกชายแกเล็ก ๆ เป็นประจำ บ้านใกล้เรือนเคียงที่อยู่ใกล้กับอาม่ารวมทั้งบ้านของเรา จะได้ยินแกร้องเพลงทุกวัน และนอกจากร้องเพลงแล้วแกยังเปิดเพลงจีนฟังอีก คือมีแต่เสียงเพลง แกใช้เวลาร้องเพลงฟังเพลงในแต่ละวันนานพอสมควร จนถึงวันหนึ่งที่แกต้องไปตรวจร่างกายอีกครั้ง เมื่อไปถึงโรงพยาบาลคุณหมอก็ได้ทำการตรวจร่างกายของอาม่าอย่างละเอียด แต่ก็เกิดเรื่องเหลือเชื่อขึ้น จนคุณหมอท่าทางแตกตื่นไปตาม ๆ กัน หลังจากที่ได้ตรวจร่างกายของอาม่าเครดิตภาพ : 691806 จาก pixabay.comอาม่า : อาม่าจึงถามไปว่า........ ฉันจะตายวันนี้ใช่ไหมคุณหมอ ?คุณหมอ : คุณหมอตกใจที่อาม่าถามแบบนั้น จึงรีบตอบอาม่าไปว่า ..ไม่ใช่อย่างที่อาม่าคิดหรอกครับแต่เป็นเรื่องดีอาม่า : อาม่าสงสัยที่หมอพูดจึงถามไปว่า.... เรื่องดีที่ว่ามันคือ อะไรหรอคุณหมอคุณหมอ : คุณหมอก็บอกกับอาม่าไปว่า....หลังจากที่ผมได้ตรวจร่างกายของอาม่าเมื่อสักครู่ผลตรวจที่ได้ก็คือ เชื้อมะเร็งที่อยู่ในร่างกายของอาม่าได้หายไปหมดแล้วครับ เมื่ออาม่าได้ยินก็ตกใจมาก อาม่า : จึงได้ถามหมอไปอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ คุณหมอต่างก็บอกว่าชัวร์ 100%คุณหมอ : คุณหมอถามอาม่าว่า....อาม่าได้ไปทานยาตัวอื่น ๆ นอกจากที่หมอจัดหรือป่าว อาม่า : อาม่าได้บอกว่าไม่ได้ทานยาเลย ไม่ว่าจะเป็นของคุณหมอที่ให้ไป หรือยาไหนก็ไม่ได้ทาน เพราะคิดว่าตาย ๆ ไปซะก็คงดีกว่าทรมาน วัน ๆ ฉันจึงได้แต่ร้องเพลงที่เคยกล่อมลูกชายตอนเป็นเด็ก สลับกับการฟังเพลงในทุก ๆ วัน พอได้ยินที่อาม่าพูดหมอแต่ละคนถึงกับอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน จึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อไปอีกนอกจากคำว่า ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ และเมื่ออาม่ากลับมาถึงบ้านจึงได้เล่าเรื่องมหัศจรรย์นี้กับเพื่อนบ้าน ที่อยู่ใกล้กับแกทุกหลังด้วยความดีใจ และหนึ่งในเพื่อนบ้านที่อาม่าเล่าให้ฟังก็คือเราเองค่ะ พอเราได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากปากอาม่าเราก็แน่ใจว่า สิ่งที่ช่วยบำบัดโรคมะเร็งให้กับอาม่าก็คือ เสียงเพลง หรือไม่ก็การร้องเพลงอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่มันก็อาจจจะเกิดขี้นได้ ถ้าเราได้ทำมันต่อให้ไม่เป็นโรคต่าง ๆ ก็ตามค่ะนามปากกา : Lucky Girl