สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะขอพาทุกคนไปแนะนำที่เรียนต่อระดับอุดมศึกษา หรือมหาวิทยาลัย ซึ่งเราสามารถเรียนจบปริญญาตรีได้เพียงแค่อายุ 19 ปี โดยการสะสมหน่วยกิตผ่านระบบ Pre Degree คงไม่มีใครไม่รู้จักที่นี่แน่ ๆ ที่นี่คือ " มหาวิทยาลัยรามคำแหง " มหาวิทยาลัยของคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ มารวมกันตรงนี้ ด้วยค่าหน่วยกิตที่ถูกที่สุด เพียงหน่วยกิตละ 25 บาท สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรีภาคปกติ และ 50 บาท สำหรับนักศึกษา Pre Degree แต่คุณภาพการศึกษาและความรู้ที่ได้รับไม่แพ้ที่ไหนเลย ขอยืนยัน ณ ตรงนี้ค่ะ ขอเล่าประวัติของมหาวิทยาลัยให้ทุกคนเข้าใจกันก่อนนะคะ มหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นมหาวิทยาลัยระบบเปิดแบบตลาดวิชา ไม่มีข้อจำกัดทางการศึกษา ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนสามารถที่จะสมัครเรียนได้ โดยรับสมัครนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เข้าเรียนเพื่อเก็บหน่วยกิตระดับปริญญาตรีได้ล่วงหน้า ( Pre Degree ) ย่นระยะเวลาการเรียนในมหาวิทยาลัยได้เร็วขึ้น และรับสมัครนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เข้าศึกษาระดับปริญญาตรีภาคปกติ หรือบุคคลที่สนใจอยากศึกษาต่อ ไม่ว่าจะเป็นผู้ศึกษาปริญญาใบที่ 2 คนที่เกษียณอายุการทำงาน หรือคนทำงานที่ต้องการศึกษาต่อ ให้มีโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม เรียกได้ว่าเป็น " มหาวิทยาลัยของประชาชน " อย่างแท้จริง การที่เราก้าวเข้ามาที่นี่ไม่ได้เพียงแค่ใบปริญญาที่นำไปประกอบอาชีพในอนาคต แต่ที่นี่คือชีวิต ประสบการณ์ และวัฒนธรรม ของคนทั่วประเทศมารวมตัวกันอยู่ค่ะ วันนี้จะขอแนะนำคณะยอดฮิตที่คนส่วนใหญ่เลือกเรียนกัน เรามาดูกันเลยดีกว่าว่ามีคณะอะไรบ้าง 1.คณะนิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ รามคำแหง ดังมากในวงการทนายความ อัยการ ผู้พิพากษา และการเข้ารับราชการในด้านกฎหมาย ด้วยชื่อเสียงอันยาวนาน เลื่องลือ และหลักสูตรการเรียนการสอนที่เข้มข้น มีการถ่ายทอดการเรียนการสอนวิชากฎหมายพื้นฐานผ่านระบบออนไลน์ของมหาวิทยาลัย เข้าเรียนซ้ำได้ไม่จำกัดรอบ คนที่เรียนคณะนี้จะต้องเป็นคนที่รักการอ่าน เพราะต้องอ่านและท่องประมวลกฎหมายเป็นหลัก มีการเขียนที่ดี อธิบายได้ชัดเจนตรงประเด็น ตีความและเข้าใจความซับซ้อนของข้อกฎหมายได้เป็นอย่างดี ทุกคนเรียนได้ขอแค่ตั้งใจ มีวินัย ไม่ล้มเลิก นักศึกษา Pre Degree หลายคนเรียนจบนิติศาสตร์ เพียงแค่อายุ 19 ปี แบบนี้มีกำลังใจขึ้นมาเยอะเลยใช่ไหมค่ะ 2.คณะรัฐศาสตร์ เป็นคณะที่ผู้เขียนจบมาค่ะ ซึ่งดังมากไม่แพ้นิติศาสตร์เลย ใครที่มีความใฝ่ฝันอยากเข้ารับราชการในด้านต่าง ๆ หรือเป็นนักการทูต ควรเรียนคณะนี้ ที่นี่จะมี 3 แผนวิชาการเรียน คือ การเมืองการปกครอง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และบริหารรัฐกิจ สามารถเลือกแผนได้ตามใจชอบเลย คณะนี้ก็อ่านหนังสือหนักไม่แพ้นิติศาสตร์ แต่จะไม่เน้นการเขียนเท่านิติศาสตร์ แต่ก็ต้องมีทักษะในการเขียนอธิบาย การเรียนรัฐศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ค่อนข้างกว้าง การเลือกเรียนวิชาโทจะช่วยให้เรามีความรู้ด้านอื่นเพิ่มเติม โดยส่วนใหญ่วิชาโทนั้นคนจะเลือกเรียน สื่อสารมวลชน บริหารธุรกิจ และนิติศาสตร์เป็นหลัก แต่เราสามารถแตกต่างได้ หากเราอยากเรียนภาษาที่นี่ก็มีวิชาให้เราลงค่อนข้างเยอะค่ะ จะอธิบายต่อไปในส่วนของคณะมนุษยศาสตร์ คนส่วนใหญ่ที่ตั้งใจเรียนรัฐศาสตร์จริง ๆ จะสามารถจบได้ภายใน 3 ปี หากเราลงหน่วยกิตในแต่ละเทอมเต็มที่ เหนื่อยหน่อยแต่คุ้มนะคะ 3.คณะบริหารธุรกิจ ใครที่เป็นสายการบริหาร การจัดการ การวางแผน หรือชอบทางด้านบัญชีและตัวเลข จะมาลงคณะนี้เป็นส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่การเรียนคณะบริหารธุรกิจสำหรับคนที่เรียนไปทำงานไป อาจจะต้องมีเวลาให้กับการเข้าห้องเรียนเพื่อฟังบรรยายในบางวิชา ในชั้นเรียนที่สูงขึ้นไปอย่างชั้นปีที่ 3 หรือ 4 นะคะ จะช่วยให้เราเข้าใจในเนื้อหาที่เรียนมากยิ่งขึ้น รวมถึงคณะอื่น ๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดด้วย เพราะบางวิชาไม่มีการถ่ายทอดสดผ่านทางออนไลน์ อาจจะต้องบริหารและจัดการเวลาให้ดีค่ะ 4.คณะมนุษยศาสตร์ สายภาษาและปรัชญามารวมกันตรงนี้ค่ะ ที่นี่เปิดสอนภาษาค่อนข้างเยอะเลย อย่างภาษาไทย จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน สเปน และรัสเซีย แต่ขอกระซิบบอกตรงนี้เลยว่า อยากให้คนที่เรียนคณะนี้เข้าเรียนอย่างน้อย 70-80 % เนื่องจากเป็นคณะที่มีวิชาที่ไม่ได้ถ่ายทอดสดผ่านออนไลน์ค่อนข้างมาก เนื่องจากจำนวนนักศึกษามีไม่มากเท่าทั้ง 3 คณะที่กล่าวมา จึงอยากแนะนำคนที่สนใจคณะนี้เข้ามาเรียนแบบเต็มเวลา เพราะการเรียนแบบเต็มเวลา เราจะได้พบปะกับเพื่อนร่วมคณะ ได้มีโอกาสพบอาจารย์ผู้บรรยาย และมีกิจกรรมที่ได้ทำเหมือนมหาวิทยาลัยปิดเลยค่ะ และที่สุดท้ายที่เป็นหัวใจของการค้นคว้าหาความรู้ระดับมหาวิทยาลัย นั่นก็คือ " สำนักหอสมุดกลาง " รวบรวมตำราต่าง ๆ ของทุกคณะไว้แล้ว รวมทั้งวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาระดับปริญญาโทและเอก ที่สำคัญช่วงใกล้สอบและช่วงสอบคือพีคมาก ที่นั่งในหอสมุดมักจะเต็มไวมาก ตั้งแต่หอสมุดเปิดจนหอสมุดปิดค่ะ เพราะนักศึกษาจะมาจองพื้นที่อ่านหนังสือกันทั้งวันทั้งคืน ซึ่งผู้เขียนก็ทำแบบนั้นตลอด 3 ปีที่เรียนที่รามคำแหง ผู้เขียนคิดเสมอว่าเป้าหมายที่เราตั้งไว้ว่าจะจบให้ได้สามปี เราต้องสู้อย่างเต็มที่แล้วเราก็ได้มันมาจริง ๆ แต่ระหว่างทาง เรามีเพื่อนที่เรียนด้วยกัน จนคบกันมาถึงปัจจุบันมากมาย ได้ฝึกงานเหมือนมหาวิทยาลัยปิด และทำงานพาร์ทไทม์ตลอด 3 ปีที่เรียน และร่วมกิจกรรมของมหาวิทยาลัยตลอด เรียกว่าคุ้มสุด ๆ เลย สำหรับผู้เขียนนะคะ และเราไม่เคยกดดันตัวเอง แค่รู้ว่าเราทำดีที่สุดแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว และของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ การได้เกียรตินิยมอันดับ 2 จากการความพยายามและไม่ย่อท้อค่ะ ผู้เขียนทำได้คุณก็ทำได้ค่ะ มาเรียนรามคำแหงกันนะคะ ขอเชิญชวนค่ะ สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ru.ac.th ภาพทั้งหมดโดย " ผู้เขียน " เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !