ช่วงนี้ถ้าคุณรู้สึกว่า “ขับเท่าเดิม แต่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทุกเดือน” บอกเลยว่าคุณไม่ได้คิดไปเอง เพราะราคาน้ำมันกำลังแพงขึ้นแบบต่อเนื่องในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องใช้รถในการเดินทางประจำวัน ทั้งไปทำงาน ส่งลูกไปโรงเรียน วิ่งรับ-ส่งของ หรือแม้แต่งานสายครีเอเตอร์ที่ต้องเดินทางถ่ายคอนเทนต์ แค่น้ำมันขึ้นราคาเพียงลิตรละ 50 สตางค์ ก็ส่งผลถึงค่าใช้จ่ายรวมได้ทันที แต่ข่าวดีคือ เรายังสามารถ “ขับเหมือนเดิม แต่จ่ายน้อยลง” ได้ ด้วยเทคนิคเล็ก ๆ ที่หลายคนมองข้าม แต่รวมกันแล้วช่วยประหยัดน้ำมันได้จริงหลักพันบาทต่อเดือน โดยเฉพาะในยุคราคาน้ำมันขึ้นแบบนี้ 1. เติมน้ำมันตอนเช้า อากาศเย็น คุ้มกว่า เคยสังเกตไหมว่า บางวันเติมเท่ากัน แต่เหมือนน้ำมันหมดไวกว่า? สาเหตุหนึ่งที่หลายคนไม่รู้คือ อุณหภูมิส่งผลต่อน้ำมัน น้ำมันจะหนาแน่นขึ้นเมื่ออากาศเย็น และจะขยายตัวเมื่ออากาศร้อน ทริค: เติมช่วงเช้า (ก่อน 9 โมง) เลี่ยงการเติมช่วงบ่ายหรือกลางวัน โดยเฉพาะถังโลหะที่โดนแดดตรง ผลลัพธ์: น้ำมันที่เติมเข้าไปจะได้ “ปริมาณจริง” มากกว่า แม้จะต่างกันเล็กน้อย แต่ถ้าเติมเดือนละหลายครั้ง ก็ประหยัดได้เพิ่มจริง 2. เติมให้เต็มถัง ไม่ใช่เติมครั้งละนิด หลายคนกลัวภาระ เลยเลือกเติมน้ำมันครั้งละ 200 – 300 บาท แต่ในความเป็นจริง การเติมเต็มถังช่วยลดการระเหย และลดรอบการแวะปั๊มโดยไม่จำเป็น ทำไมถึงประหยัดกว่า? รถวิ่งต่อเนื่อง = เครื่องยนต์ร้อนคงที่ ประหยัดน้ำมันกว่าขับแล้วจอดบ่อย ไม่ต้องแวะปั๊มบ่อย ลดพฤติกรรม “เติมแล้วซื้อกาแฟ ขนม” ที่ทำให้จ่ายเพิ่ม 3. เลือกน้ำมันให้เหมาะกับรถ ใช้น้ำมันไม่ตรงเบอร์ = เปลืองมากกว่าที่คิด! หลายคนเข้าใจผิดว่าการใช้น้ำมันเบอร์สูงสุด (เช่น แก็สโซฮอล์ 95, E20) จะดีเสมอ แต่ความจริงคือ ให้เลือกตามคู่มือรถ เพราะน้ำมันเบอร์สูงกว่าจำเป็นไม่ได้ทำให้เครื่องแรงขึ้น แต่อาจ “แพงโดยใช่เหตุ” ตัวอย่าง: รถที่รองรับ E20 เติม 91 = ประหยัดกว่า แต่แรงอาจตก รถที่ไม่รองรับ E20 แล้วไปเติม = เครื่องมีปัญหาระยะยาว แนะนำ: อ่านคู่มือรถ หรือติดสติกเกอร์ในฝาถัง จะระบุประเภทน้ำมันที่เหมาะสมที่สุด 4. ใช้แอปสะสมแต้ม – ลดได้ทุกลิตร น้ำมันแพงก็จริง แต่ถ้าใช้สิทธิให้เป็น คุณอาจประหยัดได้ถึง 100–300 บาทต่อเดือนเลย แอปสะสมแต้มที่แนะนำ: PT Max Card – สะสมแต้มทุกลิตร แลกส่วนลด, แลกกาแฟ, บัตรเติมเงิน บางจาก – เติมครบยอด รับคูปองส่วนลด, ได้แต้ม The 1 Shell GO+ – สะสมแต้ม + รับโปรจากบัตรเครดิต SCB Easy / Krungsri / TTB – มีโปรส่วนลดเฉพาะปั๊มในบางช่วง ทริค: อย่าลืมสแกนทุกครั้งที่เติม และเช็กหน้าแอปช่วงสิ้นเดือน มีโปรลดพิเศษบ่อย ๆ 5. ใช้บัตรเครดิตที่มีแคชแบ็กเฉพาะน้ำมัน ถ้าคุณใช้บัตรเครดิตอยู่แล้ว อย่าปล่อยให้โปรดี ๆ หลุดมือ บัตรเครดิตหลายใบมี “เงินคืน” เฉพาะเวลาคุณเติมน้ำมัน เช่น KTC / SCB / Krungsri – เติมครบ 800 รับคืน 5% TTB So Chill / So Fast – คืนเงินสูงสุด 10% เฉพาะปั๊มบางแห่ง บัตรของรัฐวิสาหกิจบางแห่ง – มีส่วนลดสำหรับปั๊มที่ร่วมรายการ เช่น PT หรือ PTT ตัวอย่าง: เติมน้ำมันเดือนละ 4,000 บาท ได้คืน 5% = 200 บาท/เดือน หรือ 2,400 บาท/ปี 6. ดูแลรถให้พร้อม = ประหยัดน้ำมันอัตโนมัติ เครื่องยนต์ที่พร้อม ย่อมใช้น้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพกว่ารถที่มีปัญหา สิ่งที่ควรทำสม่ำเสมอ: ตรวจลมยางทุก 2 สัปดาห์: ยางอ่อน = กินน้ำมันเพิ่ม เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะ: ช่วยลดแรงต้าน ลดการเผาไหม้ เช็กกรองอากาศ / หัวฉีด: ถ้าสกปรก = น้ำมันจ่ายเยอะขึ้น ถ่วงล้อ + ตั้งศูนย์: รถนิ่ง วิ่งตรง ประหยัดน้ำมันกว่าแบบส่าย 7. พฤติกรรมขับขี่ = ตัวแปรที่ใหญ่ที่สุด สุดท้าย ไม่ว่าเราจะเลือกน้ำมันดีแค่ไหน แอปเยอะแค่ไหน แต่ถ้าขับแบบ “เหยียบ-เบรก-เหยียบ-เบรก” ทั้งวัน น้ำมันก็ไม่พอใช้แน่นอน ทริคจากผู้ใช้รถมืออาชีพ: ขับด้วยความเร็วคงที่: ประหยัดสุดในช่วง 80–100 กม./ชม. ไม่เร่งเครื่องแรงตอนออกตัว: เพราะกินน้ำมันกว่าช่วงอื่น ไม่เปิดแอร์เย็นจัด: คอมแอร์ทำงานหนัก = ใช้เชื้อเพลิงเพิ่ม ลดของหนักในรถ: ยิ่งแบก ยิ่งใช้แรงเครื่อง ซื้อรถใหม่ คิดเผื่อเรื่อง "น้ำมัน" ถ้าคุณกำลังวางแผนซื้อรถใหม่ในยุคนี้ อย่าคิดแค่ราคาดาวน์หรือค่าผ่อน ให้คิดถึง “ค่าน้ำมันต่อเดือน” ด้วย รถที่ประหยัดน้ำมันสูง: รถยนต์ Hybrid เช่น Toyota Yaris Cross Hybrid, Honda City รถ EV (ไฟฟ้า 100%) เช่น BYD Dolphin, MG4, Ora Good Cat — ค่าไฟเดือนละ 300–600 บาทเท่านั้น มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า – เหมาะกับขับในเมือง ใช้ไฟบ้านชาร์จได้เลย แม้ราคาซื้ออาจดูสูงกว่ารถน้ำมันทั่วไปในบางรุ่น แต่ ระยะยาวแล้วถูกกว่า โดยเฉพาะถ้าคุณต้องขับบ่อยหรือใช้รถทุกวัน สรุป: น้ำมันแพงไม่ใช่ปัญหา ถ้าเราฉลาดใช้ ราคาน้ำมันอาจเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ แต่ พฤติกรรมของเราเองคือสิ่งที่ควบคุมได้ การวางแผนการเติม ใช้สิทธิประโยชน์ให้ครบ และดูแลรถให้พร้อม ช่วยให้คุณประหยัดค่าน้ำมันได้จริงจัง บางคนลองทำครบทุกข้อที่แชร์ไป แล้วพบว่าจากที่เคยเสียค่าน้ำมันเดือนละ 5,000 บาท ลดเหลือ 3,800 ได้โดยไม่ต้องขับน้อยลงเลย ลองนำไปใช้ แล้วแชร์ให้คนรอบตัวได้รู้ด้วยนะครับ เพราะเรื่องนี้ “ประหยัดได้จริง และใคร ๆ ก็ทำได้” บทความและรูปภาพทั้งหมดมาจากเพจ The KING เดอะคิงส์ ให้การเดินทางของเราเป็นจุดเริ่มต้นเดินทางของคุณ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !