หลายๆ คนอาจจะคิดว่าการปลูกมะเขือเทศต้องใช้พื้นที่เยอะ หรือมีอุปกรณ์หลายอย่าง แต่จริงๆ แล้ว การปลูกมะเขือเทศแบบบ้านๆ นี่แหละดีที่สุด บางทีแค่ใช้กระถางหรือที่ว่างเล็กๆ หลังบ้านก็ปลูกได้แล้ว แถมผลผลิตก็ออกดกไม่น้อย ไปดูกันว่าเราจะปลูกมะเขือเทศให้ลูกดก แบบง่ายๆ ได้ยังไง 1. เลือกพันธุ์มะเขือเทศที่เหมาะสม : ก่อนจะเริ่มปลูก เราต้องเลือกพันธุ์มะเขือเทศกันก่อน เพราะพันธุ์ต่างๆ ก็มีลักษณะและการเติบโตที่ไม่เหมือนกัน ถ้าจะปลูกแบบบ้านๆ หรือปลูกในกระถางเล็กๆ ก็แนะนำพันธุ์ มะเขือเทศพันธ์ุบ้านๆ หรือพันธุ์ ราชินี ซึ่งมีลูกเล็กๆ หวาน กินสดได้ และเติบโตเร็ว อดทนต่อโรคได้ดี ที่สำคัญคือพื้นที่ไม่เยอะ พันธุ์นี้ก็เหมาะสมมาก 2. เตรียมเมล็ดและดินเพาะ : การปลูกมะเขือเทศ เริ่มจากการเตรียมเมล็ดและดินกันก่อน ซึ่งการเพาะกล้ามะเขือเทศนั้นไม่ยากเลย เมล็ด: ถ้าเรามีเมล็ดจากมะเขือเทศที่กินไปแล้ว ก็สามารถนำมาใช้เพาะได้เลย แต่ถ้าไม่สะดวก ก็สามารถซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกได้ ดินเพาะกล้า: ใช้ดินร่วนผสมแกลบดิบหรือขุยมะพร้าวจะดีมาก เพราะมันช่วยให้ดินโปร่งและระบายน้ำได้ดี การเพาะ: หยอดเมล็ดลงในถาดเพาะหรือถ้วยเล็กๆ แล้วกดเบาๆ ให้เมล็ดจมลงไปหน่อย รดน้ำพอชุ่ม แล้ววางในที่ที่มีแสงแดดรำไร รอประมาณ 7-10 วัน เมล็ดก็จะงอกเป็นต้นกล้า 3. การย้ายกล้าลงดิน: เมื่อต้นกล้าเริ่มโตได้ประมาณ 4-6 ใบ เราก็สามารถย้ายลงแปลงปลูกหรือกระถางได้แล้ว ขนาดหลุม: ขุดหลุมลึกประมาณ 20 ซม. แล้วรองก้นด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเล็กน้อย เพื่อให้รากเจริญเติบโตได้ดี การปลูก: หลังจากที่ย้ายต้นกล้าลงหลุมแล้ว ให้นำดินกลบเบาๆ และกดให้แน่นหน่อย จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม 4. การดูแลต้นมะเขือเทศ : ต้นมะเขือเทศเป็นพืชที่ชอบแดดมาก ดังนั้นเราควรปลูกในที่ที่มีแสงแดดส่องถึงประมาณ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน น้ำ: รดน้ำให้ต้นมะเขือเทศทุกวัน โดยให้ดินชื้นอยู่ตลอด แต่ไม่ให้แฉะจนเกินไป เพราะอาจทำให้รากเน่าได้ ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักทุก 2-3 สัปดาห์ และเมื่อมะเขือเทศเริ่มออกดอก ควรเสริมปุ๋ยคอก เพื่อช่วยให้ดอกและผลเจริญเติบโตดี การค้ำต้น: เมื่อมะเขือเทศเริ่มโตและเริ่มออกดอก ควรใช้ไม้ค้ำต้นเพื่อไม่ให้ต้นล้มและลูกมะเขือเทศไม่สัมผัสพื้นดิน 5. การป้องกันโรคและแมลง : มะเขือเทศก็เหมือนพืชอื่นๆ ที่ต้องเฝ้าระวังโรคและแมลงต่างๆ ที่อาจจะมารบกวน เช่น เพลี้ยไฟ หนอนห่อใบ หรือโรครากเน่า การดูแล: ควรเด็ดใบล่างๆ ออกบ้าง เพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวกและลดการเกิดโรค น้ำหมักสมุนไพร: ถ้าเจอแมลงรบกวน สามารถใช้สเปรย์น้ำหมักสมุนไพร เช่น น้ำสะเดาหรือน้ำต้มใบยาสูบ เพื่อขับไล่แมลงโดยไม่ต้องใช้สารเคมี 6. การเก็บเกี่ยวผลผลิต : มะเขือเทศจะเริ่มให้ผลผลิตประมาณ 60-75 วันหลังจากย้ายกล้าลงดิน เมื่อลูกมะเขือเทศเริ่มสุกแดง ก็ค่อยๆ เก็บผลออกมาได้เลย การเก็บ: เก็บในช่วงเช้าหรือเย็นจะดีที่สุด เพราะจะทำให้มะเขือเทศสดและเก็บไว้ได้นานกว่า เก็บเมื่อผลสุกเต็มที่: ถ้าอยากได้รสหวานเต็มที่ให้รอให้ผลสุกเต็มที่ แต่ถ้าอยากเก็บไว้ใช้ทำอาหารหรือทำซอส ก็สามารถเก็บได้ตั้งแต่ยังไม่สุกเต็มที่ สรุปจากประสบการณ์จริงของผู้เขียน ในตอนแรกที่เริ่มปลูกมะเขือเทศ ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่พอได้ปลูกไปเรื่อยๆ ก็เห็นผลผลิตที่ออกดกและลูกโต จนเพื่อนๆ ที่บ้านแนะนำให้ไปขยายปลูกเพิ่ม เพราะมีความสุขกับการได้เห็นมะเขือเทศโตเร็วและได้ผลผลิตมาใช้ประโยชน์ ตอนแรกก็กลัวว่าจะปลูกยาก แต่พอรู้วิธีการดูแลและใส่ใจนิดหน่อย ก็เห็นผลที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกวันนี้มีมะเขือเทศให้กินสดๆ และนำไปทำอาหารเกือบทุกวัน ความรู้สึกมันไม่เหมือนกับการซื้อจากตลาด เพราะได้มาจากความพยายามและการดูแลของเราเองจริงๆ ดังนั้น หากใครคิดว่าจะปลูกมะเขือเทศแบบบ้านๆ ก็ลองดูเถอะค่ะ ไม่ต้องมีพื้นที่เยอะ หรืออุปกรณ์อะไรมากมาย แค่รู้วิธีดูแลให้ดี ต้นมะเขือเทศก็โตเร็ว ออกผลดก และทำให้บ้านเรามีมะเขือเทศสดๆ กินเองได้ทุกวันแน่นอน ภาพประกอบหน้าปกโดย กาลครั้งหนึ่งไม่นาน ออกแบบจาก canva ภาพประกอบเนื้อหาโดย กาลครั้งหนึ่งไม่นาน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !