เราเป็นลูกชาวนา แม่ปลูกข้าวทำนาทุกปี ปีไหนที่ฝนตกต้องตามฤดูกาล เรามักจะเห็นและรู้สึกว่าแม่นั้นมีความสุขมากเป็นไหน ๆ แต่ถ้าปีไหนที่ฝนทิ้งช่วงนานสิ่งที่ลูก ๆ ได้เห็น ก็คือภาพที่แม่นั่งถอนหายใจ ไม่มีคำบ่นใด ๆ ออกมา แต่ลูก ๆ ทุกคนก็เข้าใจดีว่า สิ่งที่แม่กังวลใจอยู่ในขณะนั้น นั่นคืออะไร ?? ลูก ๆ ของแม่ ไม่มีใครอยู่บ้านช่วยแม่ทำนาเลยสักคน ทุกคนต่างก็มีหน้าที่การงาน ทำงานบริษัทในเมืองใหญ่ ต่างก็มีชีวิต มีฝัน เป็นของตัวเองให้ต่อสู้และดิ้นรน นาน ๆ ครั้งจะกลับมาเยี่ยมแม่ และทุกคนก็เชื่อมาก ๆ ค่ะ ว่าสิ่งที่ทำให้แม่มีความสุขมากที่สุด ก็คือวันที่ลูก ๆ กลับมาเยี่ยมพร้อมหน้าพร้อมตา และก็รักใคร่ปรองดองกันดีอยู่นั่นเอง และทุก ๆ ปีเราก็มีกิจกรรมให้ทำ และร่วมสนุกกันในเหล่าพี่น้อง อย่างเช่นว่า... ไปขุดปูนากัน ค่ะ😁 สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับเรามาก ทำให้ได้รำลึกถึงเรื่องราวในวัยเด็กที่วิ่งซน ซึ่งการขุดปูนานั้นเป็นกิจกรรมในท้องทุ่งที่สนุกสนานอีกกิจกรรมหนึ่งมากเลยทีเดียวภาพผูเขียนและครอบครัวกำลังช่วยกันขุดและหารูปูกันค่ะ ^ ^ การขุดปูนาหลังเก็บเกี่ยวข้าว เป็นช่วงที่ขุดง่ายที่สุด เพราะพื้นดินยังเปียกแฉะและยังมีตอฟางปกคลุมพื้นดินไม่ให้ดินแห้งและแข็งเร็วด้วย จึงง่ายต่อการเอาเสียมลงมาขุดดิน และปูก็อยู่ไม่ลึกมากอีกด้วยค่ะ วันที่เราเป็นไปขุดนั้น เป็นวันหยุดยาวในช่วงปีใหม่ที่เราเหล่าพี่น้องทั้งหลายได้กลับบ้านมาเยี่ยมแม่กัน และมีเมนูที่อยากกินก็คือ ปูสดนึ่งกินกับส้มตำ แกงอ่อมปู และลาบปูค่ะ ซึ่งแม่จะเป็นคนทำให้เรากินและมีเราเป็นผู้ช่วยของแม่นั่นเอง!!!..😊 เราเตรียมตัวออกจากบ้านกันอย่างพร้อมเพรียง เพื่อไปทุ่งนาหาปูกัน และเจาะจงว่าต้องเป็นที่นาของตัวเอง เพราะมั่นใจได้ว่าปลอดภัยจากสารเคมีบนดินต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าหญ้า ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงชนิดรุนแรงอื่น ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจปนเปื้อนมากับปูที่เราจะนำไปทำอาหาร แม่ของเราปลูกข้าวโดยใช้ปุ๋ยขี้วัว ขี้ไก่ และใส่ปุ๋ยยูเรียนิดหน่อยค่ะ เราจึงมั่นใจว่าพื้นที่ที่เราใช้หาอาหารนี้ ค่อนข้างปลอดภัยพอสมควร โชคดีที่หน้าดินยังมีตอฟางปกคลุม ดินเลยยังเปียกอยู่ ทำให้ขุดง่ายและตื้นพอสมควร ขุดประมาณ 4-5 ครั้ง ก็ถึงตัวปูแล้วค่ะ จากนั้นก็ค่อย ๆ ใช้เสียมเขี่ยและแซะตัวปูขึ้นมาจากรูที่เราขุด และก็จับไปใส่รวมกันไว้ในถังนั่นเอง แต่ถ้าหน้าดินไม่มีต้นหญ้าและตอฟางปกคลุม ความชื้นที่หน้าดินก็จะระเหยออกไป ทำให้ดินแห้งและแข็ง อีกอย่างปูที่ขุดรูอยู่ ก็จะยิ่งขุดลึกลงไปใต้ดินอีกเพื่อหนีอุณหภูมิความร้อนในตอนกลางวันที่แผ่ซ่านผ่านชั้นดินลงไปนั่นเอง ภาพโดย : ผู้เขียน ปูนาตัวแล้วตัวเล่าที่เราต่างขุดขึ้นมาจากดินด้วยความตื่นเต้น บางตัวก็ออกสีม่วงตัวใหญ่ ก้ามใหญ่ บางตัวก็เล็กสีน้ำตาลอมเทา ก้ามเล็ก และจากความคิดเห็นของผู้เขียนเท่าที่สังเกตดูนะคะ ตัวสีม่วงนั้นน่าจะเป็นปูที่เกิดมานานอายุมากแล้ว เปลือกและกระดองจึงแข็งและหนามากด้วย ส่วนพวกที่สีอ่อน สีน้ำตาลอมเทานั้นน่าจะเป็นพวกที่เพิ่งเกิดเพราะเปลือกและกระดองไม่แข็งมากค่ะ ปูนาตัวผู้กับตัวเมีย ก็มีข้อสังเกตความแตกต่างด้วยนะคะ คือสังเกตบริเวณตรงท้องปูนั่นเองค่ะ ของตัวเมียตรงท้องจะเป็นป้านดูเหมือนว่ามีหน้าท้อง 2 ชั้น ผู้เขียนคิดว่าน่าเอาไว้เก็บไข่ ตัวอ่อน และลูกปูตัวเล็ก ๆ นั่นเองค่ะ ส่วนตัวผู้หน้าท้องจะมีเดือยไม่ราบเรียบเหมือนตัวเมีย วีธีจับปูนาไม่ให้หนีบมือ ผู้เขียนเชื่อว่าหลายคนนั้นเคยเจอปัญหานี้มาแล้ว ถึงแม้จะเห็นก้ามปูนี้เล็ก ๆ แต่เวลาหนีบเข้าเนื้อเราก็เจ็บใช่ย่อยเหมือนกันนะคะ แถมมีแรงหนีบมหาศาลอีกด้วย เราควรจับปูในวิถีที่อยู่ด้านหลังของปูค่ะ เพราะถ้าเข้าด้านหน้าปูจะเห็นชัดและสามารถใช้ก้ามหนีบเราได้ ซึ่งจากสรีระของปูนะคะ ก้ามปูสร้างมาเพื่อให้ใช้ต่อสู้กับศัตรูที่ตรงเข้ามาทางด้านหน้าเท่านั้น เมื่อเราจู่โจมทางด้านหลังก้ามปูจึงไม่สามารถหันหลับมาหนีบมือเราได้นั่นเอง จับเข้าที่กระดองปูบริเวณด้านหลังก้ามปูนะคะ ปลอดภัยหายห่วง😁 ภาพโดย : ผู้เขียนพอได้ปูจำนวนมากแล้ว เราก็กลับบ้านเอาน้ำแช่เพื่อให้ดินที่ติดตัวปูหลุดออกง่ายค่ะ จากนั้นก็ถ่ายน้ำและเทหรือเปิดน้ำจากก๊อกน้ำใส่แรง ๆ หลาย ๆ น้ำ จนกว่าดินที่ตัวปูหลุดออกจนหมดและสะอาด จากนั้นก็นำไปทำอาหารกินกันต่อไปค่ะ ต้ม นึ่ง ทอด แกง อ่อม ลาบ ก็ทำได้หมดเลยค่ะ บางครั้งยังกินสดด้วยนะคะแต่ก็ไม่แนะนำ เพราะอาจมีพยาธิแฝงตัวอยู่ในตัวปูได้ค่ะ ปูแก่ตัวสีม่วงมักจะมีมันเยอะส่วนใหญ่นิยมเอาไปทำ แกง อ่อม ลาบ โดยการแกะกระดองแยกต่างหาก และเอาตัวปูไปตำกรองเอาน้ำและแกะมันที่กระดองปูมารวมกัน จากนั้นก็เอาไปตั้งไฟและประกอบอาหารได้ตามชอบค่ะ ทั้งแกงอ่อม ทั้งลาบปูอ่อนตัวจะไม่แข็งมากไม่ค่อยมัน (สีน้ำตาลอมเทา) ส่วนใหญ่เอาไปทำปูดอง ปูนึ่ง หรือชุบแป้งทอด กินได้ทั้งตัวอร่อยจริงเชียวค่ะ ภาพโดย : ผู้เขียนการจากท้องทุ่งบ้านนาไปไกลและเนิ่นนาน เมื่อถึงเวลาหนึ่งเราได้กลับมาทำกิจกรรมนั้น เท่ากับว่าได้ย้อนวัยไปอยู่ในช่วงที่สุดแสนจะพิเศษ และมีความสุขอีกช่วงหนึ่ง จะหันหน้า หันหลัง มองซ้าย มองขวา ก็มองเห็นแต่คนคุ้นเคย คนที่เวลาได้อยู่เคียงข้างแล้วรู้สึกอบอุ่นในใจ นี่ใช่ไหมที่เรียกว่า "ครอบครัว" ไม่ว่าจะยากลำบากยังไงก็ยังจะจับมือกันผ่านพ้นมันไปด้วยกัน อาหารมื้อเย็นที่แสนอร่อยก็คือ "อาหารฝีมือแม่" เป็นอาหารที่หาซื้อกินที่ไหนไม่ได้ ถ้าเราไม่กลับบ้านมาหา "แม่"