"ประวิตร" ถก 17 โครงการพัฒนาแหล่งน้ำพื้นที่ อีอีซี
วันนี้ (3ก.ค.63) ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ครั้งที่ 2/2563 เพื่อรับทราบความก้าวหน้าการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ และร่วมกันพิจารณาทบทวนเป้าหมายขับเคลื่อนโครงการสำคัญ รวมถึงการปรับปรุงเร่งรัดแผนงานก่อสร้างภายใต้โครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำภาคตะวันออกรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ก่อนให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) พิจารณาในวันที่ 22 กรกฎาคมนี้
พลเอก ประวิตร กล่าวว่า ความต้องการใช้น้ำของทุกภาคส่วนมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี เนื่องจากการขยายตัวทางด้านสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะ พื้นที่ อีอีซี ที่มีแผนพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับการเจริญเติบโตในทุกด้าน ทำให้มีความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคในอนาคต ทั้งนี้ รัฐบาลได้มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) จัดทำแผนการพัฒนาแหล่งน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ดังกล่าว จำนวน 38 โครงการ สามารถเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนได้ถึง 872 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยได้รับจัดสรรงบประมาณขับเคลื่อนแล้ว 16 โครงการ เมื่อเสร็จตามแผนงานก่อสร้าง ปี 2565 จะมีปริมาณน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้น 253.6 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการระบบสูบกลับคลองสะพาน-อ่างเก็บน้ำประแสร์ จังหวัดระยอง
สำหรับการประชุมในวันนี้ มีโครงการสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อน 17 โครงการ ใน 7 กลุ่มโครงการ ได้แก่ 1.โครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล กำหนดแผนงานเริ่มก่อสร้าง ปี 2565-2566 ซึ่ง สทนช. ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เร่งขับเคลื่อนโครงการ โดยมอบหมาย ปตท. และ อีสท์ วอเตอร์รวบรวมข้อมูลด้านเทคโนโลยีและวิเคราะห์ราคาค่าน้ำที่เหมาะสมคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ เพื่อกำหนดหน่วยงานของรัฐขับเคลื่อนโครงการฯ ให้เป็นรูปธรรมภายในปี 2564 ,2.โครงการพัฒนากลุ่มบ่อน้ำบาดาลสำหรับอุตสาหกรรม 12 ล้านลูกบาศก์เมตร ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล
3.กลุ่มโครงการอ่างเก็บน้ำลุ่มน้ำบางปะกง 2 โครงการ ของกรมชลประทาน , 4.กลุ่มโครงการอ่างเก็บน้ำคลองโพล้ จ.ระยอง 2 โครงการ ของกรมชลประทาน, 5.กลุ่มโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำของแหล่งน้ำเดิม 4 โครงการ ของกรมชลประทาน, 6.กลุ่มโครงการอ่างเก็บน้ำคลองสียัด จ.ฉะเชิงเทรา 2 โครงการ ของกรมชลประทาน, และ 7.กลุ่มโครงการเชื่อมโยงอ่างเก็บน้ำประแสร์ จ.ระยอง และปรับปรุงขยายเขตการประปาส่วนภูมิภาค จ.ชลบุรี 5 โครงการ ซึ่งการพัฒนาโครงการในกลุ่มที่ 7 นี้ จะต้องพิจารณาทบทวนตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในการพัฒนาอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนดด้วย
พลเอกประวิตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนงานก่อสร้างโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ อีอีซี หากดำเนินการแล้วเสร็จ จะเพิ่มความมั่นคงด้านน้ำให้กับทุกภาคส่วนในพื้นที่ภาคตะวันออก ประชาชนมีใช้น้ำได้อย่างเพียงพอและเป็นธรรม พร้อมสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมให้เติบโตได้ในระยะยาวอย่างยั่งยืน และที่ประชุมในวันนี้ได้ตั้งคณะทำงานทางเทคนิคการพัฒนาโครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลรองรับ อีอีซี ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ทางวิชาการเฉพาะด้าน มาเสริมทัพร่วมกันทำงาน เพื่อสนับสนุนการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนในพื้นที่ได้อีกทางหนึ่ง และยังสามารถนำไปใช้ในพื้นที่อื่นๆ ที่มีความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำได้อีกด้วย
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline