"Volvo" เลิกจ้างพนักงาน 3,000 คน ปรับกลยุทธ์สู้ศึกการค้าโลก l การตลาดเงินล้าน

บริษัท Volvo Cars ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติสวีเดน เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า บริษัทจะปลดพนักงานกว่า 3,000 ตำแหน่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพนักงานสายออฟฟิศ (white-collar) เป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับโครงสร้างองค์กร ที่ได้ประกาศไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุน รับมือกับความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ชะลอตัว รวมถึงความไม่แน่นอนทางการค้าในระดับโลก

ฮากัน ซามูเอลสสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งเพิ่งกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้งหลังเคยเป็นผู้นำบริษัทมากว่า 10 ปีจนถึงปี 2022 ระบุว่า การปลดพนักงานครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่บริษัทกำลังพยายามกู้ภาพลักษณ์และราคาหุ้นที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงกระตุ้นความต้องการรถยนต์ของตนด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยแผนการลดต้นทุนรวมมูลค่ากว่า 18,000 ล้านโครนาสวีเดน ประมาณ 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 

ซามูเอลสสัน ระบุว่า การปรับลดครั้งนี้จะกระทบพนักงานในเกือบทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นวิจัยและพัฒนา การสื่อสาร หรือฝ่ายทรัพยากรบุคคล โดยกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้เราประหยัดงบประมาณและเปิดโอกาสให้บุคลากรสามารถรับผิดชอบในระดับที่สูงขึ้นได้

เฟรดริก ฮันส์สัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินคนใหม่ของบริษัท ให้สัมภาษณ์ว่า พนักงานส่วนใหญ่ที่จะได้รับผลกระทบอยู่ที่เมืองโกเธนเบิร์ก ประเทศสวีเดน และการเปลี่ยนแปลงนี้จะครอบคลุมทั้งองค์กร แม้จะมีความแตกต่างไปตามลักษณะงานแต่ละฝ่ายก็ตาม

บริษัทระบุว่าการปลดพนักงานในครั้งนี้คิดเป็นประมาณร้อยละ 15 ของพนักงานสายออฟฟิศทั้งหมด และจะก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างเพียงครั้งเดียวราว 1,500 ล้านโครนาสวีเดน

ด้วยฐานการผลิตหลักที่อยู่ในยุโรปและจีน บริษัทจึงมีความเสี่ยงสูงต่อภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะหากมีการปรับขึ้นภาษีรถยนต์จากยุโรปตามที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขู่ว่าจะเริ่มในเดือนมิถุนายน ก่อนจะขยายเวลาไปถึงเดือนกรกฎาคมเพื่อเปิดโอกาสให้การเจรจากับสหภาพยุโรปยังคงดำเนินต่อไป

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะจัดโครงสร้างใหม่ให้แล้วเสร็จภายในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ ขณะที่ราคาหุ้น Volvo Cars ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 ในช่วงบ่ายของวันจันทร์ ก่อนที่ข่าวการปลดพนักงานจะเผยแพร่อย่างเป็นทางการ โดยราคาหุ้นตลอดทั้งปีนี้ยังคงลดลงกว่าร้อยละ 24