สำหรับปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าเราทุกคนกำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งภาวะเงินเฟ้อนี้ส่งผลให้ทุกคนประสบกับปัญหาที่ค่าใช้จ่ายมากขึ้นและที่สำคัญที่สุดคือเงินออมที่มีมีมูลค่าลดน้อยลง จากเงินเก็บที่มี 100 บาทเคยซื้อข้าวได้ 2 จานปัจจุบันก็ซื้อได้เพียง 1 จานเท่านั้นและได้รับเงินทอนมาอีกนิดหน่อย สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เราจะต้องตระหนักว่าภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นรุนแรงนี้อาจทำให้ค่าเงินของเราลดน้อยลงมากเลยทีเดียว ดังนั้นแล้วเราทุกคนควรที่จะต้องมีการลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงยและเติบโตไปพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ในวันนี้ผมจึงนำเคล็ดลับหรือเทคนิคสำหรับการลงทุนในยุคเงินเฟ้อมาแบ่งปันให้กับทุกคนเพื่อที่จะให้ทุกคนสามารถต่อยอดเงินที่มีให้สู้กับอัตราเงินเฟ้อได้โดยทั้ง 4 เทคนิคล้วนเป็นเคล็ดลับที่ผมได้ปฏิบัติจริงและเห็นผลจึงได้นำมาแบ่งปัน เนื่องจากตัวผมเองมีเงินเก็บอยู่จำนวนหนึ่งและได้ดอกเบี้ยในแต่ละปีเพียงไม่กี่พันบาทซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยมาก ผมจึงได้หาวิธีการลงทุนที่สามารถทำให้เงินงอกเงยได้และไม่ด้อยค่าลงเพราะอัตราเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นนี้ สำหรับการลงทุนมีหลายวิธีมากมายไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ การทำธุรกิจ การซื้อหุ้นกู้ การซื้อหุ้นสามัญ หรือแม้แต่กระทั่งการซื้อกองทุนรวม ซึ่งในวันนี้ผมจะนำเทคนิคที่ใช้เลือกวิธีการลงทุนเหล่านี้ให้เหมาะกับตัวเรามาแบ่งกันทุกคนกันเราไปดูกันเลยดีกว่าว่า 4 เทคนิคที่ผมพูดถึงมีอะไรกันบ้าง 1.เราจะต้องรู้ตัวเองว่าเรารับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน การลงทุนทุกครั้งย่อมมีความเสี่ยงเสมอ การได้มาซึ่งผลตอบแทนที่สูงย่อมแลกมาด้วยความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน แต่หากเราลงทุนในความเสี่ยงที่ต่ำเราก็ย่อมได้ผลตอบแทนที่ต่ำซึ่งอาจสู้กับอัตราเงินเฟ้อไม่ได้นั่นเอง อย่างที่บอกไปว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะรับความเสี่ยงได้ใกล้เคียงกับเราหรือเหมือนกับเรา แต่ละคนมีขีดความสามารถในการรับความเสี่ยงแตกต่างกัน แต่ละคนจะต้องรู้ตัวเองว่าเรารับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน อย่างเช่นตัวผมเองเงินที่นำไปลงทุนเป็นเงินเย็นซึ่งเป็นเงินที่เก็บอดออมเอาไว้จึงสามารถนำไปลงทุนได้โดยที่ไม่กังวลมากเกินไป จึงทำให้ผมสามารถรับความเสี่ยงได้มาก แต่สำหรับบางคนอาจจะเป็นเงินที่มีไว้สำรองยามฉุกเฉินซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมากนัก หากเป็นตัวผมที่รับความเสี่ยงได้สูงมักจะเลือกลงทุนในกองทุนรวมตลาดหุ้น หรืออาจจะเป็นหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แต่หากรับความเสี่ยงได้ต่ำควรที่จะลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างเช่นหุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาล การทำประกันแบบสะสมทรัพย์ หรือการฝากประจำเป็นต้น ซึ่งแต่ละคนจะต้องเข้าใจตัวเองก่อนว่าเงินที่นำมาลงทุนนั้นมีความสำคัญมากน้อยแค่ไหนและเรารับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหนเมื่อเรารู้แล้วเราก็จะเลือกสินทรัพย์ที่จะไปลงทุนได้ง่ายขึ้นและตรงเป้าหมายได้อย่างง่ายขึ้น2.เราต้องการลงทุนในระยะเวลานานแค่ไหน ในการลงทุนนั้นมีหลายรูปแบบบางครั้งอาจจะใช้เวลาในการลงทุนเพียงชั่วข้ามวันแต่บางครั้งการลงทุนนั้นจะให้ผลตอบแทนได้ก็ต่อเมื่อระยะเวลาผ่านไป 5-10 ปี ดังนั้นเราจะต้องรู้ว่าเราต้องการลงทุนในสินทรัพย์นั้นๆเป็นระยะเวลานานแค่ไหน หากเราต้องการลงทุนในระยะเวลาที่ไม่นานมากอาจจะเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนเราควรจะเลือกหุ้นที่มีความผันผวนหรืออาจจะเป็นสกุลเงินดิจิตอลซึ่งมีความผันผวนมาก สินทรัพย์ที่มีความผันผวนมากมักทำกำไรได้เร็วกว่าหรือที่เราเรียกกันว่าการเทรด แต่หากการลงทุนนั้นท่านต้องการให้มีระยะเวลาที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 5-10 ปีก็อาจจะมองหาสินทรัพย์ตัวอื่นเช่นกองทุนรวมหรือหุ้นที่สามารถถือระยะยาวได้แต่สำหรับบางคนอาจมองว่าทองคำก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ไม่เลวเหมือนกัน อย่างตัวผมเองต้องการลงทุนเพื่อการเกษียณจึงสามารถลงทุนในระยะเวลาที่นานได้และรอผลตอบแทนเป็นระยะเวลานานได้จึงเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่มีอัตราเติบโตตลอดทุกปีและเชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไปการลงทุนนั้นจะให้ผลตอบแทนที่ดีกลับมาแต่สำหรับบางคนอาจต้องการกำไรจากการลงทุนเพื่อมาใช้จ่ายในทันทีอาจเลือกเป็นสินทรัพย์ที่ผันผวนสูงแต่ก็อย่าลืมว่าเมื่อมีความผันผวนสูงย่อมมีความเสี่ยงสูงมากดังนั้นควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์นั้นให้ละเอียดก่อนการลงทุนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาได้3.ต้องรู้ว่าท่านต้องการถือสินทรัพย์แบบไหน ในการลงทุนของแต่ละคนมีความชอบในการหรือสินทรัพย์แตกต่างกันในบางคนอาจจะชอบถือสินทรัพย์ที่เป็นทางกายภาพหรือสินทรัพย์ที่จับต้องได้อย่างเช่น อสังหาริมทรัพย์ ทองคำหรือโลหะมีค่า นาฬิกาหรู กระเป๋าแบรนด์เนม เป็นต้น แต่สำหรับบางคนอาจจะต้องการถือสินทรัพย์ที่เป็นสินทรัพย์ทางการเงินไม่อาจจับต้องได้อย่างเช่น หุ้น กองทุนรวม สกุลเงินต่างประเทศ สกุลเงินดิจิตอล เป็นต้น ความชอบเหล่านี้จะส่งผลต่อความสุขในการลงทุนเป็นอย่างมาก หากเราถือสินทรัพย์ที่เราชอบเรามักจะรอระยะเวลาที่มันจะให้ผลตอบแทนกับเราได้ค่อนข้างนาน แต่หากเราถือสินทรัพย์ที่เราไม่ไว้เนื้อเชื่อใจเราก็อาจเกิดความกังวลได้ในระหว่างที่เราถือสินทรัพย์นั้นๆ อย่างตัวผมเองเป็นคนที่ไม่ชอบถือทรัพย์สินที่จับต้องได้เพราะว่ามีความรู้สึกว่าเราจะต้องดูแลมันตลอดเวลาและกังวลเมื่อมันจะถูกฉกฉวยผมจึงเลือกลงทุนในตลาดเงินไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมหรือสกุลเงินดิจิตอล ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสินทรัพย์ที่ไม่สามารถจับต้องได้ทำให้ลดความกังวลที่จะต้องคอยดูแลสิ่งเหล่านั้นและมีเวลาได้ไปทำอย่างอื่นที่ต้องการ แต่สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลหากชอบแบบไหนก็ควรเลือกลงทุนในแบบที่เหมาะกับเราและเราชอบ เพราะจะทำให้เราสามารถถือสินทรัพย์นั้นโดยที่เราไม่ต้องกังวลใจได้4.ต้องรู้ว่าเราต้องการผลตอบแทนในระดับไหน ในการลงทุนเราจะต้องรู้ว่าเราต้องการผลตอบแทนในระดับไหนบางคนอาจต้องการผลตอบแทนเพียง 3-5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี แต่สำหรับบางคนอาจต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าหรือประมาณ 6-8 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการลงทุนในแต่ละคนหากต้องการลงทุนมีความเสี่ยงที่ไม่สูงมากและเพื่อจะนำเงินไปใช้จ่ายเพิ่มเติมในชีวิตประจำวันไม่ได้ใช้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายหลักก็อาจจะลงทุนในผลตอบแทนที่ต่ำกว่าหรือประมาณ 3-5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี แต่สำหรับบางคนอาจลงทุนเพื่อที่จะนำเงินนั้นมาเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจึงต้องลงทุนให้ได้ผลตอบแทนประมาณ 6-8 เปอร์เซ็นต์ต่อปีเป็นอย่างน้อย การที่เรารู้ว่าเราต้องการผลตอบแทนในระดับไหนจะสามารถทำให้เราเลือกการลงทุนได้ง่ายขึ้น อย่างเช่นทางเราต้องการผลตอบแทนประมาณ 3-5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี เราอาจจะเลือกวิธีการลงทุนเป็นการลงทุนในหุ้นกู้หรือพันธบัตรรัฐบาลซึ่งมีความเสี่ยงไม่สูงมากและให้อัตราผลตอบแทนตรงตามที่ต้องการ แต่หากเราต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่านั้นอาจจะเลือกลงทุนในกองทุนรวมหรือตลาดหุ้นที่สามารถให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าได้รวมถึงอาจจะมีปันผลให้ในระหว่างที่ลงทุน อย่างตัวผมเองมีความต้องการผลตอบแทนอยู่ที่ระหว่าง 6-8 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ดังนั้นผมจึงเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่มีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 6-8 เปอร์เซ็นต์ การที่เราจะสามารถเลือกวิธีการลงทุนที่เหมาะกับเราได้เราก็ควรที่จะตอบตัวเองให้ได้ว่าเราต้องการผลตอบแทนในระดับไหนเพราะในแต่ละการลงทุนย่อมมีผลตอบแทนที่แตกต่างกันและนี่ก็เป็น 4 เทคนิคการเลือกลงทุนให้เหมาะกับตัวเองที่ผมนำมาแบ่งปันกัน อย่างที่ผมได้บอกไปว่าการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ดังนั้นเราจะต้องศึกษาข้อมูลให้แน่ชัดก่อนเริ่มลงทุน และเราจะต้องค้นหาตัวเองให้ได้ว่าเราเหมาะกับการลงทุนแบบไหน ซึ่งผมก็ไม่ได้แนะนำการลงทุนโดยตรง เพราะแต่ละคนรับความเสี่ยงและต้องการผลตอบแทนไม่เท่ากัน แต่ผมก็สามารถแนะนำการเลือกวิธีลงทุนให้เหมาะกับตัวเองให้กับทุกท่านได้ ซึ่งก็เป็นเทคนิคที่ผมใช้ลงทุนตลอดมา หากใครมีข้อเสนอแนะอะไร สามารถแสดงความคิดไว้ได้เลยนะครับภาพปกทำเองจากเว็บไซต์ canva.comภาพที่ 1 โดย stevepb จาก Pixabayภาพที่ 2 โดย nattanan23 จาก Pixabayภาพที่ 3 โดย geralt จาก Pixabayภาพที่ 4 โดย kschneider2991 จาก Pixabay7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์