ปีใหม่วนมาอีกครั้ง ปี 2025 นี้ รับรองว่าคุณจะได้เห็นคนวิ่งจ๊อกกิ้งตอนเช้าเต็มสวนสาธารณะ สมาชิกใหม่ออกกำลังกายเต็มฟิตเนส เพราะหลายคนตั้งเป้าหมายในปีใหม่ หรือที่เรียกว่า New Year’s Resolutions พวกเขาถือโอกาสเริ่มต้นใหม่ ปรับปรุงตัวเองเพื่อเป็นคนใหม่รับปีใหม่ เหมือนกับแนวคิด New year, New me. คำถามก็คือในปี 2024 ที่ผ่านมา คุณได้ตั้งเป้าหมายอะไรไว้หรือเปล่า? แล้วคุณทำมันสำเร็จหรือไม่? ถ้าคำตอบคือ “ใช่ ทำสำเร็จทุกอย่าง” เราขอแสดงความยินดีด้วย! คุณไม่ต้องอ่านบทความนี้แล้ว แต่ถ้าคำตอบคือ “ทำได้แค่ 2-3 เดือนแล้วเลิก” ยินดีด้วยเช่นกัน! คุณได้ไปต่อ และถ้าอ่านบทความนี้จนจบ คุณจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในปีนี้อย่างแน่นอน ที่เรากล่าวถึงการตั้งเป้าหมายแล้วทำตามไม่ได้ อย่าเข้าใจเราผิดนะ เราไม่ได้จะบอกว่าการตั้งเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนตัวเองมันไม่ดี หรือไม่ได้ผล จริง ๆ แล้วแค่คุณตั้งเป้าหมาย คุณก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่ไม่ได้ตั้งซะอีก แต่อะไรล่ะ คือเหตุผลที่ทำให้คุณไปไม่ถึงฝั่งฝันเสียที? 1. กลัวความล้มเหลว ทุกคนผ่านมันมาแล้วทั้งนั้น และก็ไม่มีใครชอบความรู้สึกล้มเหลว โดยเฉพาะสมองของเรา สมองเราถูกตั้งโปรแกรมให้หลีกเลี่ยงอันตรายและความเจ็บปวดมาตั้งแต่ยุคบรรพบุรุษ มันอยู่ใน DNA ของพวกเรา เพื่อเป็นการเอาตัวรอด เช่น การหลีกเลี่ยงการล่าสัตว์ในที่เสี่ยงอันตราย มาถึงยุคนี้ สมองก็นับเอาความรู้สึกแย่จากความล้มเหลวเป็น "ความเจ็บปวด" ทำให้เราไม่อยากลงมือทำและหลีกเลี่ยงสิ่งที่เราคิดว่าถ้าเราทำแล้วอาจจะล้มเหลว และเลื่อนการทำสิ่งสำคัญออกไปหรือที่เรียกกันว่า “ผลัดวันประกันพรุ่ง” นั้นเอง วิธีแก้: เราต้องล้มเหลวบ่อย ๆ ล้มเหลวจนชิน เป็นการฝึกสมองว่าการล้มเหลวมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เราต้องไม่กลัวความล้มเหลว ใคร ๆ ก็ล้มเหลวได้ อันที่จริงแล้วการล้มเหลวมันเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จด้วยซ้ำ คุณคิดว่าโทมัส เอดิสัน สร้างหลอดไฟสำเร็จจากการทดลองครั้งแรกหรือเปล่า? แน่นอนว่าไม่ เพราะความสำเร็จมาจากการล้มเหลวซ้ำ ๆ ทำให้เราสั่งสมประสบการณ์ จนวันนึงเราทำมันได้สำเร็จ เราเคยไปเจอวิดีโอนึงเขาตัดมาจากการสัมภาษณ์นักบาส NBA ยานนิส อันเทโทคุนโป หลังการแข่งขันที่เขาเล่นแพ้และตกรอบ ยานนิสโดนนักข่าวถามด้วยคำถามเดิมที่ถามเขาปีที่แล้วว่า “คุณคิดว่าฤดูกาลนี้คือความล้มเหลวไหม?” เขาดูหัวเสียกับคำถามนะแต่ตอบได้ดีมาก เขาบอกว่า “ทุกปีที่คุณทำงาน คุณทำงานเพื่อเป้าหมายอะไรบางอย่าง ถูกไหม มันไม่ใช่ความล้มเหลวหรอก มันคือก้าวย่างที่นำไปสู่ความสำเร็จต่างหาก ไมเคิล จอร์แดน เล่นมา 15 ปี ชนะแชมป์ไป 6 ครั้ง 9 ครั้งที่เหลือมันคือความล้มเหลวหรอ?” 2. เป้าหมายของคุณยากเกินไป ถ้าคุณเป็นคนไม่ชอบออกกำลังกาย สมองคุณก็รู้ว่าคุณไม่ชอบออกกำลังกาย แล้วจู่ๆคุณบอกว่าปีนี้ฉันจะต้องไปฟิตเนสทุกวัน ถามว่ามันจะเป็นไปได้ไหม อาจจะได้แค่ตอนแรกๆ แล้วพอคุณรุสึกฝืน สมองก็จะบอกคุณว่าเอาไว้พรุ่งนี้เหอะ แล้วสุดท้ายก็อย่างที่รู้ๆกัน วิธีแก้: ตั้งเป้าหมายที่ง่าย ง่ายที่สุด ง่ายขนาดไหนก็แล้วแต่ที่คุณพอทำไหว เช่น ออก 2 วัน วันละ 15 นาที คุณอาจจะแย้งว่าถ้าง่ายขนาดนั้นไม่ต้องออกก็ได้กำลังกายหน่ะ แต่จริงๆแล้วมันเป็นการหลอกสมองว่าการออกกำลังกายไม่ใช่สิ่งที่แย่ขนาดนั้น และหลังจากทำได้ตามเป้าระยะหนึ่งคุณก็ค่อยเพิ่มเป้าหมายไป ลองคิดดูนะ ออกกำลังกาย 15 นาที 2 วันต่อสัปดาห์ เท่ากับปีละ 26 ชั่วโมง ถ้าคุณไม่ออกเลย มันคือ 0 ชั่วโมง แล้วแบบไหนดีกว่ากันหล่ะ? 3. คุณเบื่อ เวลาเรามีเป้าหมายอยากทำอะไรบางอย่างให้สำเร็จ เราต้องฝึกฝนหรือทำอะไรซ้ำ ๆ แล้วมันก็น่าเบื่อ แล้วยิ่งมันไม่เห็นผลทันทีด้วยนะ ไม่มีอะไรจูงใจให้คุณทำมันต่อ คุณคิดว่าน้องลิซ่าเป็นเด็กฝึก YG มา 5 ปี ก่อนได้เดบิวต์ เธอไม่เบื่อหรอ? ที่ต้องฝึกเต้น ฝึกร้องซ้ำ ๆ วนไปอยู่แบบนั้น คนส่วนใหญ่พอมาถึงจุดนี้ก็จะหยุดกลางคัน และจุดนี้แหล่ะเป็นเส้นแบ่งระหว่างคนที่ทำอะไรสำเร็จ และคนที่ล้มเหลว วิธีแก้: คุณต้องอดทนต่อความเบื่อหน่ายให้ได้ คุณอาจจะตั้งเกณฑ์ หรือเป้าหมายย่อยๆ เพื่อให้รางวัลตัวเองระหว่างทาง ในเมื่อสิ่งที่เราพยายามทำมันยังไม่เป็นผล การให้รางวัลตัวเองอาจจะสร้างความตื่นเต้น กระชุ่มกระชวยได้เล็กน้อย เช่น ถ้าคุณอยากสอบได้ที่ 1 แล้วคุณต้องอ่านหนังสือสอบกองพะเนิน คุณอาจจะให้รางวัลตัวเองโดยการดูซีรีส์ 1 ตอน (ย้ำว่า 1 ตอน) หลังจากอ่านหนังสือจบ 1 เล่ม 4. คุณเป็นผู้ที่ต้องการความสมบูรณ์แบบ (Perfectionist) ข้อนี้ถือว่าเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก ใครที่ไม่เป็นจะไม่เข้าใจ Perfectionism คือการที่คุณอยากทำอะไรให้สำเร็จ ให้สมบูรณ์แบบในครั้งแรกที่ทำ แต่พอคุณทำไม่ได้ในครั้งแรก ปุ๊บ คุณจะรู้สึกนอย และไม่อยากทำต่อ มันเป็นการที่คุณกดดันตัวเอง และคาดหวังกับตัวเองมากไปแบบไม่รู้ตัว ว่าต้องทำทุกอย่างออกมาดี หรือสำเร็จในครั้งแรก แล้วพอทำไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกแย่ วิธีแก้: ให้เวลากับตัวเอง ผลงานชิ้นแรกมันไม่ต้องดีมากก็ได้ เอาแค่พอใช้พอ ลดน้ำหนักวันแรก ๆ ไม่ต้องกินแต่ผักทุกมื้อก็ได้ ถ้าตะบะแตกตั้งแต่วันที่ 5 ก็ให้อภัยตัวเองแล้วกลับมาไดเอทใหม่ แทนที่จะเลิกไดเอทไปเลย อนุญาตให้ตัวเองค่อย ๆ พัฒนา คุณยังจะมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้ แต่ถ้าคุณหยุดตั้งแต่การพยายามครั้งแรก ๆ เพราะผลที่ได้ออกมามันไม่ได้ดั่งใจ คุณจะไม่มีโอกาสที่จะได้พัฒนาอีกเลย ดังที่วอลแตร์ นักปราชญ์ชาวฝรั่งเศสได้กล่าวไว้ว่า “Perfect is the enemy of good.” หมายถึง การพยายามทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ อาจทำให้เราไม่ได้เริ่มต้นหรือไม่สำเร็จอะไรเลย ทั้งที่ทำออกมาแค่ดีพอก็เพียงพอแล้ว สุดท้าย ไม่ว่าเป้าหมายของคุณในปีใหม่นี้คืออะไร ออกกำลังกายให้มากขึ้น เลิกสูบบุหรี่ ลดน้ำหนัก เริ่มทำธุรกิจออนไลน์ หารายได้เสริม ฯลฯ อย่างน้อย ๆ คุณต้องมีธงในใจ มีเป้าหมายชัดเจน และอย่าลืมเขียนเป้าหมายของคุณลงไปในกระดาษหรืออะไรสักอย่าง แล้วกลับมาดูมันทุกวัน หรือบ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ สำหรับเรา เราจะทำเป็นรายการสิ่งที่ต้องทำในสมุดแพลนเนอร์รายปี แล้วขีดฆ่าใน do to list ทุกวัน เราจะได้ทำมันทุกวันจนเกิดเป็นความเคยชิน แล้วก็ไม่ต้องกลัวนะว่าคุณจะล้มเหลว เพราะมันมีความเป็นไปได้อยู่แล้ว อย่าลืมว่าคุณก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่โบนัสพ้อยคืออะไรรู้มั้ย? “การที่คุณล้มเหลวแล้วไม่กลัวที่จะเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง” ใช่แล้ว มันยังดีกว่าการที่คุณไม่ได้ลองทำอะไรเพื่อเปลี่ยนหรือพัฒนาตัวเองเลย และมันก็ยังดีกว่าคนที่ล้มเลิกแล้ว เลิกเลยตลอดกาล การที่เริ่มต้นใหม่ก็เป็นการที่เราเปิดโอกาสให้ตัวเองก้าวไปสู่ความสำเร็จอีกครั้ง เราจึงขอทิ้งท้ายบทความด้วยประโยคดีๆ จากหนังชื่อ "Little Miss Sunshine" ตอนที่คุณปู่บอกกับเด็กหญิงในเรื่อง หลังจากที่เธอรู้สึกไม่มั่นใจและกลัวว่าจะแพ้การแข่งขันในวันพรุ่งนี้ เธอกลัวว่าจะเป็น “คนขี้แพ้” คุณปู่บอกว่า “คนขี้แพ้คือคนที่กลัวแพ้มากซะจนไม่กล้าที่จะแข่งต่างหาก แต่นู๋ยังพยายามอยู่หนิ ถูกมั้ย?” อย่ากลัวที่จะเริ่มต้นใหม่ในปีนี้ Happy New Year 2025 ค่ะ! ขอบคุณภาพและวิดีโอประกอบบทความจาก Pixabay ภาพหน้าปก โดย geralt / 1 โดย planet_fox / 2 โดย lecreusois / 3 โดย Engin_Akyurt / 4 โดย StartupStockPhotos เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !