อาช็อก! หลานอนุบาล3 แขนหัก-ตัวสั่น ร.ร.ไม่ส่งรักษา อ้างเด็กไม่ร้องไห้-ไม่ขอให้ช่วย
อาสาววัย 42 เลือดขึ้นหน้า หลานชาย 5 ขวบ ชั้นอนุบาล 3 กลับถึงบ้านแขนหัก ตัวสั่น รีบส่งโรงพยาบาล กลายเป็นเรื่องดราม่า อาตั้งข้อสงสัยเด็กแขนหักตอนเที่ยงวัน ปล่อยทิ้งเด็กไว้ถึง 4 โมงเย็น ไม่แจ้งผู้ปกครอง ไม่พาไปหาหมอ ครูรู้สึกผิดตามหาขอเยียวยา 5.5 หมื่น ถึงวันนัดบอก”ไม่มี”ให้ฟ้องเอา เผยเงินจำนวนนี้ได้เตรียมมอบคืนโรงเรียน 2 หมื่นซื้อกล้องวงจรปิด
วันที่ 2 ก.ค.65 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านโคกสูง ต.โคกสูง อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ว่าครอบครัวไม่ได้รับความเป็นธรรม และอยากจะให้เป็นกรณีศึกษา หากเด็กนักเรียนได้รับอันตรายภายในโรงเรียนครู ผอ.ควรจะดำเนินการอย่างไร
นางสาวกรรณิการ์ คำโส อายุ 42 ปี ชาว ต.โคกสูง อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ 1 ต โคกสูง อ หนองกี่ จ บุรีรัมย์ ผู้ร้องเรียน ได้พาน้องเตเต้ อายุ 5 ขวบ นักเรียนชั้น อนุบาล 3 โรงเรียนบ้านโคกสูง คูขาด ซึ่งเป็นหลานของตัวเองมาให้ผู้สื่อข่าวดูสภาพแขนซ้ายที่เข้าเฝือก เพราะแขนหัก
น.ส.กรรณิการ์ เล่าว่า ตนเลี้ยงน้องเตเต้ ตั้งแต่อายุ 3 เดือน เพราะพ่อแม่ออกไปทำงานรับจ้างอยู่ต่างจังหวัด ส่วนตนมีศักดิ์เป็นอา อาชีพรับราชการ จึงอาสาเลี้ยงไว้เพราะสงสาร
ทุกเช้าหรือเย็นคนในครอบครัว จะผลัดกันไปส่งน้องที่โรงเรียน พอโตขึ้นบ้าน บางครั้งน้องก็เดินไป หรือกลับเองบ้าง ขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นมีใครว่างที่จะไปรับหรือไปส่งน้อง เพราะบ้านอยู่ไม่ห่างจากโรงเรียน
วันเกิดเหตุคือวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตอนเย็นตนได้บอกให้พี่ชาย ไปรับหลานที่โรงเรียน เพราะยังอยู่ในที่ทำงานซึ่งตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านเดียวกันกับโรงเรียน เวลาประมาณ 16.00 น.พี่ชายวิ่งมาบอกว่า”หลานแขนหัก”ตนจึงรีบกลับมาดูน้องที่บ้าน
ยอมรับว่าตกใจมากเมื่อเห็นสภาพหลาน เพราะน้องร้องไห้ตัวสั่ง พบแขนซ้ายหักผิดรูป เมื่อสอบถามหลานบอกว่าแขนหักตั้งแต่ตอนเที่ยงวัน จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลนางรอง อ.นางรอง บุรีรัมย์ เพราะรู้ว่าโรงพยาบาลหนองกี่ ไม่มีหมอกระดูก ซึ่งกว่าหมอจะช่วยเหลือได้เป็นเวลาประมาณ 22.00 น.วันเดียวกัน
วันต่อมาคือวันอังคาร ตนได้ไปถาม ผอ.ที่โรงเรียนว่าเกิดอะไรขึ้น ได้รับคำตอบครูประจำชั้นแบบแทบน้ำตาไหลว่า “เห็นตั้งแต่ตอนเที่ยง” แต่เด็กไม่ได้ร้องไห้ ไม่ได้ขอความช่วยเหลือ
วันต่อมา ทั้ง ผอ.และครูประจำชั้น นำกระเช้ามาขอโทษที่บ้าน บอกว่าทางโรงเรียนจะเยียวยาที่ปล่อยปะละเลยเด็ก จนกระทั่ง ผอ.เป็นคนสรุปว่าจะขอจ่ายเงินเยียวยาให้เป็นจำนวนเงิน 55,000 บาท จึงโทรศัพท์ไปบอกพ่อแม่เด็ก นัดจ่ายเงินในวันที่ 20 มิ.ย.
ส่วนหนึ่งครอบครัวรู้สึกเห็นใจโรงเรียน จึงตกลงกันว่า จะมอบเงินจำนวน 20,000 บาท คืนให้โรงเรียนไว้ไปซื้อกล้องวงจรปิด เมื่อถึงวันที่ 20 มิ.ย.ได้นัดกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ทางครอบครัวได้เตรียมเงินจำนวน 20,000 บาท ใส่ซองไว้เตรียมมอบให้ ผอ.เรียบร้อยแล้ว
แต่เมื่อไปถึงที่นัดหมาย ผอ.และคณะกรรมการสถานศึกษา พร้อมครูประจำชั้น มากันพร้อมหน้า สุดท้าย ผอ.เป็นคนเอ่ยปากเองว่า”ไม่มีเงินแม้บาทเดียว”ถ้าอยากได้ก็ต้องไปฟ้องเอา
น.ส.กรรณิการ์ กล่าวด้วยว่ารู้สึกผิดหวังของการบริหารของโรงเรียน สิ่งที่ยังคาใจไม่หายคือ เด็กแขนหักขนาดนั้น ทำไมครูไม่รู้ไม่เห็น แต่ทำไมเพื่อนหลานรู้กันทั้งห้อง แล้วสภาพของหลานคือแขนหักไม่ใช่ปวดท้อง มองด้วยตาเปล่าเห็นชัดเจน
อีกทั้งยังไม่พาเด็กไปหาหมอ ไม่แจ้งผู้ปกครองทราบ ปล่อยเวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมง จนหมอที่โรงพยาบาลทักตอนไปรักษาว่า”ทำไมปล่อยไว้นานขนาดนี้ เพราะอันตรายแขนอาจจะได้รับผลกระทบหลังรักษาหายแล้ว
ตอนนี้ครอบครัวได้ร้องไปยังศูนย์ดำรงธรรม และแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ที่ สภ.หนองกี่ไว้แล้ว แต่เรื่องยังเงียบอยู่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวอยากจะให้เป็นกรณีศึกษา ว่าครูผู้สอนควรจะใส่ใจกับเด็กนักเรียนอย่างไร ผู้บริหารควรจะมีมาตรการอย่างไรสำหรับครูที่ไม่สนใจเด็กนักเรียน