“อังคณา–สุณัย” เข้าพบ ผบ.ตร. ร้องคุ้มครองนักสิทธิมนุษยชนหลังถูกขู่เอาชีวิต

นักสิทธิมนุษยชนร้องตำรวจคุ้มครอง หลังถูกข่มขู่จากการตั้งคำถามต่อรัฐ
วันที่ 18 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภาและอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) พร้อมด้วยนายสุณัย ผาสุข นักวิชาการอาวุโสจากองค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ (Human Rights Watch) เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้ดำเนินมาตรการคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน หลังทั้งคู่ถูกข่มขู่และโจมตีอย่างรุนแรงบนโลกออนไลน์
ต้นตอของเหตุเกิดจากการที่อินฟลูเอนเซอร์รายหนึ่งนำรถเครื่องเสียงเข้าไปเปิดเสียงเฮลิคอปเตอร์ เสียงเครื่องบินรบ F-16 และเสียงโหยหวนคล้าย “ผี” กลางดึกในพื้นที่บ้านหนองจาน–บ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว เพื่อกดดันชาวกัมพูชาให้ออกจากพื้นที่พิพาทชายแดนไทย นางอังคณาและนายสุณัยได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเรียกร้องให้ภาครัฐเคารพสิทธิมนุษยชน และตรวจสอบเหตุผลของการอนุญาตให้เอกชนดำเนินกิจกรรมในพื้นที่กฎอัยการศึก แต่กลับถูกกล่าวหาว่า “ไม่รักชาติ” และถูกข่มขู่เอาชีวิต
อังคณาเผย ถูกโทรข่มขู่-ด่าทอรุนแรง หลังสื่อหยิบเรื่องชายแดนไปออกอากาศ
นางอังคณาเปิดเผยว่า หลังโพสต์แสดงความเห็นในเชิงตั้งคำถามต่อรัฐบาล ได้รับข้อความและโทรศัพท์ข่มขู่หลายครั้ง โดยสถานการณ์รุนแรงขึ้นหลังรายการโทรทัศน์ “โหนกระแส” และสื่อบางแห่งนำประเด็นนี้ไปเผยแพร่ มีถ้อยคำเหยียดหยาม เช่น “เป็นคนเขมหรือเปล่า” และมีบางรายถึงขั้นขู่ฆ่าครอบครัว
เธอกล่าวว่า การใช้ถ้อยคำอาฆาตมาดร้ายถือเป็นความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญาและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการสืบสวนจนพบผู้กระทำผิด พร้อมขอบคุณ ผบ.ตร. ที่สั่งจัดเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลความปลอดภัยให้ที่บ้านโดยไม่ต้องร้องขอ
นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐ เช่น กสม. กสทช. และตำรวจไซเบอร์ ออกมาแสดงบทบาทอย่างจริงจังในการปกป้องผู้ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน พร้อมย้ำว่า “การเห็นต่างไม่ควรนำไปสู่ความเกลียดชังหรือคุกคามผู้อื่น” และประเทศไทยในฐานะสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ควรยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชนสากล
สุณัย ผาสุข ชี้เป็นประเด็นระดับนานาชาติ ยูเอ็นติดตามใกล้ชิด
นายสุณัย ผาสุข เปิดเผยว่า ได้ยื่นหลักฐานการข่มขู่คุกคามต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงข้อความและลิงก์ในโซเชียลมีเดียที่มีเนื้อหาขู่ฆ่า พร้อมยืนยันว่ากรณีนี้ไม่ใช่เพียงปัญหาภายในประเทศ แต่ได้รับความสนใจจากองค์การสหประชาชาติ โดยผู้รายงานพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนและสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนได้แสดงความกังวลอย่างเป็นทางการแล้ว
เขาเน้นว่า การเตือนรัฐบาลเรื่องการใช้รถเครื่องเสียงชายแดนไทย–กัมพูชา เป็นไปด้วยความหวังดี เพราะพื้นที่นั้นอยู่ในเขตกฎอัยการศึก การปล่อยให้เอกชนดำเนินกิจกรรมอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การถูกโจมตีและข่มขู่จึงสะท้อนถึงช่องว่างของระบบคุ้มครองนักสิทธิมนุษยชนในไทย
เดินหน้าทำงานต่อ ย้ำต้องสร้างบรรทัดฐานสิทธิมนุษยชนไทย
ทั้งนางอังคณาและนายสุณัยยืนยันว่าจะยังคงทำงานด้านสิทธิมนุษยชนต่อไปโดยไม่หวั่นเกรง พร้อมเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้ที่เผยแพร่ข้อความสร้างความเกลียดชัง เพื่อสร้างบรรทัดฐานในการปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชนให้เป็นไปตามหลักสากล
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
