สหรัฐฯ ฟ้อง Google ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด

วันนี้ (21 ต.ค.63) กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นฟ้อง กูเกิล บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติสหรัฐฯ ต่อศาลในกรุงวอชิงตัน ฐานละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด ด้วยการใช้สถานะผู้ครอบครองตลาดเทคโนโลยีการค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต หรือ search engine เพื่อสกัดคู่แข่ง และพยายามผูกขาดตลาดการโฆษณา และผลการค้นหาด้วย

นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ยังเปิดเผยด้วยว่า 90% ของการค้นหาผ่าน search engine ในสหรัฐฯ ใช้กูเกิล โดยเฉพาะ การค้นหาผ่านโทรศัพท์ในสหรัฐฯ อย่างเดียว ก็ใช้กูเกิลมากถึง 95% 

ไม่ใช่แค่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ทางการท้องถิ่น 11 รัฐ ก็ร่วมฟ้องกูเกิลในข้อหานี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น อาร์คันซอ ฟลอริดา จอร์เจีย อินดีแอนา เคนตักกี้ ลุยเซียนา มิสซิสซิปปี มิสซูรี มอนทานา เซาท์แคโรไลนา และเท็กซัส ทำให้การฟ้องร้องต่อกูเกิลครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในการดำเนินคดีทางกฎหมายที่มีความสำคัญมากที่สุดในวงการเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ในรอบกว่า 20 ปี

โดยระหว่างนี้ กระทรวงยุติธรรมและคณะกรรมาธิการด้านการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ( FTC) ก็กำลังตรวจสอบบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็น แอปเปิล แอมะซอน และเฟซบุ๊ค ว่าทำผิดในกรณีเดียวกันหรือไม่

ที่ผ่านมา นักการเมืองและองค์กรปกป้องผู้บริโภคในสหรัฐฯ ต่างกล่าวหากูเกิลว่าใช้ความเป็นผู้ครอบครองตลาด search engine เพื่อประโยชน์ในการสกัดคู่แข่งขันรายอื่น และเพิ่มกำไร ซึ่งส่งผลเสียต่อผู้บริโภค

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กูเกิลถูกปรับเงินจากสหภาพยุโรปเป็นมูลค่ารวมเกือบ 10,000 ล้านดอลลาร์ จากคดีที่กูเกิลถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดในยุโรปเช่นกัน