การเรียนรู้และการเติบโตเป็นสิ่งที่มักจะต้องเกิดขึ้นกับชีวิต เพราะถ้าไม่เป็นอย่างนั้น ชีวิตเราคงไม่อาจจะก้าวหน้าได้มากอย่างที่ควรจะเป็น 15 กฎที่จะพูดถึงในหนังสือเล่มนี้จะเป็นการพูดถึงการเติบโตแบบกว้างๆเพื่อประยุกต์ใช้กับชีวิต John C. Maxwell วิทยากรให้คำปรึกษาอาวุโสชื่อดัง นำประสบการณ์ของตัวเองมาใช่ถ่ายทอดผ่านกฎ 15 ข้อที่ทำให้คนเราตระหนักการเตือนตัวเองที่จะพาชีวิตไปสู่จุดหมายที่ต้องการจริงๆ 1.กฎแห่งความตั้งใจ 2.กฎแห่งการตระหนักรู้ 3.กฎแห่งกระจกเงา 4.กฎแห่งการทบทวน 5.กฎแห่งความสม่ำเสมอ 6.กฎแห่งสภาพแวดล้อม 7.กฎแห่งการออกแบบ 8.กฎแห่งความเจ็บปวด 9.กฎแห่งขั้นบันได 10.กฎแห่งยางยืด 11.กฎแห่งการแลกเปลี่ยน 12.กฎแห่งความสงสัยใคร่รู้ 13.กฎแห่งการมีแบบอย่าง 14.กฎแห่งการยกระดับ 15.กฎแห่งการเอื้อเฟื้อ ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์ 1.วอร์เรน เบนนิส ได้คิดค้นตัวช่วยสำหรับคนที่มีปัญหานี้ขึ้นมาเช่นกัน เขาแนะนำคำถาม 3 ข้อที่คุณ ควรถามตัวเองเพื่อประเมินว่าสิ่งที่คุณอยากทำนั้นเป็นไปได้หรือไม่ คุณรู้ข้อแตกต่างระหว่างสิ่งที่คุณอยากทำกับสิ่งที่คุณถนัดหรือไม่ สองสิ่งนี้ไม่ได้สอดคล้องกันเสมอไป คุณรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่มอบแรงผลักดันและความพึงพอใจให้คุณคืออะไร บางครั้งคนเราก็คิดอยากทำบางสิ่งด้วยเหตุผลที่ไม่เข้าท่านัก เช่น พวกเขาอาจอยากทำงานที่ดูเหมือนง่าย ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้นเลย ไม่ก็อยากทำงานนั้นเพราะค่าตอบแทนสูงไม่ใช่เพราะชอบเนื้องาน แต่สิ่งที่คุณควรทำคือหางานที่มอบทั้งแรงผลักดันและความพึงพอใจให้คุณ สองสิ่งนี้คือส่วนผสมที่ทรงพลัง 2เมื่อประเมินความแตกต่างระหว่างสิ่งที่คุณอยากทำกับสิ่งที่คุณถนัด สิ่งที่มอบแรงผลักดันกับสิ่งที่มอบความพึงพอใจ รวมถึงสิ่งที่คุณกับองค์กรให้คุณค่าและความสำคัญ คุณก็จะเห็นว่ามีอุปสรรคอะไรบ้างที่ขัดขวางไม่ให้คุณทำสิ่งที่อยากทำ จากนั้นคุณต้องถามตัวเองว่าคุณสามารถแก้ไขความแตกต่างทั้งหมดนี้ได้หรือเปล่า 3.เราพูดกับตัวเองตลอดเวลาไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม ลองทบทวนดูว่าโดยธรรมชาติแล้วคุณพูดกับตัวเองอย่างไร คุณชอบให้กำลังใจตัวเองหรือเอาแต่วิพากษ์วิจารณ์ตัวเอง ถ้าคุณเป็นคนคิดบวก คุณก็จะมองตัวเองในเชิงบวก แต่ถ้าคุณเป็นคนคิดลบ คุณก็จะบ่อนทำลายคุณค่าในตัวเอง 4.ในหนังสือเรื่อง The Answer จอห์น อัสซาราฟ และเมอร์เรย์ สมิธ นักธุรกิจและนักเขียนได้พูดถึงถ้อยคำเชิงลบที่เด็ก ๆ ได้รับในระหว่างที่กำลังเติบโตเอาไว้ว่า...พออายุครบ 17 ปี คุณจะได้ยินคำว่า "ไม่ คุณทำไม่ได้หรอก"ทั้งหมดประมาณ 150,000 ครั้ง และได้ยินคำว่า "ได้สิ คุณทำได้" เพียงประมาณ 5,000 ครั้งเท่านั้น หมายความว่าโดยเฉลี่ยแล้วคุณจะได้ยินคำว่า "ไม่ได้" 30 ครั้ง ต่อคำว่า "ได้"1 ครั้ง ซึ่งมากพอที่จะทำให้คุณเชื่ออย่างแรงกล้าว่า "ฉันทำไม่ได้" นี่คือผลมาจากการเลี้ยงดู 5.คนที่เห็นคุณค่าในตัวเองต่ำมักมองว่าตัวเองไม่ดีพอหรือตกเป็นเหยื่อของคนอื่น (ซึ่งมักเกิดจากการที่ในอดีตพวกเขาเคยตกเป็นเหยื่อจริง ๆ) พวกเขาจึงสนใจตัวเองมากเกินไปจนกลายเป็นนิสัยปกป้องตัวเองและเห็นแก่ตัว เพราะพวกเขารู้สึกว่าจำเป็นต้องทำเพื่อความอยู่รอด ถ้าคุณเป็นแบบที่กล่าวมา คุณสามารถต่อสู้กับความรู้สึกเหล่านั้นได้ด้วยการช่วยเหลือ และการพยายามเพิ่มคุณค่าให้ผู้อื่น การสร้างความเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อยในชีวิตของคนอื่นจะช่วยให้คุณเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น เป็นเรื่องยากที่คุณจะรู้สึกแย่กับตัวเองเมื่อคุณทำสิ่งดีๆให้กับผู้อื่น ยิ่งไปกว่านั้น การเพิ่มคุณค่าให้ผู้อื่นยังทำให้พวกเขาเห็นคุณค่าในตัวคุณเพิ่มขึ้นด้วย นี่คือการสร้างวงจรความรู้สึกเชิงบวกจากคนหนึ่งไปสู่อีกคน 6.คนเรามักจะได้รับในสิ่งที่ตัวเองยอมทน ตัวอย่างเช่น ถ้ายอมให้คนอื่นดูถูก เราก็จะโดนดูถูก ถ้ายอมให้คนอื่นข่มเหง เราก็จะถูกข่มเหง ถ้าคิดว่าการทำงานหนักเกินไปโดยได้ค่าแรงไม่คุ้มเหนื่อยนั้นไม่เป็นไร ลองทายดูสิครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่มีแผนการและจุดมุ่งหมายในชีวิตของตัวเอง เราจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของแผนการและจุดมุ่งหมายในชีวิตของคนอื่น! 7.มีมุกตลกเก่า ๆ ที่กล่าวว่าประสบการณ์เป็นครูที่ใจร้ายเพราะมันให้ทําแบบทดสอบก่อนแล้วมอบบทเรียนทีหลัง ก็ใช่ครับ แต่มันจะเป็นในเรื่องจริงก็ต่อเมื่อเราใช้เวลาคิดทบทวนเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้ว ไม่อย่างนั้นเราก็จะเจอแต่บททดสอบโดยที่ไม่ได้รับบทเรียนอะไรเลย แต่ละวันคนเราผ่านประสบการณ์มากมายนับไม่ถ้วน ทว่าหลาย ๆ คนกลับไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยเพราะไม่เคยใช้เวลาคิดทบทวน ด้วยเหตุนี้หยุดพักเพื่อทำความเข้าใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ 8.ผลกระทบทวีคูณ (Compound Effect) คือหลักการของการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการตัดสินใจทำสิ่งเล็ก ๆ ที่ชาญฉลาดหลาย ๆ ครั้ง สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของกระบวนการ แม้ว่าผลลัพธ์จะยิ่งใหญ่ แต่ระหว่างทางก่อนจะไปถึงจุดนั้นคุณกลับไม่ได้รู้สึกว่ากำลังทำสิ่งที่สำคัญอยู่เลย ไม่ว่าคุณจะใช้กลยุทธ์นี้เพื่อพัฒนาสุขภาพ ความสัมพันธ์ การเงิน หรือเรื่องสำคัญอื่น ๆ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะเล็กน้อยจนคุณแทบสัมผัสไม่ได้ แถมการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นยังไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ในทันที นำมาซึ่งชัยชนะครั้งใหญ่ หรือแสดงสัญญาณอันชัดเจนที่บอกว่า “บอกแล้วไงว่ามันได้ผล” เพราะแบบนี้คุณจึงอาจไม่รู้ว่าตัวเองทำไปเพื่ออะไร 9."การยุ่งอยู่กับการวางแผน การอ่านหนังสือ และการเข้าประชุมนั้นจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยครับ ถ้ามันไม่ได้สนับสนุนและส่งเสริมสิ่งที่จำเป็นต่อการประสบความสำเร็จของคุณ ดังคำกล่าวที่ว่าความทุกข์คือการไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรแต่ก็ยังพยายามจนสายตัวแทบขาดเพื่อไขว่คว้าอะไรสักอย่าง" 10.ก่อนอื่นจงลืมนิสัยพื้นฐานบางอย่างที่จำมาจากโรงเรียน ในโลกแห่งความเป็นจริงไม่ว่าเราระอายุ 22 ปีและเพิ่งเริ่มงานครั้งแรก หรืออายุ 62 ปีและกำลังเริ่มงานที่ 5 วิธีแซงหน้าคนอื่นคือการทำงานให้เหนือกว่าความคาดหวัง ถ้าอยากได้เกรด A+ ในโลกธุรกิจ คุณต้องทำให้มากเกินกว่าที่องค์กรคาดหวัง คุณต้องตอบทุกคำถามของ “อาจารย์” โดยไม่ขาดตกบกพร่องและถามสารพัดคำถามที่เขานึกไม่ถึงด้วยพูดอีกอย่างว่า เป้าหมายของคุณควรเป็นการทำให้เจ้านายฉลาดขึ้น ทำให้ทีมของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นและทำให้การแข่งขันในบริษัทสูงขึ้นด้วยพลังความคิดสร้างสรรค์ และความหลักแหลมของคุณ...ถ้าหัวหน้าขอให้คุณเขียนรายงานแนวโน้มภาพรวมในปีหน้าของผลิตภัณฑ์หนึ่ง ๆ ให้คุณตระหนักไว้เลยว่าเขามีคำตอบในใจอยู่บ้างแล้ว ดังนั้น จงทำงานให้มากกว่าที่คุณได้รับมอบหมายเพื่อยืนยันการคาดการณ์ของเขา โดยค้นคว้าเพิ่มเติม รวบรวมข้อมูล และย่อยข้อมูลออกมาให้เข้าใจง่ายเพื่อส่งมอบผลงานที่ช่วยขยายขอบเขตความคิดของเขา กล่าวคือ คุณต้องมอบสิ่งที่ทำให้หัวหน้าของคุณอึ้ง มันควรเป็นสิ่งที่สดใหม่และน่าสนใจจนเขาสามารถเอาไปรายงานกับหัวหน้าของเขาต่อได้ แนวคิดเช่นนี้จะช่วยขับเคลื่อนบริษัทไปข้างหน้าและพาคุณไต่เต้าขึ้นไปในไม่ช้า 11.ถ้าผู้เสนอตัวเป็นที่ปรึกษาให้คุณไม่ได้สนับสนุนและมอบมิตรภาพให้จากใจจริง ความสัมพันธ์นั้นจะไม่เป็นไปตามที่คุณคาดหวังอย่างแน่นอน การได้รับความรู้ทว่าไร้ซึ่งแรงสนับสนุนนั้นช่างไร้ประโยชน์ คำแนะนำที่ปราศจากมิตรภาพช่างแสนเย็นชาและความตรงไปตรงมาอันปราศจากความห่วงใยก็ช่างโหดร้าย แต่ความช่วยเหลือจากคนที่ห่วงใยจะทำให้คุณอิ่มเอมใจ การพัฒนานั้นมาจากทั้งสมองและหัวใจ มีเพียงคนที่สนับสนุนคุณเท่านั้นที่จะแบ่งปันทั้งสองสิ่งให้คุณ 12.สิ่งที่มีค่าที่สุดบนเส้นทางการพัฒนาตัวเองของคือผู้คน แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็สามารถเป็นภาระที่หนักอึ้งที่สุดได้เช่นกัน ทั้งคนที่คุณติดตาม แบบอย่างที่คุณยึดถือ รวมถึงที่ปรึกษาที่ให้คำแนะนำและช่วยหล่อหลอมคุณ ถ้าคุณใช้เวลากับคนที่ดูดพลังของคุณ ดูถูกคุณ หรือด้อยค่าคุณ การพยายามก้าวไปข้างหน้าก็จะกลายเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าคุณเจอคนที่ฉลาด มีความเหมาะสมและมอบพลังบวก พวกเขาก็จะช่วยเร่งความเร็วในการเดินทางให้คุณได้ จะเห็นว่าแนวคิดพัฒนาตัวเองภายในเล่มบางข้อจะดูสุดโต่งไปหน่อย แต่ก็เป็นหลักการที่ตัว Maxwell เองให้ความเชื่อมั่นที่ได้ลงมือทำจริง ผสมผสานกับหลักการของนักพูดคนสำคัญชื่อดังของโลกด้วย แม้จะเบื่อที่จะอ่านในบางช่วง แต่ก็รู้สึกชอบในแนวคิดบางอย่าง โดยเฉพาะการท้าทายตัวเองในการลงมือทำสิ่งที่ตัวเองทำไม่เป็น และมันจำเป็นต้องทำ เราอยากมีทักษะในด้านนั้น เราจึงต้องยอมลดอีโก้ในช่วงแรกเพื่อให้ตัวเองได้เติบโตจริงๆ เครดิตภาพ ภาพปก โดย jcomp จาก freepik.com ภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียน ภาพที่ 3 โดย jcomp จาก freepik.com ภาพที่ 4 โดย jcomp จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิวหนังสือ THE GREATEST SECRET เดอะเกรเทสต์ซีเคร็ต รีวิวหนังสือ HOW TO NOT DIE ALONE ทำอย่างไรไม่ให้ตายอย่างโดดเดี่ยว รีวิวหนังสือ ATOMIC HABITS เพราะชีวิตดีได้กว่าที่เป็น รีวิวหนังสือ THINGS NO ONE TAUGHT US ABOUT LOVE เรื่องที่ไม่มีใครสอนเราเกี่ยวกับความรัก รีวิวหนังสือ MANIFEST DIVE DEEPER ดำดิ่งลึกซึ้ง ไปให้ถึงทุกปรารถนา เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !